--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2559

มหาเศรษฐีจีน เตือน..ฟองสบู่ครั้งประวัติศาสตร์...!!?


จากที่เศรษฐกิจจีนอยู่ในภาวะชะลอตัว พร้อม ๆ กับแผนการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้เติบโตด้วยความยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งล่าสุดธนาคารโลกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของจีนปีนี้จะเติบโตอยู่ที่ราว 6.7% และลดลงมาที่ 6.5% ในปีหน้า และ 6.3% ในปี 2560

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว "หวัง เจี้ยนหลิง" มหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของจีน ประธานกลุ่ม "ต้าเหลียนหวันต๋า" ที่ร่ำรวยมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ช่วงหลังได้ขยายการลงทุนไปที่สหรัฐอเมริกา ให้สัมภาษณ์กับ "ซีเอ็นเอ็น" ว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์จีนในเวลานี้เรียกว่าเป็น "ฟองสบู่ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของจีน" และเกินจะควบคุม โดยสถานการณ์ฟองสบู่หนักขึ้นเรื่อย ๆ

หลังจากปีที่แล้วเกิดวิกฤต "ฟองสบู่ตลาดหุ้นจีนแตก" ทำให้บรรดานักลงทุนรายย่อยเสียหายไปจำนวนมาก และปัจจุบันวิกฤตเศรษฐกิจก็เริ่มหันมาเกิดกับภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน

นายหวังกล่าวว่า "ปัญหาใหญ่ที่สุดของธุรกิจภาคอสังหาฯ คือราคาบ้าน ที่ดินพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในเขตเมืองใหญ่เช่น เซี่ยงไฮ้ แต่ในเมืองเล็กราคากลับร่วงลงเนื่องจากมีบ้านใหม่ขายไม่ออกจำนวนมาก แม้รัฐบาลจะใช้มาตรการทุกอย่าง ทั้งจำกัดการซื้ออสังหาฯ และการปล่อยสินเชื่อ เพื่อชะลอความร้อนแรงแต่ก็ไม่สัมฤทธิผล และยังไม่เห็นทางออกที่ดีสำหรับปัญหานี้"

ทั้งนี้ 6 เดือนแรกของปีนี้ธนาคารจีนมีการปล่อยสินเชื่อตลาดอสังหาริมทรัพย์สูงถึง 24 ล้านล้านหยวน แย่ไปกว่านั้นในช่วงขาลงของเศรษฐกิจ ขณะที่หนี้สาธารณะต่อจีดีพีของประเทศจีนสูงถึง 247%

นี่เป็นปัญหาใหญ่มาของจีนเวลานี้ในเวลาที่เศรษฐกิจจีนเติบโตชะลอตัวและมีหนี้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่สำนักสถิติแห่งชาติจีนเผยว่าราคาบ้านใน 70 เมืองหลัก ๆ ของจีน ในเดือนสิงหาคมพุ่งขึ้นถึง 9.2% เมื่อเทียบจากปีก่อน นอกจากนี้ ข้อมูลยังระบุว่าราคาบ้านชั้นใน ของเมืองเซี่ยงไฮ้และปักกิ่งเพิ่มขึ้น 31.2% และ 23.5% ตามลำดับ ขณะที่ราคาบ้านเขตนอกเมืองเซียะเหมินและเหอเฟยได้กำไรเพิ่มขึ้นอย่างมากจากราคาที่เพิ่มขึ้นถึง 43.8% และ 40.3% ตามลำดับ หรือในบางเมืองขึ้นสูงถึง 50%

โดยก่อนหน้านี้มหาเศรษฐีรายนี้ออกมาเตือนถึงปัญหาฟองสบู่อสังหาฯ มาก่อนหน้านี้แล้ว ขณะที่กลุ่ม "ต้าเหลียนหวันต๋า" ซึ่งทำธุรกิจอสังหาฯ ประเภทห้างสรรพสินค้าและอาคารสำนักงานทั่วประเทศจีน ที่ผ่านมาก็ได้ค่อย ๆ ปรับลดสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจอสังหาฯแล้ว

ปัญหาคือการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนยังไม่ถึงจุดต่ำสุด ถ้าเรายกเลิกมาตรการต่าง ๆ เร็วเกินไป ก็อาจทำให้เศรษฐกิจบอบช้ำต่อไป ดังนั้นเราต้องรอจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นกลับมาปกติ หมายความเราจะต้องค่อย ๆ ลดหนี้และลดมาตรการกระตุ้นต่าง ๆ"

อย่างไรก็ตาม นายหวังปิดท้ายว่า แม้สถานการณ์จะมีทิศทางดิ่งลง แต่ไม่คิดว่าเศรษฐกิจจีนจะเกิดปัญหา "ฮาร์ดแลนดิ้ง"

สอดคล้องกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ "ไอเอ็มเอฟ" ให้ความเห็นว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจจีนจะช้าลงเรื่อย ๆ แต่จะยังคงสูงเมื่อเทียบกับบรรทัดฐานเศรษฐกิจทั่วโลก การขยายตัวของจีดีพีถูกคาดการณ์ไว้ที่ 6.6% ปีนี้ และ 6.2% ในปี 2560

ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น