--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

มหาอำนาจทางเศรษฐกิจ การเมือง และการทหารของสหรัฐ..!!?


โดย.วีรพงษ์ รามางกูร

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตเคยเป็นมหาอำนาจของโลกอย่างชัดเจน ขณะเดียวกันกับที่อังกฤษ ฝรั่งเศส ก็ต้องลดความสำคัญลง จากที่เคยเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันเนื่องจากการที่เป็นประเทศที่มีอาณานิคมมากมาย มีความสามารถผูกขาดตลาดวัตถุดิบและตลาดสินค้าสำเร็จรูปได้ทั่วโลกก็ค่อยๆ เสื่อมถอยลง บรรดาประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมต่างก็ประกาศตัวเป็นเอกราช ทำให้ความเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของอังกฤษและฝรั่งเศสลดถอยน้อยลงไปตามลำดับ

ยุโรป ในขณะที่อำนาจทางการเมืองและการต่างประเทศของอังกฤษกับฝรั่งเศสกำลังเสื่อมทรามลง สหรัฐอเมริกาซึ่งไม่ได้รับความเสียหายจากภัยสงครามก็ค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นตามลำดับ

ในทวีปเอเชีย ญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้พัฒนาตนเองอย่างรวดเร็ว โดยใช้แบบอย่างของอังกฤษเป็นตัวอย่างและมีเป้าหมายที่จะพัฒนาเศรษฐกิจและการทหารให้ทันอังกฤษภายใน 1 ศตวรรษ แต่ตอนที่ญี่ปุ่นตัดสินใจเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศแพ้สงคราม หลังสงครามญี่ปุ่นจึงกลายเป็นประเทศที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของสหรัฐอเมริกา

สหรัฐนอกจากจะเป็นผู้ชนะสงครามแล้ว สหรัฐยังกลายเป็นประเทศที่ทรงอิทธิพลทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดในโลก เงินปอนด์สเตอร์ลิงของอังกฤษที่เคยใช้เป็นเงินตรา เป็นสื่อกลางในการซื้อขายสินค้าและบริการของโลก มีค่าที่แข็งแกร่งโดยเทียบค่ากับทองคำ หรือกล่าวได้ว่าอยู่ในมาตรฐานทองคำ สามารถให้คำมั่นกับธนาคารกลางทั่วโลกได้ว่า ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ที่ถือเงินปอนด์เป็นทุนสำรองนั้นสามารถนำเงินปอนด์ที่ตนถือไว้นั้นมาแลกทองคำได้ทันที ทุนสำรองของต่างประเทศที่ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ จึงนิยมถือเป็นเงินปอนด์สเตอร์ลิง

ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษจึงมีทองคำทั้งที่เป็นของตนเองและที่เป็นทุนสำรองที่ประเทศอาณานิคมนำมาฝากไว้เป็นจำนวนมาก

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อังกฤษได้เป็นหนี้สินจากการกู้มาเพื่อทำสงคราม ประเทศอาณานิคมต่างๆ ก็ทยอยกันประกาศเอกราช ทองคำจึงไหลออกจากอังกฤษเป็นจำนวนมาก จนในที่สุดอังกฤษก็ต้องประกาศออกจากมาตรฐานทองคำ ผู้ถือเงินปอนด์ของอังกฤษไม่สามารถนำมาแลกเป็นทองคำได้ ปอนด์จึงมีค่าต่ำลงเมื่อเทียบกับทองคำ

ในขณะที่ความเชื่อมั่นในค่าของเงินปอนด์ต่ำลง เงินดอลลาร์ซึ่งเป็นเงินตราที่ยังอยู่ในมาตรฐานทองคำจึงได้รับความนิยมและมีค่าที่มั่นคง เงินดอลลาร์จึงเข้ามาแทนที่เงินปอนด์ของอังกฤษในที่สุด สหรัฐอเมริกาจึงกลายเป็นประเทศที่มีดุลการชำระเงินเกินดุลมานับจากนั้น

เมื่อสหรัฐอเมริกามีฐานะทางการเงินแข็งแกร่งจากการเกินดุลการชำระเงินและเป็นประเทศชนะสงคราม อเมริกาจึงมีอิทธิพลที่สุดในการจัดระเบียบการค้าและการเงินของโลก เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในธนาคารโลกและมีอิทธิพลที่สุดในคณะกรรมการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ โดยที่ธนาคารโลกทำหน้าที่ระดมทุนเพื่อให้ประเทศสมาชิกกู้ในการบูรณะประเทศหลังสงคราม ให้กู้เพื่อโครงการพัฒนาของประเทศกำลังพัฒนา ส่วนกองทุนการเงินระหว่างประเทศทำหน้าที่คล้ายๆ กับธนาคารกลางของโลก พยายามออกเงินตราระหว่างประเทศของตนเองเรียกว่าสิทธิถอนเงินพิเศษ หรือ Special Drawing Rights หรือ SDRs แต่ไม่สู้จะประสบความสำเร็จนัก ดอลลาร์สหรัฐอเมริกายังเป็นที่นิยมใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนและใช้เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ตามเดิม

เมื่อสหรัฐอเมริกาต้องใช้จ่ายอย่างมากมายในการทำสงครามเวียดนาม อันเป็นเหตุให้สหรัฐอเมริกาต้องเผชิญกับการขาดุลบัญชีเดินสะพัดและดุลการชำระเงินอย่างมหาศาล ธนาคารกลางประเทศต่างๆ เริ่มไม่แน่ใจว่าสหรัฐจะรักษาค่าเงินของตนซึ่งตรึงไว้กับทองคำโดยอยู่ที่ 36 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 ทรอยออนซ์ไว้ได้ จึงนำดอลลาร์มาแลกทองคำจากสหรัฐอเมริกา เป็นเหตุให้ทองคำของธนาคารกลางของสหรัฐร่อยหรอลงอย่างรวดเร็ว ในที่สุดประธานาธิบดีนิกสันก็ต้องประกาศให้เงินดอลลาร์สหรัฐออกจากมาตรฐานทองคำ ค่าเงินดอลลาร์จึงอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับทองคำตั้งแต่นั้นมา

แต่อย่างไรก็ตาม เงินดอลลาร์ก็ยังคงเป็นเงินสกุลหลักของโลก ทำให้สหรัฐอเมริกาก็ยังคงเป็นประเทศที่ทรงอิทธิพลทางการเงินของโลก ตลาดทุนที่นิวยอร์กยังเป็นศูนย์กลางทางการเงินโลกอยู่ต่อไป

เมื่อเศรษฐกิจจีนขยายตัวอย่างรวดเร็ว อันเกิดจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดติดต่อกันมาเป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษ เศรษฐกิจของจีนขยายตัวในอัตราเลข 2 หลักมานานกว่า 20 ปี ทำให้จีนเป็นประเทศที่สะสมทุนสำรองไว้มากที่สุดแซงหน้าประเทศญี่ปุ่นไป คาดกันว่าขณะนี้จีนสะสมทุนสำรองในรูปของทองคำ ดอลลาร์สหรัฐและเงินสกุลหลักของโลก มีมูลค่าเมื่อคิดเป็นเงินดอลลาร์กว่า 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ จีนจึงมีอิทธิพลอย่างมากในตลาดเงินของโลก แต่อย่างไรก็ตาม อิทธิพลทางการเงินของสหรัฐก็ยังยิ่งใหญ่อยู่เหมือนเดิม

แม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะใหญ่เป็นที่ 2 ของโลกแซงหน้าญี่ปุ่น เป็นรองแต่สหรัฐอเมริกา แต่ถ้าดูให้ดีทั้งจีนและญี่ปุ่นต่างก็ยังต้องพึ่งตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรปอยู่ดี เมื่อเศรษฐกิจยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกาอ่อนตัวลง ก็ย่อมมีผลต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนไปด้วย

สหรัฐอเมริกายังเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าที่สุดในด้านเทคโนโลยีเกือบทุกด้าน รวมทั้งเทคโนโลยีทางด้านอวกาศด้วย

เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลายลงพร้อมๆ กับค่ายคอมมิวนิสต์ ประเทศต่างๆ ที่เคยเป็นประเทศที่ปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ล่มสลายลง เหลือเพียงประเทศเกาหลีเหนือและคิวบา อิทธิพลทางการเมืองการทหารจึงอยู่ในมือสหรัฐอเมริกา สหรัฐอเมริกาจึงเป็นอภิมหาอำนาจอยู่แต่เพียงประเทศเดียว โดยมียุโรปตะวันตกเป็นพันธมิตรหรือบริวาร

แม้ว่าประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นประเทศในภูมิภาคยุโรปตะวันตก ประเทศญี่ปุ่นและจีน ต่างก็มีการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปองค์การทางการค้า เช่นองค์การการค้าโลก องค์การทางการเงิน เช่น ธนาคารโลก ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย รวมทั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ เพื่อขอเข้าไปมีที่นั่งและเพิ่มทุน เพื่อจะได้มีที่นั่งในคณะกรรมการของสถาบันเหล่านั้นซึ่งสหรัฐอเมริกามีเสียงมากที่สุด แต่ก็ไม่เป็นผล จึงได้เกิดมีการประกาศจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระหว่างประเทศ หรือ Asian Infrastructure Investment Bank หรือ AIIB โดยมีการจัดตั้งทุนประเดิม 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จีนจะลง 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มีประเทศต่างๆ ที่เป็นพันธมิตรของสหรัฐทั้งในยุโรปและเอเชียจองลงทุนกันมาก

แม้ว่าจะมีขบวนการที่จะถ่วงดุลอำนาจทางเศรษฐกิจการเงินของสหรัฐ แต่ก็ไม่น่าจะเป็นผล สหรัฐอเมริกายังคงเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและทรงอำนาจที่สุดของโลกต่อไป ทั้งในด้านการเงิน การพลังงาน และเทคโนโลยี

ที่สำคัญ สหรัฐอเมริกายังคงมีบทบาทเป็นตำรวจโลก ในการบังคับให้ประเทศสมาชิกสหประชาชาติ 168 ประเทศต้องปฏิบัติตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ กองกำลังสหประชาชาติทุกครั้งจะนำโดยกองกำลังสหรัฐอเมริกาเสมอ ความยิ่งใหญ่และอิทธิพลของอเมริกาในเกือบทุกด้านไม่ได้ลดลงเลย มีแต่จะมากขึ้น จีนไม่ใช่คู่แข่ง และจีนยังไม่พร้อมจะเป็นคู่แข่ง

บางทีเราก็มักจะลืมไป จึงอยากเตือนสติกันไว้

 ที่มา.มติชนรายวัน
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น