--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

แก๊ง 4 สหาย



ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ เหล็กใน

บ่ายๆ ก็คงรู้กันแล้วว่าออกหัวหรือก้อยพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ยังเป็นผบ.ตร.อยู่เหมือนเดิม หรือว่าจะโดนปลดโดนย้ายตามกระแสหลังจากนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งฮึ่มๆ จะเปลี่ยนตัวผบ.ตร.มาตลอด 2 สัปดาห์

ระบุว่าจะชี้ขาดเรื่องนี้ภาย ในวันนี้ต้นข่าวการปลดผบ.ตร. ย้อนไปถึงคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำม็อบเสื้อเหลืองเป็นเรื่องก็ตอนที่พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร. ซึ่งเคยรับปากม็อบพันธมิตรฯ ไว้ว่าจะคลี่คลายคดียิงนายสนธิก่อนเกษียณฯ ประกาศออกมาว่ามีนายตำรวจบางคนเป็นไส้ศึกจากนั้นก็มีการปล่อยข่าวกันอย่างต่อเนื่องว่า "ตำรวจใหญ่" เป็นตัวอุปสรรค

ขวางการสืบสวนสอบสวนของพล.ต.อ.ธานีลือกันหนักขึ้นทุกวันถึงขั้นจะปลดผบ.ตร.!?นายกฯ มาร์คก็รับลูกข่าวลือ บอกมีรายงานจากตำรวจว่ามีตัวอุปสรรคปัญหาจริงๆแม้ว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ที่ดูแลงานตำรวจ

จะออกมายืนยันหลายครั้งหลายหนว่าผบ.ตร.ไม่ใช่ตัวอุปสรรคคดีนี้ระบุด้วยว่าในรายงานลับ 4 ฉบับของพล.ต.อ.ธานีเอง พล.ต.อ.พัชรวาท พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วยผบ.ตร. และพล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. ก็ไม่ได้ระบุว่าผบ.ตร. เป็นตัวอุปสรรคของคดีถึงอย่างนั้นท่าทีของนายกฯ มาร์คก็ไม่ได้ลดราวาศอก แบบว่าผบ.ตร.จะเป็นอุปสรรคหรือเปล่าไม่รู้แต่จะปลดให้ได้ทำให้เกิดข้อสงสัยกันว่า

สาเหตุที่แท้จริงของการจ้องปลดผบ.ตร. มันเป็นเรื่องอะไรกันแน่ล่าสุดมีกระแสข่าวออกมาว่า "แก๊ง 4 สหาย" อยู่เบื้อง หลังข่าวลือปลดนี้มีพล.ต.อ.ในราชการ 2 นาย พล.ต.อ.นอกราชการ 1 นาย และแกนนำม็อบอีก 1 คนวางแผนปล่อยข่าวเรื่องไส้ศึก สาดโคลนเรื่องรับเงินวิ่งเต้นเก้าอี้ 200 ล้านทิ้งน้ำหนักไปที่เรื่องผบ.ตร.เป็นตัวอุปสรรคในคดียิงนายสนธิทั้งที่ ไม่ได้มีข้อมูลหลักฐานอะไรหรือถ้าผบ.ตร.ใส่เกียร์ว่าง

ไม่ทำคดีเสื้อแดงทำร้ายนายกฯ นั่นสิ ถึงควรจะปลดต้นตอปล่อยข่าวเล่นงานก็มาจากแก๊ง 4 สหายแค้นฝังหุ่น ฝากนายพลตำรวจล็อตที่ผ่านมาแล้วไม่ได้ เลยร่วมมือกับนักการเมืองคนใกล้ตัวนายกฯ เล่นงานผบ.ตร.จนสุดท้ายมีฝ่ายการเมืองต่อรองกับผบ.ตร. 2 ประเด็นด้วยกันเรื่องแรกให้ผบ.ตร.เปิดโอกาสให้แก๊ง 4 สหายเข้าไปรื้อทำโผนายพลใหม่อีกรอบอีกเรื่องก็ให้เปลี่ยนพนักงานสอบสวนคดีก่อการร้าย!?แบไต๋ออกมาก็เรื่องผลประโยชน์ล้วนๆขย่มกันมาตลอดทั้งเดือนก็แค่เรื่องนี้เกมการเมืองล้วนๆ

ประชาธิปัตย์ ขาลง เมื่อ ปชช.รับไม่ได้กับการแก้ปัญหาชาติแบบ "ขอไปที"

โดย คุณสองคม
ที่มา เวบไซต์ บางกอกทูเดย์
30 กรกฎาคม 2552

การเข้ามาเป็นรัฐบาลอย่างเปะปะ ขาดการวางแผนที่ดีในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติของพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้พรรคการเมืองนี้ กำลังเข้าสู่สภาพ “ขาลง”

เพราะประชาชนมากมายไม่อาจรับได้ กับการแก้ปัญหาแทบทุกปัญหาของชาติ ด้วยการ “ขอไปที”ขาดงบประมาณก็ กู้ยืมมา 800,000 ล้าน กู้ไม่ได้ เพราะเคยกู้มาเต็มเพดาน ก็ ออกกฎหมายมาข่มขืน ข่มเหงเอาตามใจชอบ ต่างๆ เหล่านี้ ทำให้ผมเห็นว่า เป็นอันตรายต่ออนาคตของชาติ

อนาคตของพรรคประชาธิปัตย์ และอนาคตของนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เองผมอยากให้ประดาผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ ได้เปลี่ยนทัศนคติใหม่ ในการเลิกมองโลกในแง่บ้าเสียทีทุกวันนี้ ...โลกเจริญก้าวหน้าไปมาก ประชาชนคนรากหญ้าทั้งหลายต่างรู้ว่า ...

ใครคือคนที่เขาควรจะเคารพนับถือ??จึงไม่น่าแปลก ทั้งที่มันแปลกมาก ในการที่โพลล่าสุดชี้ออกมาว่า ณ วันนี้ คะแนนนิยม ของ ทักษิณ ชินวัตร เหนือกว่าคะแนนนิยมของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทั้งที่คนหนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี

มีทั้งอำนาจและโอกาสในการสร้างผลงานมากกว่าอีกฝ่ายที่เป็นเพียง “ผู้ลี้ภัย” จากการถูกกฎหมายจาก คมช. หรือคณะปฏิวัติ รุมกันล้อมกรอบ!!ผมอยากให้อภิสิทธิ์ที่เป็นนักเรียนนอก มีชาติตระกูลที่ดี คิดเรื่องดีๆ ที่เป็นมงคลต่อตัวเอง ดีกว่าการจ้อง “ตีสำนวน” เหมือนลำตัด หรือพวกทอล์กโชว์ณ วันนี้ ทักษิณ ชินวัตร เป็นเพียงประชาชนหรือราษฎรคนหนึ่ง ที่อยู่ภายใต้การดูแลของอภิสิทธิ์เช่นกัน แต่เพราะ“ทักษิณ” เหนือกว่าอภิสิทธิ์ในทุกกระบวนท่า

คนไทยค่อนประเทศและชาวโลก จึงมอง “มาร์ค” เหมือน “มือใหม่หัดขับ”คนที่ทำให้อภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ คือ สุเทพ เทือกสุบรรณ แม้จะผิดวิธีผิดแนวทางประชาธิปไตย แต่อภิสิทธิ์ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วเมื่อเป็นแล้ว ก็ควรทำจิตให้นิ่ง นั่งทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต เปลี่ยนแปลงทัศนคติ บุคลิก และการวางตัวกับคำพูดเสียใหม่อย่าแดกดัน!! อย่าแฝงความริษยาลงไปในคำพูด

อย่างที่พูดถึงทักษิณด้วยคำว่า “ดวงตาเห็นธรรม”??คนที่น่าจะต้องพยายามทำให้ตัวเอง “ดวงตาเห็นธรรม” คือ อภิสิทธิ์เอง!! ไม่ใช่ทักษิณ!!อยากให้มาร์คหันมามองสุเทพ ซึ่งเปรียบเหมือนพี่และลูกพี่ จะเห็นสุเทพเปลี่ยนไปมากในระยะนี้ หลายคำถามที่ถูกนักข่าว “ถามนำ” คุณสุเทพไม่ตอบ แต่จะบอกว่า “ผมไม่ตอบเรื่องอย่างนี้”สุเทพพูดถึง

ผลสำรวจความเห็น เรื่องการทำงานของรัฐบาล ที่ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีคะแนนนิยมมากกว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า ถือเป็นเรื่องปกติ ที่ในแต่ละช่วงเวลา คะแนนนิยมจะมีขึ้นลงบ้าง ในอดีต นายกฯ อภิสิทธิ์ ก็เคยมีคะแนนนิยมมากกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จึงไม่ใช่เรื่องน่าวิตกขณะนี้ ...คนในครอบครัว “เทือกสุบรรณ” คุณดำรง เทือกสุบรรณ ผู้สมัครหมายเลข 1 เจ้าของพื้นที่เดิม และเป็นหลานนายสุเทพ ยังแพ้การเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สุราษฎร์ธานี ถือเป็นการ “ล้มช้าง” และเป็นลางร้ายสำหรับสุเทพ และ ปชป.ต่างๆเหล่านี้ ...คือ “การเตือนครั้งสุดท้าย” สำหรับ “คนใต้” ที่มีต่อ “บางคนใน ปชป.”เลิกเหิมเกริม แล้วมาสร้างสามัคคีในชาติ สร้างความปรองดองตามที่ทักษิณ ชินวัตร เสนอแนวทางมาดีกว่า!!ก่อนที่จะถูกประชาชน “พิพากษา”!!

วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ทักษิณทีวี : ต่างจากที่นึก ลึกกว่าที่คิด

แนวร่วมREDฉบับพระเมตตาฯ-หน้าปกของนิตยสารแนวร่วมREDฉบับล่าสุด พาดปก"พระเมตตาจากฟ้าสุรารัยสู่แดนดิน"ในวาระประชาชนไทยร่วมใจถวายฎีกาพระราชทานอภัยโทษ กำหนดวางแผงวันศุกร์ที่ 31 ก.ค.นี้ทั่วประเทศที่มา นิตยสารแนวร่วมRED30 กรกฎาคม 2552

นอกจากมิ่งขวัญแล้ว อีกคนหนึ่งที่เชื่อว่าน่าจะหวนกลับมาเป็นแม่ทัพสำคัญ ก็คือ ทรงศักดิ์ เปรมสุข โคตรเซียนการตลาดที่ปลุกปั้น ไอทีวี จนโด่งดัง ทรงศักดิ์ได้ชื่อว่าเป็นขุนพลมือฉมังที่ทักษิณเชื่อมั่นอย่างมาก ทรงศักดิ์เก่งแค่ไหน นักสื่อสารมวลชนอย่าง”กาแฟดำ” สุทธิชัย หยุ่น น่าจะรู้ดี!กลายเป็น “บิ๊กเซอร์ไพรส์” ย่อยๆฉลองแซยิด 60 ปีหนีไม่พ้นกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

ประกาศจะทำสถานีโทรทัศน์ที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วโลก ประมาณ 100 ช่อง โดย 2-3 ช่อง จัดทำเพื่อคนไทยเป็นพิเศษ ช่องหนึ่งเป็นเรื่องเศรษฐกิจ โดยการขายสินค้าโอท็อปผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ และให้โอกาสนักธุรกิจขนาดย่อมที่ไม่มีกำลังทำการตลาดมาโฆษณา โดยคัดสินค้ามาโฆษณาขายให้ ทำให้น่าซื้อ อีกช่องคือเรื่องคนจน จะทำเป็นเรียลลิตี้ ไปถ่ายทำชีวิตคนจนว่าจะหายจนได้ต้องทำอย่างไร ซึ่งบางครอบครัวใช้เงินเพียง 5 หมื่นบาทก็หายจนได้

เพียงแค่คนรวยหยุดกินไวน์ขวดละ 8 หมื่นสักขวดก็มาช่วยได้แล้ว นอกจากจะทำให้เลิกกินเหล้ายังได้เรื่องสุขภาพ ส่วนครอบครัวคนจนก็จะหายจน และเลี้ยงตัวเองได้ เป็นการเอาคนที่มีกำลังไปช่วยคนอ่อนแอ อาจจะเป็นคนไทยในต่างประเทศ คนไทยในต่างแดน หรือคนต่างชาติก็ได้อีกเรื่อง คือการศึกษา ซึ่งทุกวันนี้พ่อแม่ต้องเสียเงินให้ลูกไปกวดวิชา ตนจึงอยากจะหาครูดีๆ มาติวผ่านโทรทัศน์ให้ โดยจะเป็นทีวีสองทาง( Inter active T.V.)

โต้ตอบกันได้เหมือนมีครูมาติวให้ที่บ้าน เพียงเข้ามาในเซิร์ฟเวอร์ ก็เลือกเวลาดูได้ตามใจนอกจากนี้ ยังจะเผยแพร่วิธีการเรียนการสอนต่างๆ เพราะแต่ละที่ก็มีวิธีการสอนที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นที่สวนกุหลาบ เตรียมอุดม หรือมงฟอร์ต ทุกแบบที่สอนก็ดีทั้งนั้น ดังนั้นจึงจะเปิดโอกาสให้เลือกนำมาใช้

นอกจากนี้จะเอาตำราจากต่างประเทศมาร่วมด้วย เอารายการเหล่านี้ใส่ใน thumb drive อยากเรียนเมื่อไหร่ก็จะได้เรียนได้ และจะได้ไม่แพ้ต่างประเทศต้องบอกว่านี่เป็นหมัดเด็ดที่น่าติดตามอย่างยิ่ง ! ยิงกระสุนกระตุ้นต่อมความสนใจของนายกทักษิณเที่ยวนี้ นกร่วงระนาว ที่ได้แน่ๆก็คือ นายกทักษิณสามารถสร้างช่องทางสื่อสารกับชาวบ้านได้มากขึ้น ใกล้ชิดกันมากขึ้น

โดยเฉพาะทีวีช่องการศึกษา ซึ่งจะกุมหัวใจได้ทั้งคนเป็นพ่อแม่ และเด็กรุ่นใหม่ และถ้าเติม Contents ให้มีความหลากหลาย เหมือนที่นายกทักษิณบอกว่า Contents is King ก็จะสร้างการยอมรับได้ง่ายขึ้นอีกนักสื่อสารมวลชน (ประเภทกบในกะลา) บอกว่า มันก็งั้นๆ ทีวีดาวเทียมกลายเป็นของเล่นเก่าไปแล้ว

ขณะที่เสนาบดีกระทรวงศึกษาตอบกลับทันควันเลยว่า ไม่กลัว จะทุ่มเงินอีก 6,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนา ETV (ทีวีช่องการศึกษา) ให้เป็นเหมือนฟรีทีวี ไม่ต้องติดจานรับ เพื่อขยายโอกาสการรับรู้มากขึ้น ไม่ยากหรอกที่จะใช้เงิน 5-6 พันล้าน ปรับปรุงทีวีสักช่อง แต่ถามว่าจะสร้างเสน่ห์ของช่องนี้ให้เกิดขึ้นได้อย่างไร และการพัฒนาคุณภาพการศึกษาแท้จริงนั้น ผูกติดกับการทุ่มงบมหาศาลเพื่อทำทีวีอย่างนั้นหรือ?ภาษานักเลงเขาเรียกว่า

งานนี้นายกทักษิณต้อนรัฐบาลเข้ามุม ถลุงด้วยการวัดเชาวน์ปัญญาจนยับเยิน !ที่น่าสนใจของทีวีดาวเทียมที่นายกทักษิณจะทำขึ้นนั้น น่าจะอยู่ที่คีย์แมนคนสำคัญๆว่า จะเป็นใครกันบ้าง เท่าที่รู้มาบอกได้ว่า โคตรเซียนตัวจริงของวงการทีวี เช่น มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตแม่ทัพใหญ่ อสมท.ที่ใช้เวลาไม่กี่ปีในการประกาศศักดา ช่อง 9 โมเดิร์นไนน์ ให้เป็น Knowledge Society ขนาดใหญ่เถียงกันไม่ได้เลยว่า ช่อง 9 ยุคมิ่งขวัญนั้นได้รับการตอบรับมากมายเพียงไร ทั้งในแง่ผู้ดู โฆษณา มิ่งขวัญไม่ได้มาคนเดียวแน่นอน ขุนทัพนายกองที่ร่วมมหกรรมงานสร้างกับช่อง 9 อสมท.ดูเหมือนจะรอนกหวีดสัญญาณดังขึ้นเท่านั้นนอกจากมิ่งขวัญแล้ว

อีกคนหนึ่งที่เชื่อว่าน่าจะหวนกลับมาเป็นแม่ทัพสำคัญ ก็คือ ทรงศักดิ์ เปรมสุข โคตรเซียนการตลาดที่ปลุกปั้น ไอทีวี จนโด่งดัง ทรงศักดิ์ได้ชื่อว่าเป็นขุนพลมือฉมังที่ทักษิณเชื่อมั่นอย่างมากทรงศักดิ์เก่งแค่ไหน นักสื่อสารมวลชนอย่าง”กาแฟดำ” สุทธิชัย หยุ่น น่าจะรู้ดี!นั่นเป็นเรื่องของขุนพลที่จะแบกรับภารกิจสำคัญ คราวนี้กลับมามองดูช่องทางของทีวีดาวเทียมนี้อย่าง ช่องที่จะใช้โปรโมทขายสินค้า Otop ที่คอลัมน์นิสต์อย่าง “กาแฟดำ” วิจารณ์ว่า จะทำแข่งกับทีวีไดเร็กอย่างนั้นหรือ ?

ถ้ามุมมองของนักสื่อสารมวลชนใหญ่มองได้แค่นี้ เห็นทีต้องเก็บก้อนขื่นขมไว้ในใจ!เชื่อว่าหลายคนนึกไม่ถึงหรอกว่า ห้วงเวลาสองสามปีมานี้ นายกทักษิณและทีมงานได้เร่งสร้างช่องทางจำหน่ายสินค้า Otop ในต่างประเทศเอาไว้มากมายเพียงไร เช่น ในสมัยที่ สันติ พร้อมพัฒน์ เป็นรัฐมนตรีคมนาคม ก็ได้เจรจากับสนามบินฮาห์น ประเทศเยอรมนี ซึ่งสนามบินแห่งนี้เป็นศูนย์กลางโลว์คอสต์ แอร์ไลน์ ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปผู้บริหารของฮาห์นตอบรับที่จะให้ใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งของสนามบินจัดทำเป็นศูนย์กลางจำหน่ายสินค้า Otop ของไทย

คิดดูว่าวันหนึ่งๆ ปริมาณผู้โดยสารใช้บริการสนามบินแห่งนี้มีหลายแสนคน นั่นคือลูกค้ารายใหญ่ของ Otop ความสำเร็จของการวางรากฐานอย่างนี้เป็นเพราะได้มือดีอย่างอดีตผู้บริหารคาร์โก้ของการบินไทยคนหนึ่งมาช่วยตั้งแต่ยังอยู่ในตำแหน่งเลยทีเดียว ขอให้จับตากันไม่กะพริบถึงการมใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ประสานรับกันอย่างกลมกลืนระหว่าง..การพัฒนาผลิตภัณฑ์ + การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทีวีดาวเทียม + ช่องทางโลจิสติกส์ใหม่ๆ จากท้องถิ่นไทยถึงต่างแดนทีวีช่อง Otop จะทำหน้าที่เป็นกลไกการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อให้สอดรับกับช่องทางจำหน่ายสินค้าที่วางไว้เกลื่อนโลก ! นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย

เปิดเผยถึงเรื่องทีวี100ช่องว่า ตนได้ไปดูมาแล้ว ที่ดูไบโดยจะใช้เครื่องส่งสัญญาณ ราคา 3 ล้านบาท ซึ่งได้เตรียมไว้แล้ว เพื่อใช้สำหรับยิงสัญญาณขึ้นไปดาวเทียม แล้วส่งสัญญาณกระจายครอบคลุมทั่วโลก และยังมีห้องสตูดิโอขนาดประมาณ 10 คูณ 8 เมตร เพื่อใช้ในการถ่ายทำรายการ และมีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลเรื่องเทคโนโลยีให้อุปกรณ์พวกนี้ จะเริ่มทำงานได้เลย โดยเทคโนโลยี ใกล้เคียง เอเอสทีวี ระบบป้องกันการตัดสัญาณได้ 100 % ซึ่งเราสามารถที่จะนำสินค้าของเมืองไทย สินค้าพื้นบ้าน สินค้าโอท็อป ไปขาย นำเสนอผ่านช่องทีวีช่องนี้ ให้กระจายไปได้ทั่วโลก คนที่ดูรายการช่องนี้ ก็จะสามารถสั่งซื้อได้ ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้วางตัวแทนจำหน่ายสินค้าไทย เอาไว้ทั่วโลก เพื่อทำหน้าที่ตัวแทนจำหน่าย

นายกษิต ไม่ยอมลาออก

อนุพงษ์ เมินวิจารณ์แดง ถวายฏีกาช่วยทักษิณ

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดาชี้ไร้ประโยชน์ งดวิจารณ์การเมือง หวั่นพูดเป็นประเด็นทำสังคมขัดแย้ง ยันไม่แสดงความเห็น เพราะการแสดงความเห็นไปในทางด้านใดด้านหนึ่ง มันจะส่งผล ไม่อยากไปมีส่วน....

วันนี้(29 ก.ค.)พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงจะเคลื่อนไหวใหญ่ขับไล่รัฐบาลอีกครั้งในเดือน ส.ค.นี้ว่า โดยพื้นฐานแล้วแต่รัฐบาลจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งจะให้เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจดำเนินการอย่างไร เป็นเรื่องของรัฐบาล

ตอนนี้ยังไม่มีแนวทางอะไร ส่วนกรณีที่เสื้อแดงล่ารายชื่อถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้น ตนในฐานะที่เป็นทหารของชาติ และของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่มีความเห็นผู้สื่อข่าวถามว่า การเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ

จะทำให้ประชาชนแตกแยกมากขึ้นหรือไม่ ผบ.ทบ.กล่าวว่า ถ้าคิดว่าอย่างนั้น กองทัพก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งด้วย ส่วนกรณีที่องคมนตรีเห็นว่าการถวายฎีกาเป็นเรื่องไม่เหมาะสมนั้น การประชุมองคมนตรีเป็นองค์กรที่ตนไม่ได้เกี่ยวข้อง การจะให้ไปวิพากษ์วิจารณ์แสดงความเห็นคงไม่ได้ คิดว่าสังคมไทยมันจะไปกันใหญ่ ต้องไปสัมภาษณ์คนที่ประชุม เมื่อถามว่า ในฐานะคนไทยมองอย่างไร

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า การพูดของตนเป็นประเด็นไปหมด เพราะเป็นผบ.ทบ.พูดแล้วเป็นประเด็น ถ้าจะถามคนไทยต้องออกไปข้างนอกถามได้เลย หากถามในฐานะคนไทยต้องเป็นอีกเรื่อง ต้องไม่เป็นประเด็น ส่วนการกระทำของเสื้อแดงมีความเหมาะสมหรือไม่ นั้น หากยอมรับว่า เมืองไทยมีความขัดแย้งกันอยู่ กองทัพจะพยายามทำให้สถานการณ์บ้านเมืองมีความสงบสุข เป็นไปได้ คือจะไม่แสดงความเห็น เพราะการแสดงความเห็นไปในทางด้านใดด้านหนึ่ง มันจะส่งผลตนไม่อยากไปมีส่วน

วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ประเพณี "ผลาญเงิน"

ที่มา บางกอกทูเดย์

เที่ยวฟรี–กินฟรี...ใครบ้างจะไม่ชอบ?ช่วง ปิดสมัยประชุมรัฐสภา ในส่วนของกรรมาธิการรัฐสภาและวุฒิสภา กรณีมีเสียง“วิพากษ์วิจารณ์” ถึงการเดินทางไปดูงานยัง“ต่างประเทศ”ซึ่งใช้งบดูงานสูงถึง 160 ล้านบาท!พูดง่ายๆ ก็คือ เงินก้อนโตที่ประชาชนอย่างเราได้ควักกระเป๋า “เสียภาษี”

เพื่อนำพวกท่านบินไปเที่ยว ชมนกชมไม้ ที่สวยงามถึงยังต่างแดนถามว่า...เต็มใจหรือไม่?ตอบเลยว่า...เป็นเงินภาษีที่ให้ด้วย “ความเต็มใจ” หากพวกท่านนำไป “จับจ่ายใช้สอย”โดยคิดถึง “ผลประโยชน์” ของประเทศชาติอย่างแท้จริงนำ “ภูมิปัญญา” ความรู้เหล่านั้นกลับมาทำให้ประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของท่านและของผม...พัฒนาไปข้างหน้ามุ่งสู่ “ความเจริญ”จะใช้เท่าไหร่? ขอให้บอก...เดี๋ยวประชาชนอย่างพวกผมจะจัดให้แต่ต้องมี ข้อแลกเปลี่ยน

โดยที่พวกท่านต้องมารายงานให้ประชาชนทราบก่อนว่า จะเดินทางไปที่ไหน...ไปทำอะไรสุดท้าย! ดูงานแล้วจะได้รับอะไรกลับมาพัฒนาประเทศชาติ...พัฒนาชีวิตของประชาชนซึ่งต้อง
มี “ผลงาน”

ที่ประชาชนสามารถตรวจสอบได้และให้ติดตามผล...ถ้าท่านตอบว่า“ตกลง” พวกผมก็ “ตกลง”อย่างน้อยๆ เงินที่ประชาชน “เสียไป” ในรูปของ ภาษีอากร เพื่อนำไป พัฒนาประเทศ จะได้รู้ที่มาที่ไป...ซึ่งต้องเป็นเงินที่เสียไปอย่าง “ไม่ไร้คุณค่า”แต่ที่ผ่านมา “จุดประสงค์” ของการเดินทางไปดูงานยัง “ต่างประเทศ” ร้อยทั้งร้อยกระทำไปเพื่อความสุขของ “ตัวบุคคล” หรือเพื่อ “กลุ่มคน”บางกลุ่มไม่ใช่เพื่อ “ประโยชน์” ของประเทศชาติส่วนรวมเป็นอย่างนี้ทุกๆ รัฐบาล...เหมือนเป็นธรรมเนียม“ประเพณี”

ที่ได้รับการปฏิบัติสืบทอดต่อกันมาว่ากันตามตรง...ถึงวันนี้ก็ยังไม่มี “อัศวินขี่ม้าขาว”คนใด เข้ามาแก้ไขเรื่องนี้อย่างจริงจังกรณีท่าน “โฆษกฝีปากกล้า” เดินทางไปดูรัฐสภายังประเทศ “ฮังการี” เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการสร้าง รัฐสภาแห่งใหม่ ของไทยมันเป็นเรื่อง “เร่งด่วน” ขนาดนั้นเลยหรือ?ประเทศชาติกำลังเดือดร้อน แต่กลับทำเรื่องอะไรที่ “ไร้สาระ” แบบนี้เขาเรียกว่า “ช่วยชาติ”หรือ “ผลาญชาติ”ถึงบางอ้อที่ว่า...ทำอย่างไรประเทศไทยก็“ไม่เจริญ” เพราะผู้มีอำนาจตั้งแต่นายกฯ รัฐมนตรีส.ส. ส.ว. ยังคงมี “กิเลส” ครอบงำว่าแต่ “คนปากเสีย” ภาษา “ฮังกาเรียน” เขาพูดว่ายังไงหว่า?!? ■

เป้าจริง-เป้าลวง

ที่มา มติชน
คอลัมน์ เหยี่ยวถลาลม

เหลือเวลาอีก 2 เดือน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ก็จะเกษียณอายุราชการจากตำแหน่ง "ผบ.ตร."เวลาที่เหลือเพียง 2 เดือน ไม่ควรเกิดอาการสะดุด"ปลด" แล้วได้ประโยชน์ยิ่งใหญ่มหาศาลอะไรแก่องค์กรตำรวจหรือประโยชน์ไปตกที่ใครยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อย ไม่เข้าใจว่าจะปลดไปทำไม"ปลด" เพื่อความสะใจแก่ผู้ที่ไม่ชอบ ถูกใจผู้ที่ได้รับผลด้านลบจากการดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ของ พล.ต.อ.พัชรวาท"ปลด"

เพื่อตั้งคนใหม่ ที่คาดว่าสามารถสนองตอบความต้องการในเชิงบริหารจัดการ และการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจในเวลาถัดไปไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะ "ปลด" เพื่อเกิดความโล่งปลอดโปร่ง คดียิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล จะดำเนินไปได้โดยราบรื่นเนื่องจากในสภาพความเป็นจริงของ "คดี" การทำลายพยานหลักฐานของกลุ่มมือสังหาร

นับเป็นความปกติที่เกิดขึ้นทุกคดี ยากที่ใครจะยับยั้งอุปสรรคของการสืบสวนสอบสวนคดียิงนายสนธิ จึงย่อมไม่ใช่ พล.ต.อ.พัชรวาท ซึ่งนั่งเก้าอี้ ผบ.ตร.เพียงแต่ถ้าเอา พล.ต.อ.พัชรวาทออกจากเก้าอี้ "ผบ.ตร." อาจจะเกิดประโยชน์ทางอ้อมแก่คดีอื่นๆ ที่ พล.ต.อ.พัชรวาทออกอาการแข็งขืนว่าไปแล้ว จนถึงบัดนี้แม้ในทางสืบสวน เจ้าพนักงานผู้ช่ำชองจะมั่นใจในแนวทางการสืบสวน ซึ่งผู้ถูกออกหมายจับต่างพากันหลบหนี

แต่ถ้าถามว่า เมื่อต้องสู้คดีกันในชั้นศาลแล้ว จะไปรอดหรือไม่ไม่รับประกัน !ไม่มีตำรวจคนไหนรับประกัน ต่อให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ที่คนบางกลุ่มจุดพลุก่อกระแส "ต่ออายุราชการ" ก็ไม่อาจรับประกันการหยิบเอาประเด็น "ปลด ผบ.ตร." ขึ้นมายึดโยงกับปัญหาอุปสรรคการสืบสวนสอบสวนคดียิงนายสนธิในยามนี้ จึงเป็นเพียง "ข้ออ้าง"เข้าทำนอง ข่มขู่คุกคาม เพื่อจุดประสงค์ซ่อนเร้นถามว่า ในนาทีนี้ จุดประสงค์อะไรจะมีความหมายเท่า "การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ"ทุกพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาล ทุกยุคสมัยที่ผ่านมาล้วนมุ่งใช้ตำรวจเป็น "เครื่องมือทางการเมือง" !?!!

ทักษิณ "เดินเครื่องดึงบิ๊ก ทรท.ร่วมทำ TV 100 ช่อง



ที่มา มติชนออนไลน์
ทักษิณทาบพนง.ไอทีวี คุมข่าว-หัวกะทิ"ชินคอร์ป"เป็นช่างเทคนิคฯ
คนสนิท"แม้ว"ตบเท้าร่วมปั้น"ทีวี100ช่อง" "อ๋อย"ยังลังเลยื่นเงื่อนไขต้องไม่เหมือนช่องเสื้อแดง ชวนอดีตพนง."ไอทีวี"ร่วมวง คาด"ประทีป"นั่งบก.ข่าว "ตวงพร"ขออยู่เบื้องหลัง คัดมือโปรจากชินคอร์ปเป็นมือเทคนิค หวังสร้างคะแนนนิยมทันเลือกตั้งใหม่

รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแจ้งถึงการเปิดทีวี 100 ช่อง ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อทำเรียลริตี้แก้จน ขายสินค้าโอท็อป และเป็นติวเตอร์เผยแพร่ในหลายประเทศ ว่า ขณะนี้ทีวีช่องดังกล่าวกำลังอยู่ระหว่างการทดลองออกอากาศผ่านทางสถานีโทรทัศน์ดีทีวี (จานเหลือง) มาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วภายใต้ชื่อสถานี "Voice TV" ในช่วงเวลา 20.00-22.00 น

โดยมีห้องส่งสัญญาณทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งในประเทศไทยอยู่ที่อาคารโกดักเก่า ริม ถ.วิภาวดี-รังสิต ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ชักชวนอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน หลายคนเข้ามาร่วมงาน โดยเฉพาะการระดมสมองในเรื่องรูปแบบและเนื้อหา อาทิ นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช นายภูมิธรรม เวชยชัย นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายอดิศร เพียงเกษ นายสุธรรม แสงประทุม นายจำลอง ครุฑขุนทด นายยงยุทธ ติยะไพรัช และนายจักรภพ เพ็ญแข เป็นต้น ซึ่งบางคนยังลังเล เช่น นายจาตุรนต์มีเงื่อนไขว่าหากรูปแบบเน้นไปที่การเมืองเหมือนกับสถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่น ก็คงจะไม่เข้าร่วม แต่อาจจะช่วยบ้างบางครั้งคราว เพราะแนวทางต้องการเน้นไปที่การทำงานด้านวิชาการเป็นหลักเพื่อเตรียมสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

ข่าวแจ้งว่านอกจากนี้ยังมีการทาบทามอดีตพนักงานไอทีวี หลายคนเข้าร่วมทำงานในครั้งนี้ด้วย โดยคาดว่านายประทีป คงสิบ จะมาทำหน้าที่บรรณาธิการข่าว ส่วนน.ส.ตวงพร อัศววิไล นั้นจะทำงานอยู่เบื้องหลัง นอกจากนี้ยังมีมือโปรด้านเทคนิคที่คัดตัวมาจาก "ชินคอร์ป" มาช่วยงานอีกด้วย

สำหรับรูปแบบของทีวี 100 ช่องนั้น สถานีจะดำเนินการผลิตเองเพียงไม่กี่ช่อง ส่วนที่เหลือจะเป็นการเชื่อมสัญญาณมาจากเคเบิ้ลทีวีอื่น ซึ่งกำหนดไว้ว่าทีวี 100 ช่องจะต้องมีเนื้อหาครอบคลุมทุกประเด็น ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ สังคม การเกษตร เทคโนโลยี วัฒนธรรม กีฬา และบันเทิง คาดว่าจะออกอากาศได้ต้นเดือน สิงหาคมนี้

ข่าวแจ้งว่า การวางยุทธศาสตร์ในระยะแรกจะเน้นไปที่การเผยแพร่เนื้อหาที่สามารถเห็นประโยชน์ได้ทันที ซึ่งก็คือ การศึกษา และการขายสินค้าโอท็อป เพื่อให้เห็นผลในระยะสั้น ก่อนที่จะสอดแทรกเนื้อหาทางการเมือง รวมถึงนโยบายของพรรคเพื่อไทยลงไป โดยคาดว่าภายใน 1 ปีนี้หรือก่อนที่จะมีการหาเสียงเลือกตั้งครั้งใหม่ จะสามารถสร้างคะแนนนิยมให้กับพรรคเพื่อไทยได้

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ฟ้าส่งให้ข้ามาเกิด แล้วทำไมต้องส่งทักษิณมาเกิดด้วย..????



โดย พิษณุ พรหมสร
28 กรกฎาคม 2552

พลังของประชาชนที่ทำให้ทักษิณในวันเกิดนั้น มันมิได้หมายความว่าพวกเขารักทักษิณแต่เพียงอย่างเดียว แต่มันหมายความว่า พวกเขาไม่เอาศตรูของทักษิณด้วย และผลกระทบจากการจัดงานแซยิดในครั้งนี้ อาจทำให้ใครบางคนเกิดอาการอิจฉาจนบ้าคลั่ง เหมือนกับ จิวยี่ ในสามก๊ก ที่อาฆาตแค้นขงเบ้ง

จากปรากฏการณ์งานแซยิดกระหึ่มโลก ที่มวลมหาประชาชนทั้งในและต่างประเทศ ได้ร่วมกันจัดงานวันเกิดให้กับ ดร. ทักษิณ ชินวัตร นายกในดวงใจของพวกเขาในครั้งนี้ เป็นปรากฏการณ์อันยากยิ่งที่จะมีผู้นำคนหนึ่งคนใดในโลกจะได้รับ ความรักและศรัทธาที่ประชาชนมอบให้ ก็เป็นไปด้วยใจอันบริสุทธิ์ หลายคนที่ออกมาต่อสู้ และกรำศึกมานานเกือบ3 ปี เงินทองก็หมดไป ส่งผลกระทบถึงการงานและรายได้ที่มีในปัจจุบัน บางคนก็แทบไม่มีจะกิน ต้องต่อสู้ทั้งน้ำตา แต่พวกเขาก็ยังคงยืนหยัดที่จะต่อสู้ มีจิตใจเด็ดเดี่ยวที่จะฝ่าฟันอุปสรรคต่อไป

เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิและเสรีภาพอย่างเท่าเทียมกันในสังคม และเพื่อความยุติธรรมให้แก่ทักษิณคนที่พอมีอันจะกินก็หนุนเนืองกำลังทรัพย์เข้ามา เพื่อต่อยอดการต่อสู้อย่างไม่ขาดสาย มีหลายคนที่วันเกิดของตัวเองยังไม่สนใจ แต่กลับทุ่มเททั้งกำลังใจ กำลังกาย และกำลังทรัพย์ เพื่อจัดงานวันเกิดให้กับมหาบุรุษผู้นี้ ถ้าถามว่าทำไมพวกเขาถึงต้องต่อสู้เพื่อทักษิณ พวกเขาก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า

นอกจากจะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแล้ว ดร. ทักษิณ ชินวัตร คือนายกที่ดีที่สุดเท่าที่ประวัติศาสตร์ชาติไทยเคยมีมา เราจะต่อสู้เพื่อเขาเพราะเขาทำเพื่อประชาชน นี่คือเสียงตอบรับของประชาชนที่มีต่อชายวัย 60 ปีผู้นี้พลังของประชาชนที่ทำให้ทักษิณในวันเกิดนั้น มันมิได้หมายความว่าพวกเขารักทักษิณแต่เพียงอย่างเดียว แต่มันหมายความว่า พวกเขาไม่เอาศัตรูของทักษิณด้วยจากประวัติศาสตร์การเมืองของโลก มีผู้นำเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

ที่ประชาชนจะให้ความรักและศรัทธาเคารพยกย่องว่าเป็นบิดาหรือมหาบุรุษ เขาผู้นั้นจะต้องทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติของตนเองอย่างใหญ่หลวง และแน่นอนครับว่าทักษิณกำลังจะก้าวเข้าไปสู่จุดนั้น จากผลงานในอดีตที่ทักษิณสามารถพลิกฟื้นประเทศไทย จนเป็นที่ยอมรับของสังคมโลก โดยมีหลายประเทศได้นำเอานโยบายการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและความยากจนของเขาไปใช้ จนผู้นำบางประเทศถึงกับกล่าวยกย่องในเวทีโลก โดยเรียกนโยบายของเขาว่า “ทักษิโณมิกส์”-THAKSINOMICS

นอกจากจะทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติของตนเองแล้ว ทักษิณยังมีแนวคิดที่ขจัดความยากจน ของสังคมโลกด้วย จากนโยบาย 4 ปีซ่อม 4 ปี สร้าง จนเป็นระบบที่คนในพรรคไทยรักไทยสามารถดำเนินการต่อด้วยตนเองได้แล้ว จากนั้นทักษิณก็จะวางมือทางการเมือง ออกไปจัดตั้งมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือประเทศยากจน ถ้ามันไม่สะดุดจากการรัฐประหาร เมื่อ 19 กันยา 49 แน่นอนครับว่า รางวัลแห่งเกียรติยศที่ทักษิณจะได้รับนั้นก็คือ โนเบล ไพรซ์ NOBEL PRIZE

ดังนั้นคนที่ทำลายทักษิณคือคนที่ทำลายทรัพย์ยากรทางปัญญาอันมีค่าของโลกด้วย มาดูกันว่าทักษิณได้ทำอะไรให้ประเทศชาติและประชาชนของเขาบ้าง ทุกข์ของประชาชนอยู่ที่ไหนเขาก็แก้ที่เหตุแห่งทุกข์นั้น เช่น ทุกข์ของคนทำงาน ที่เก็บออมเงินมาอย่างยากลำบาก ถ้าเกิดการเจ็บป่วยขึ้นมาต้องผ่าตัด เงินที่เก็บออมมาทั้งชีวิตก็ต้องหมดไป

ทักษิณก็แก้ที่30 บาทรักษาทุกโรค ทุกข์ของคนที่ไม่มีบ้านเป็นของตนเอง ทักษิณก็แก้ที่ บ้านเอื้ออาทร ทุกข์ของคนขับรก TAXI ที่ต้องจ่ายค่าเช่าให้เฒ่าแก่รถ ทักษิณก็แก้ที่ TAXI เอื้ออาทร โดยการผ่อนรถเป็นของตัวเอง ทุกข์ของ มอเตอร์ไซด์รับจ้าง ที่ต้องจ่ายให้กับผู้มีอิทธิพล ทักษิณก็แก้ที่การปราบอิทธิพล ทุกข์ของคนในหมู่บ้านที่ไม่มีงานทำ ทักษิณก็แก้ที่ กองทุนหมู่บ้าน ทุกข์ของพ่อค้า แม่ค้ารายย่อยที่ขาดเงินทุนหมุนเวียน ทักษิณก็แก้ที่แปลงสินทรัพย์เป็นทุน

โดยให้ใช้สัญญาเช่าแผงมากู้ ดอกเบี้ยต่ำที่ธนาคารออมสิน ทุกข์ของคนจนที่ไม่มีเงินส่งลูกเรียนหนังสือ ทักษิณก็แก้ที่นำเงินในสิ่งที่ผิดกฎหมาย คือหวยใต้ดิน มาทำให้ถูกกฎหมายคือหวยบนดิน มาเป็นทุนการศึกษาของเด็กๆ และยังให้มูลนิธิไทยคมช่วยส่งเสริมโดยเน้นในเรื่องการศึกษาของเยาวชน ทุกข์ของคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่เห็นลูกหลานตัวเองต้องติดยาเสพติด ทักษิณก็แก้ที่การปราบปรามยาเสพติดอย่างหนัก จนพ่อค้ายาเสพติดต้องฆ่าตัดตอนกันเองเพื่อไม่ให้ถึงตัว แต่ก็ทำให้พ่อแม่หลายครอบครัวได้ลูกของตัวเองกลับคืนมาทั้งที่หมดความหวังไปแล้ว

และนี่เป็นนโยบายเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่ทักษิณได้สร้างประโยชน์ไว้ให้กับประเทศชาติและประชาชน จึงไม่แปลกใจเลยที่มีผู้คนจำนวนมากมายร่วมกันจัดงานวันเกิดให้ทักษิณอย่างยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เกียรติยศที่ทักษิณได้รับจากประชาชนในครั้งนี้ มันไม่สามารถที่จะเรียกเป็นอย่างอื่นได้เลย นอกจากคำว่าว่า “ มหาบุรุษของแผ่นดิน” และผลกระทบจากการจัดงานแซยิดในครั้งนี้ อาจทำให้ใครบางคนเกิดอาการอิจฉาจนบ้าคลั่ง เหมือนกับ จิวยี่ ในสามก๊ก ที่อาฆาตแค้นขงเบ้ง จนถึงกับตะโกนออกมาว่า “ เทียนกี้แซยี้ฮ่อปิ๊ดแซเหลียง ” คือฟ้าให้ยี้มาเกิดแล้ว แต่ทำไมให้เหลียงมาเกิดด้วย สำหรับคนที่มีแผ่นดินเดียวอยู่ในเมืองไทย ถ้าเขาจะกระอักเลือดตาย เขาก็คงจะต้องตะโกนออกมาเหมือนกันว่า “ ฟ้าส่งให้ข้ามาเกิดแล้ว แต่ทำไมต้องให้ทักษิณมาเกิดด้วย

โฆษก ปชป.วอนเสื้อแดงอย่าใส่ชุดดำ ต่อต้านอภิสิทธิ์ในวันเกิด



ที่มา MCOT News
รัฐสภา 27 ก.ค.52
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ อ้างคะแนนนิยมรัฐบาลลดลง เพราะโรคหวัด 2009 และ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ประชาสัมพันธ์หนัก เชื่อประชาชนยังสนับสนุนรัฐบาล แก้ต่างนายกฯ เดินสายเปิดงานเพื่อแจงข้อเท็จจริง พร้อมระบุยูเออีห้ามอดีตนายกฯ ใช้พื้นที่ทำลายประเทศไทย จึงต้องปรับแผนเคลื่อนไหวผุดทีวีดาวเทียมเพื่อสังคม จับตาต้องไม่สร้างความแตกแยก แจงวันเกิดนายกฯ ไม่มีวาระพิเศษ

แต่ขอให้คนเสื้อแดงอย่าแสดงการต่อต้านโดยใส่ชุดดำนพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลสำรวจความเห็น (โพล) ของประชาชนที่เชื่อมั่นการทำงานของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีน้อยลงสวนทางกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า โพลจะเปลี่ยนแปรผันตามอารมณ์ของประชาชน ซึ่งพรรคพร้อมรับฟังและดำเนินการให้ตรงกับความคาดหวังของประชาชน แต่ช่วงสำรวจดังกล่าวอยู่ในช่วงการประชาสัมพันธ์อย่างหนักของอดีตนายกรัฐมนตรี ประกอบกับการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

จึงทำให้มีผลกระทบเรื่องความไม่มั่นใจ แต่เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะเดินหน้าแก้ปัญหาของประชาชนและประเทศชาติต่อไป อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าประชาชนยังคงต้องการให้รัฐบาลทำงานต่อไป และนายกรัฐมนตรีจะต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจและเกิดความมั่นใจ เนื่องจากที่ผ่านมามีกระบวนการสร้างข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงส่วนที่มีการวิจารณ์ว่า นายกรัฐมนตรีเดินสายเปิดงานมากเกินไปนั้น นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ตลอด 7 เดือนที่รัฐบาลทำงานมามีกระบวนการบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งนายกรัฐมนตรีพยายามทำงานและชี้แจงข้อเท็จจริงควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาให้ประชาชน และได้ใช้โอกาสในการเปิดงานแต่ละครั้งชี้แจงข้อเท็จจริงด้วย

อย่างไรก็ตาม กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ขอให้นายกรัฐมนตรีใช้เวลาทำงานมากกว่าตามตัวอดีตนายกรัฐมนตรีกลับประเทศนั้น ขอย้ำว่านายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าทีมไทยแลนด์ ต้องพยายามทำงานเพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อประเทศ ซึ่งในเรื่องการประสานงานเพื่อนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศ เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงการจัดงานวันเกิดของอดีตนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ (26 ก.ค.) ว่า การปรับการเคลื่อนไหวส่วนหนึ่งมาจากกรณีที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ไม่ต้องการให้ใช้พื้นที่ทำลายประเทศไทย

ทั้งนี้ การจัดงานดังกล่าวยังมีมวลชนให้การสนับสนุนอยู่ และยากต่อการควบคุม เพราะมีการจัดงานในหลายพื้นที่ อย่างไรก็ตาม นับว่ามีสัญญาณที่ดีที่มีการพูดเรื่องการสร้างความสมานฉันท์ปรองดอง แต่ทุกฝ่ายจะต้องเห็นตรงกันว่า การสร้างความสมานฉันท์ต้องไม่เกี่ยวข้องกับคดีอาญา ทั้งนี้ เชื่อว่า หากมีการเปิดสมัยประชุมรัฐสภาแล้วจะมีแนวทางที่ชัดเจน

โดยเฉพาะสัปดาห์หน้า รัฐบาลจะเสนอผลงานรวมถึงกระบวนการในการเดินหน้าสร้างความสมานฉันท์หลังจากรับฟังความเห็นจากพรรคร่วมรัฐบาลแล้วส่วนแนวคิดขายสินค้าโอท็อป และสอนหนังสือผ่านสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมของอดีตนายกรัฐมนนตรีนั้น โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ต้องติดตามเรื่องเนื้อหา ซึ่งหากมีการยุยงให้เกิดความแตกแยก รัฐบาลก็ต้องดำเนินการ ขณะนี้มีช่องว่างเนื่องจากไม่มีกฎหมายรองรับการออกระเบียบดูแลของ กทช.“การโจมตีนายกรัฐมนตรี และการแสดงออกความเห็นทางการเมือง สามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย รัฐบาลคงไม่ต้องเตรียมรับมือแต่อย่างใด

ทั้งนี้ รัฐบาลมีโครงการขายสินค้าไปต่างประเทศ และส่งเสริมการศึกษาอยู่แล้ว แต่หากอดีตนายกรัฐมนตรีมีแนวคิดที่เป็นประโยชน์รัฐบาลก็พร้อมรับฟัง” นพ.บุรณัชย์ กล่าว

นพ.บุรณัชย์ กล่าวด้วยว่า ในวันคล้ายวันเกิดของนายกรัฐมนตรีในวันที่ 3 ส.ค.นี้ คงไม่มีพิธีรีตองหรือวาระพิเศษอะไร เช่นเดียวกับทุกปีที่ผ่านมา และในกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงประกาศให้สวมเสื้อดำเพื่อแสดงการต่อต้านนายกรัฐมนตรีในวันเกิด ทางพรรคไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น เพราะถือเป็นวันมงคล ประกอบกับที่ผ่านมารัฐบาลก็ไม่ได้ปิดกั้นการจัดงานวันเกิดของอดีตนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีอวยพรวันเกิดผ่านทางทวิตเตอร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น จากการตรวจสอบพบว่า เป็นการดำเนินงานของทีมงานที่ไม่มีเจตนาแอบอ้างชื่อนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด. -สำนักข่าวไทย

เครือข่ายแรงงานโลก ไม่ได้สนับสนุนพันธมิตร ตามที่ นสพ.ผู้จัดการ อ้างแต่อย่างใด

โดย ใจ อึ๊งภากรณ์
28 กรกฎาคม
มีการส่งจดหมายครั้งนี้เพราะรู้จักสมศักดิ์ โกศัยสุข เป็นส่วนตัวจากการประชุมเชิงเที่ยวที่ไร้สาระแต่ใช้เงินสูงที่องค์กรชอบจัดตามที่ต่างๆ พวกนี้ก็หลงเชื่อคำโกหกของสมศักดิ์.. เป็นประเพณีอันยาวนานขององค์กรเอ็นจีโอไทย ซึ่งชอบนำชื่อ “องค์กรผี” มาพ่วงคำแถลงให้ดูดี โดยที่ไม่มีมวลชนจริง เมื่อไม่นานมานี้สื่อ “ผู้จัดการ” ป่าวประกาศว่าแรงงานทั่วโลกสนับสนุนพันธมิตรฯ โดยการอ้างว่ามีหนังสือจากผู้นำแรงงานขนส่งโลก International Transport Workers Federation-ITF ถึงอภิสิทธ์ ประท้วงข้อกล่าวหา “ก่อการร้าย” เนื่องจากการปิดสนามบิน

ข้อเท็จจริงคือ องค์กร ITF เป็นองค์กรประเภท “หัวไม่มีหาง” เจ้าหน้าที่เป็น “ข้าราชการแรงงานมืออาชีพ” ที่ไม่มีมวลชนและไม่เคยเป็นนักสหภาพแรงงานในสถานประกอบการเลย มีการส่งจดหมายครั้งนี้เพราะรู้จักสมศักดิ์ โกศัยสุข เป็นส่วนตัวจากการประชุมเชิงเที่ยวที่ไร้สาระแต่ใช้เงินสูงที่องค์กรชอบจัดตามที่ต่างๆ

พวกนี้ก็หลงเชื่อคำโกหกของสมศักดิ์ การอ้างว่ามีสหภาพจากหลายๆ ประเทศเป็นสมาชิก ITF เป็นแค่คำอ้างในนามธรรม ไม่ได้แปลว่าสหภาพแรงงานรถไฟหรือสหภาพแรงงานเดินเรือในประเทศเหล่านั้นมีการพูดคุยหรือลงมติเกี่ยวกับประเทศไทยแต่อย่างใด นักสหภาพแรงงานทั่วโลกคงไม่ทราบว่าในไทยเกิดอะไรขึ้น และไม่ได้มีส่วนร่วมแม้แต่นิดเดียวในการส่งจดหมายถึงอภิสิทธิ์ และคงไม่มีวันออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนพันธมิตรฯการพ่วงรายชื่อองค์กรไปกับแถลงการณ์ต่างๆ

โดยที่องค์กรเหล่านั้นมีแต่ชื่อ แต่ไม่มีการสนับสนุนจริง เป็นประเพณีอันยาวนานขององค์กรเอ็นจีโอไทย ซึ่งชอบนำชื่อ “องค์กรผี” มาพ่วงคำแถลงให้ดูดี โดยที่ไม่มีมวลชนจริง นี่คือสาเหตุที่องค์กรเหล่านี้ชอบวิ่งไปหาผู้มีอำนาจ เช่นอำมาตย์ แทนที่จะสร้างฐานมวลชนจริงในหมู่คนยากคนจนใครที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับขบวนการแรงงานโลก จะทราบดีว่า “องค์กรสากล” ในขบวนการแรงงาน ไม่มีบทบาทอะไรเลยในการนำการต่อสู้ของแรงงานในแต่ละประเทศ มีเจ้าหน้าที่มืออาชีพที่ไร้จิตรสำนึกทางการเมืองโดยสิ้นเชิง และห่างเหินจากมวลชนสมาชิก

ดังนั้นในประเทศที่ขบวนการแรงงานเข้มแข็ง อย่างเกาหลีใต้ ออสเตรเลีย หรือยุโรป ไม่มีใครสนใจองค์กรสากลเลย เพราะการต่อสู้ของแรงงานจริง ในสหภาพแรงงานจริง ในระดับรากหญ้า เป็นเรื่องชี้ขาดเสมอ ไม่มีกรณีใดในประวัติศาสตร์ที่องค์กรสากลสร้างผลงานให้แรงงานเลย และในกรณีสมศักดิ์เขาเองก็ไม่มีผลงานในการต่อสู้เพื่อประโยชน์ลูกจ้างในการรถไฟเลย การรถไฟแห่งประเทศไทยถูกแปรเป็นเอกชนหลายส่วน มีพนักงานเหมาช่วงที่เงินเดือนต่ำและไม่มีความมั่นคงจำนวนมาก และรัฐไทยละเลยการลงทุนในระบบรถไฟมานาน

เมื่อมีการสร้างรถไฟไฟฟ้าในกรุงเทพฯ สหภาพไม่ได้สนใจจัดตั้งคนงานใหม่ แต่ผู้นำแรงงานอย่างสมศักดิ์กระตือรือร้นมากที่จะคลานเข้าไปอาสารับใช้อำมาตย์ ซึ่งตรงข้ามกับผลประโยชน์สมาชิกสหภาพนักสหภาพแรงงานทั่วโลกที่ไม่ใช่นักสหภาพปลอมแบบที่ถูกแต่งตั้งโดยนายจ้างหรืออำมาตย์ คงจะต่อต้านการทำลายประชาธิปไตย การดูถูกคนยากคนจน และการเสนอการเมืองระเบียบใหม่ของพันธมิตรฯเพื่อปกป้องระบบกษัตริย์

เรามั่นใจได้ว่าเขาไม่มีวันสนับสนุนขบวนการฟาสซิสต์แบบพันธมิตรฯ คนเสื้อแดงที่รักประชาธิปไตยแท้ จะต้องขยันทำงานกับนักสหภาพแรงงานตัวจริงในระดับรากหญ้าหรือสถานประกอบการ ซึ่งล้วนแต่เป็นคนที่รักประชาธิปไตยและความเป็นธรรมในสังคม เราควรสนับสนุนคนงานไทรอัมฟ์ และคนงานอื่นๆ ที่กำลังถูกเลิกจ้างท่ามกลางวิกฤต เราต้องเรียกร้องให้เพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ และที่สำคัญคือเราไม่ควรเหมารวมพวกผู้นำสหภาพแรงงานน้ำเน่าที่ทำตัวเป็นขุนนางรับใช้อำมาตย์ กับ ผู้นำแรงงานจริงในสถานประกอบการ เราต้องขยันขยายความคิดของคนเสื้อแดงในสหภาพแรงงานไทย เพราะเป็นแหล่งพลังสำคัญในสังคม อย่าปล่อยให้พันธมารสร้างภาพว่าพูดแทนคนงาน

วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ทักษิณในรถแข่ง F-1 อภิสิทธิ์ในรถเข็นเด็ก

วันเกิดทักษิณ (ทักษิณในรถแข่งเอฟ-๑ อภิสิทธิ์ในรถเข็นเด็ก)
วันจันทร์ 27 กรกฎาคม 2009

เมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๒ วัดแก้วฟ้า ชานกรุงเทพ พระไทยกำลังสวดมนต์อวยพรเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ซึ่งอยู่ในระหว่างลี้ภัยเพื่อเลี่ยงการติดคุกในข้อหาฉ้อราษฎร์ ทักษิณยังคงเป็นนักการเมืองไทยที่ได้รับความนิยมและอยู่ในความทรงจำมากที่สุด

Ousted Thai PM calls supporters on his birthdayBy Michael Caseyที่มา – Associated Press๒๖ กรกฏาคม ๒๕๕๒แปลและเรียบเรียง – chapter 11

ผู้สนับสนุนจำนวนนับพันฉลองงานวันคล้ายวันเกิดให้ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่กำลังลี้ภัย ด้วยพิธีทางศาสนาพุทธที่อลังการเมื่อวันอาทิตย์ พระสงฆ์ทำพิธีเจริญพระพุทธมนต์ พร้อมสวดถอนวิบากกรรม ปลดกรรมให้กับภาพขนาดเท่าตัวจริงของทักษิณ เพื่อเสดาะห์เคราะห์ร้ายที่รุมล้อมเขาอยู่

งานฉลองวันคล้ายวันเกิด ส่วนใหญ่จัดที่ชนบททางภาคเหนือซึ่งเป็นฐานเสียงของอดีตผู้นำ เป็นการยืนยันอีกครั้งว่าสถานะของทักษิณยังคงเป็นนักการเมืองที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ถึงแม้จะกำลังอยู่ในระหว่างการลี้ภัย ทักษิณถูกปล้นอำนาจจากการทำรัฐประหารของกองทัพในปี ๒๕๔๙ หลังจากฝ่ายตรงข้ามกล่าวหาเขาว่าฉ้อราษฎร์และใช้อำนาจในทางผิด และฝ่ายสนับสนุนเขาซึ่งทำการประท้วงขนาดใหญ่ขับไล่รัฐบาลทั้งในกรุงเทพและส่วนอื่นของประเทศบ่อยครั้ง

นายนพดล ปัทมะ ทนายประจำตัวทักษิณกล่าวว่า “ประชาชนจำนวนมากรักทักษิณ และยินดีจะร่วมฉลองวันเกิดครบรอบ ๖๐ ปี ซึ่งเป็นวันครบรอบวันเกิดที่ต่างไปจากวันครบรอบธรรมดา” วันคล้ายวันเกิดครบ ๖๐ ปีถือว่าเป็นวันสำคัญของธรรมเนียมชาวเอเซีย เนื่องจากเป็นการที่ชีวิตได้ผ่านมาครบจักรราศี ๕ รอบ
ข่าวในประเทศรายงานว่า การฉลองวันคล้ายวันเกิดเมื่อวันเสาร์ ส่วนหนึ่งเป็นการชุมนุมทางการเมือง และส่วนหนึ่งเป็นพิธีการทางศาสนา ได้มีขี้นที่วัดต่างๆอย่างน้อย ๑๐ วัด การฉลองเต็มไปด้วยการใช้สัญลักษณ์ต่างๆ การฉลองในอำเภอเมืองแห่งหนึ่งได้แจกขนมเค้ก ๒,๔๙๒ ชิ้น และการ์ดวันเกิดยาวขนาด ๒,๔๙๒ ฟุต (๗๖๐ เมตร) ให้ประชาชนได้ร่วมลงชื่อ จำนวนนี้เป็นการแทนปีเกิดของทักษิณในทางพุทธ

การฉลองที่ใหญ่ที่สุดที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรีซึ่งผู้สนับสนุนทักษิณประมาณ ๕,๐๐๐ คนร่วมงานพิธีทำบุญอายุวัฒนมงคล ซึ่งปกติจะเป็นพิธีสำหรับคนตาย เพื่อสะเดาะเคราะห์ให้ทักษิณ เนื่องจากทักษิณไม่สามารถเข้าร่วมพิธีได้ พวกเขาจึงได้นำรูปภาพทักษิณขนาดเท่าตัวจริงแทน และได้วางรูปต่างๆของทักษิณที่โลงศพเปล่าด้วย

รายงานข่าวจากเดอะเนชั่นว่า ผู้สนับสนุนหลายๆคนได้เดินทางไปเยี่ยมทักษิณที่ดูไบ ประเทศที่ทักษิณกำลังพำนักอยู่ เพื่อมอบการ์ดวันเกิดนับพันใบให้ การ์ดใบหนึ่งได้เขียนเนื้อเพลงที่แต่งให้แก่ทักษิณในชื่อเพลงว่า “ผมจะกลับมา”

เมื่อคืนวันอาทิตย์ ทักษิณ ชินวัตร อดึตมหาเศรษฐีด้านโทรคมนาคมได้ปราศรัยผ่านทางวีดีโอลิ้งค์ว่า เขาอโหสิให้กับฝ่ายตรงข้าม และเรียกร้องให้มีการสามัคคีกัน และสัญญาว่าวันหนึ่งเขาจะกลับประเทศไทย
ทักษิณกล่าวว่า “บางคนถามผมว่า ทำไมผมไม่ยอมแพ้ หลังการต่อสู้ที่ยาวนานและดูเหมือนจะไม่มีทางสิ้นสุด”

เขากล่าวว่า “ผมบอกคนเหล่านั้นว่า เงินเหล่านั้นไม่สำคัญสำหรับผม แต่เรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดขี้นกับผมคือ ความเมตตากรุณาที่ประชาชนมีต่อผมต่างหาก” “ดังนั้นผมจะต่อสู้จนกว่าผมจะได้รับความยุติธรรม และจากนั้นผมจะกลับมา และทดแทนบุญคุณต่อประชาชน”
ทักษิณได้ร่วมฉลองวันคล้ายวันเกิดโดยการเปิดตัวทวิตเตอร์ของเขา อาสาช่วยนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ “แก้ปัญหาของประเทศ”

การขับไล่ทักษิณควรจะเป็นการยุติความไม่มั่นคงทางการเมืองในประเทศไทย แต่ไม่ได้เป็นอย่างนั้น กลับกลายเป็นการแบ่งขั้วของประเทศมากยิ่งขี้น และนำไปสู่การประท้วงแข่งกันระหว่างกลุ่มนิยมและต่อต้านทักษิณ

ผลการเลือกตั้งหลังจากการรัฐประหาร พรรคฝ่ายทักษิณได้เข้ามามีอำนาจ และ “เสื้อเหลือง” ฝ่ายตรงข้ามได้ทำการประท้วงออกสู่ถนนเมื่อปีที่แล้ว ปิดสนามบินนานาชาติ ๒ แห่ง เพื่อใช้เป็นเครื่องต่อรองให้รัฐบาลลาออก ในที่สุดศาลใช้อำนาจสั่งให้ปลดรัฐบาลฝ่ายทักษิณทั้งสองรัฐบาล แผ้วทางในการเข้ามามีอำนาจของอภิสิทธิ์

อภิสิทธิ์ได้จัดตั้งรัฐบาลพรรคร่วมอย่างลวกๆในเดือนธันวาคม แต่ได้ถูก “เสื้อแดง” ผู้สนับสนุนทักษิณติดตามอย่างไม่ลดละ และบีบให้การประชุมสุดยอดอาเซียนต้องล้มเลิก และได้ก่อการประท้วงบนท้องถนนในเดือนเมษายนนำไปสู่ความรุนแรงถึงขั้นปะทะกับกองทัพ

อภิสิทธิ์โดนบารมีของทักษิณบดบังอยู่เสมอๆ การ์ตูนในเดอะเนชั่นเมื่อวันอาทิตย์แสดงให้เห็นการวิ่งแข่งของผู้ชายสองคน ทักษิณในรถแข่งเอฟ-๑ และอภิสิทธิ์ในรถเข็นเด็ก