กระทรวงพาณิชย์ เตรียมของบประมาณจากรัฐบาลวงเงินรวม 1,500 ล้านบาท ดันวิสาหกิจชุมชนสู่อี-คอมเมิร์ซและต่อยอดเอสเอ็มอีสู่ตลาดโลก
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การกระทรวงพาณิชย์จะขอใช้งบกลางวงเงิน 1,500 ล้านบาทต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์หน้าในการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจจากภายในประเทศผ่านโครงการประชารัฐ 2 ระดับ ได้แก่ 1. Local Economy โดยจะผลักดันกลุ่มวิสาหกิจชุมชนให้ก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการ และขยายตลาดไปสู่อี-คอมเมิร์ซใช้งบประมาณส่วนนี้ 620 ล้านบาท ในการสนับสนุนกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตข้าวและมันสำปะหลัง รวมทั้งผลักดันการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) ตลอดจนนำร่อง 10 หมู่บ้านทำมาค้าขาย, เปิด 5 ตลาดกลางครบวงจร และ 3 ศูนย์กระจายสินค้าไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาล ภาคเอกชน และประชาชนในการสร้างอำนาจต่อรองให้เกษตรกรและผู้ประกอบการไทย ตั้งเป้าให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 และมูลค่าการค้าชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ภายใน 1 ปี
ส่วนโครงการที่ 2 ได้แก่ Global Economy เป็นการผลักดันผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยสู่ตลาดโลก โดยจะทำการตลาดเชิงลึกแต่ละประเทศ ซึ่งจะมีการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญ ประสานความร่วมมือกับองค์กรเจโทรแห่งญี่ปุ่นและร่วมมือกับมหาวิทยาลัยไทยในการสร้างองค์ความรู้เฉพาะประเทศนั้น ๆ ลักษณะ 1 มหาวิทยาลัย 1 ประเทศในกลุ่ม CLMV นอกจากนี้ ยังจะทำแบรนด์ดิ้งสินค้าไทย ตลอดจนเพิ่มนวัตกรรมเข้าไปในตัวสินค้าและมุ่งเน้นส่งเสริมธุรกิจในภาคบริการมากขึ้น กำหนดเป้าหมายให้มีการขยายมูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 และขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ภายใน 1 ปี รวมทั้งเพิ่มจำนวนเอสเอ็มอีเข้าสู่ตลาดอี-คอมเมิร์ซ 100,000 ราย ภายใน 3 ปี และ 200,000 รายภายใน 5 ปี ใช้งบประมาณส่วนนี้ 860 ล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการดังกล่าวนายกรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว
ที่มา.กรุงเทพธุรกิจ
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การกระทรวงพาณิชย์จะขอใช้งบกลางวงเงิน 1,500 ล้านบาทต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์หน้าในการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจจากภายในประเทศผ่านโครงการประชารัฐ 2 ระดับ ได้แก่ 1. Local Economy โดยจะผลักดันกลุ่มวิสาหกิจชุมชนให้ก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการ และขยายตลาดไปสู่อี-คอมเมิร์ซใช้งบประมาณส่วนนี้ 620 ล้านบาท ในการสนับสนุนกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตข้าวและมันสำปะหลัง รวมทั้งผลักดันการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) ตลอดจนนำร่อง 10 หมู่บ้านทำมาค้าขาย, เปิด 5 ตลาดกลางครบวงจร และ 3 ศูนย์กระจายสินค้าไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาล ภาคเอกชน และประชาชนในการสร้างอำนาจต่อรองให้เกษตรกรและผู้ประกอบการไทย ตั้งเป้าให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 และมูลค่าการค้าชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ภายใน 1 ปี
ส่วนโครงการที่ 2 ได้แก่ Global Economy เป็นการผลักดันผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยสู่ตลาดโลก โดยจะทำการตลาดเชิงลึกแต่ละประเทศ ซึ่งจะมีการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญ ประสานความร่วมมือกับองค์กรเจโทรแห่งญี่ปุ่นและร่วมมือกับมหาวิทยาลัยไทยในการสร้างองค์ความรู้เฉพาะประเทศนั้น ๆ ลักษณะ 1 มหาวิทยาลัย 1 ประเทศในกลุ่ม CLMV นอกจากนี้ ยังจะทำแบรนด์ดิ้งสินค้าไทย ตลอดจนเพิ่มนวัตกรรมเข้าไปในตัวสินค้าและมุ่งเน้นส่งเสริมธุรกิจในภาคบริการมากขึ้น กำหนดเป้าหมายให้มีการขยายมูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 และขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ภายใน 1 ปี รวมทั้งเพิ่มจำนวนเอสเอ็มอีเข้าสู่ตลาดอี-คอมเมิร์ซ 100,000 ราย ภายใน 3 ปี และ 200,000 รายภายใน 5 ปี ใช้งบประมาณส่วนนี้ 860 ล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการดังกล่าวนายกรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว
ที่มา.กรุงเทพธุรกิจ
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น