เมื่อคืนวันที่ 15 เม.ย. นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวบนเวทีปราศรัย ว่า ทราบมาว่านายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ได้สั่งให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ชงคดีผู้ก่อการร้ายในเหตุการณ์ วันที่ 10 เม.ย.ขึ้นเป็นคดีพิเศษ เพื่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้ามาจัดการ โดยพวกตนยินดีที่ได้เป็นหัวหน้าผู้ก่อการร้ายเสียที ทั้งนี้ ขอท้าให้รัฐบาลตั้งข้อหาเพิ่มเติมว่าเป็นกบฎ หรือข้อหาที่มีโทษประหาร 7 ชั่วโคตรก็ได้ แต่อย่าตั้งข้อหาพรากผู้เยาว์ก็แล้วกัน
นายวีระ กล่าวอีกว่า นปช.จะไม่เข้าไปร่วมเป็นกรรมการสอบข้อเท็จจริง เหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย.เพราะรัฐบาลกินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง และทราบว่าก่อนคืนวันดังกล่าว มีการสั่งให้โรงพยาบาลเตรียมเลือดไว้ ให้หมอพยาบาลพร้อม 24 ชม. และยังสั่งให้สำรวจดาดฟ้ากองสลากกับโรงเรียนสตรีวิทยา ถ้าไม่คิดชั่วจะทำอย่างนั้นทำไม นอกจากนี้ ยังรู้มาว่ารัฐบาลได้คัดมือดีจากตำรวจและทหาร 20-30 คน ไว้คอยอุ้มแกนนำ นปช.เวลาเผลอ จึงยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจาอีก รัฐบาลจะต้องยุบสภาให้เร็วที่สุด
ที่มา.มติชนออนไลน์
*************************************************
วันศุกร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2553
สื่อต่างชาติชี้เสื้อแดงย้ายไปรวมตัวที่ราชประสงค์ ส่งผลทหารจัดการยากขึ้น
ราเชล ฮาร์วีย์ ผู้สื่อข่าวบีบีซีวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่กลุ่มคนเสื้อแดงตัดสินใจเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมทั้งหมดไปรวมตัวกันที่สถานที่ชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ ซึ่งเป็นแหล่งศูนย์กลางเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ เพียงแห่งเดียวว่า เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงหวาดกลัวว่าจะถูกปราบปรามครั้งใหม่ ดังนั้น พวกเขาจึงย้ายมารวมตัวกันที่แยกราชประสงค์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ความมั่นคงไม่อาจบุกเข้าสลายการชุมนุมได้โดยง่าย
ฮาร์วีย์รายงานด้วยว่า ขณะนี้ขอบเขตการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงกินพื้นที่ตั้งแต่บริเวณถนนชิดลมไปจนถึงสนามกีฬาแห่งชาติ นอกจากนี้ ผู้ชุมนุมบางส่วนยังหลบอากาศร้อนตอนกลางวันไปอาศัยอยู่ในสวนลุมพินีด้วย
ขณะที่โทนี เบิร์ตลีย์ ผู้สื่อข่าวของอัลจาซีร่า ก็ได้วิเคราะห์เช่นกันว่า ทหารจะไม่สามารถสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ได้โดยง่าย เพราะพื้นที่ดังกล่าวเต็มไปด้วยถนนหลายสายที่สลับซับซ้อน ส่งผลให้มีสถานที่มากมายให้ผู้ชุมนุมได้ใช้หลบซ่อน หรือใช้เป็นด่านกั้นขวางกองกำลังของเจ้าหน้าที่
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
*************************************************
ฮาร์วีย์รายงานด้วยว่า ขณะนี้ขอบเขตการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงกินพื้นที่ตั้งแต่บริเวณถนนชิดลมไปจนถึงสนามกีฬาแห่งชาติ นอกจากนี้ ผู้ชุมนุมบางส่วนยังหลบอากาศร้อนตอนกลางวันไปอาศัยอยู่ในสวนลุมพินีด้วย
ขณะที่โทนี เบิร์ตลีย์ ผู้สื่อข่าวของอัลจาซีร่า ก็ได้วิเคราะห์เช่นกันว่า ทหารจะไม่สามารถสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ได้โดยง่าย เพราะพื้นที่ดังกล่าวเต็มไปด้วยถนนหลายสายที่สลับซับซ้อน ส่งผลให้มีสถานที่มากมายให้ผู้ชุมนุมได้ใช้หลบซ่อน หรือใช้เป็นด่านกั้นขวางกองกำลังของเจ้าหน้าที่
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
*************************************************
ความรับผิดชอบ
"ความรับผิดชอบทางการเมือง ต้องสูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย"
วรรคทองประจำตัว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ทำให้รัฐมนตรีหลายคนต้องพ้นจากตำแหน่ง
ไม่ว่าเต็มใจหรือไม่ก็ตาม แต่รัฐมนตรีปลากระป๋องเน่า รัฐมนตรีไทยเข้มแข็ง รัฐมนตรียูวีแฟน ต่างต้องจำลาจากไป
เพราะ
"ความรับผิดชอบทางการเมือง ต้องสูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย"
แต่วันนี้ผ่านมาเกือบ 1 สัปดาห์ เจ้าของวรรคทองยังไม่ได้แสดงความรับผิดชอบใดๆ
ทั้งทางการเมือง และทางกฎหมาย??
ทั้งๆ ที่มีประชาชนบาดเจ็บ ล้มตาย จากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ที่มาตามคำสั่งรัฐบาล
ประเด็นมือที่ 3 ผู้ก่อการร้าย กบฏ เปลี่ยน แปลงประเทศไทย ที่ฝ่ายรัฐบาล และกองทัพพยายามเปิดขึ้นมานั้น
เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องสืบสวนสอบสวน ต้องติดตามจับกุมดำเนินคดี ตามหน้าที่ไปตามระบบอยู่แล้ว
ไม่ว่านายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี หรือผู้บังคับบัญชา จะเป็นใคร!
เหตุการณ์นองเลือด 10 เมษาฯ ศอฉ.ต้องยอมรับความ "พลาด" แล้ว "ผิด" ของตนเอง
ไม่ว่าด้านยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี ยุทธการ
เพราะมีคนตายถึง 20 กว่าศพ เจ็บอีกกว่า 800
หัวหน้ารัฐบาลต้องรับผิดชอบสูงสุด และทันที!!
ชะตากรรมของผู้นำมือเปื้อนเลือด แล้วกลบเกลื่อน เบี่ยงเบน ดึงดัน ดื้อด้าน เป็นอย่างไร
คนความจำดีอย่างนายอภิสิทธิ์คงรู้?
เช่นเดียวกันในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร
เมื่อกกต.มีมติยุบพรรค ฐานกระทำผิดรัฐธรรม นูญ 2 เรื่อง 2 คดี
แม้กระบวนการยังไม่สิ้นสุด แต่ถือว่าพรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าและกรรมการบริหารพรรค
ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาเรียบร้อย?
"ความรับผิดชอบทางการเมือง ต้องสูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย"
วรรคทองวรรคนี้ งดงาม สละสลวย เมื่อได้อ่าน ได้ยิน ได้ฟัง
ทว่า หาก "นายของคำพูด" ดีแต่พูด ไม่ยอมทำ
ก็ไม่ต่างลมที่ผายออกมา!?
ที่มา.ข่าวสดรายวัน
คอลัมน์ เหล็กใน
**********************************************
วรรคทองประจำตัว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ทำให้รัฐมนตรีหลายคนต้องพ้นจากตำแหน่ง
ไม่ว่าเต็มใจหรือไม่ก็ตาม แต่รัฐมนตรีปลากระป๋องเน่า รัฐมนตรีไทยเข้มแข็ง รัฐมนตรียูวีแฟน ต่างต้องจำลาจากไป
เพราะ
"ความรับผิดชอบทางการเมือง ต้องสูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย"
แต่วันนี้ผ่านมาเกือบ 1 สัปดาห์ เจ้าของวรรคทองยังไม่ได้แสดงความรับผิดชอบใดๆ
ทั้งทางการเมือง และทางกฎหมาย??
ทั้งๆ ที่มีประชาชนบาดเจ็บ ล้มตาย จากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ที่มาตามคำสั่งรัฐบาล
ประเด็นมือที่ 3 ผู้ก่อการร้าย กบฏ เปลี่ยน แปลงประเทศไทย ที่ฝ่ายรัฐบาล และกองทัพพยายามเปิดขึ้นมานั้น
เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องสืบสวนสอบสวน ต้องติดตามจับกุมดำเนินคดี ตามหน้าที่ไปตามระบบอยู่แล้ว
ไม่ว่านายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี หรือผู้บังคับบัญชา จะเป็นใคร!
เหตุการณ์นองเลือด 10 เมษาฯ ศอฉ.ต้องยอมรับความ "พลาด" แล้ว "ผิด" ของตนเอง
ไม่ว่าด้านยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี ยุทธการ
เพราะมีคนตายถึง 20 กว่าศพ เจ็บอีกกว่า 800
หัวหน้ารัฐบาลต้องรับผิดชอบสูงสุด และทันที!!
ชะตากรรมของผู้นำมือเปื้อนเลือด แล้วกลบเกลื่อน เบี่ยงเบน ดึงดัน ดื้อด้าน เป็นอย่างไร
คนความจำดีอย่างนายอภิสิทธิ์คงรู้?
เช่นเดียวกันในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร
เมื่อกกต.มีมติยุบพรรค ฐานกระทำผิดรัฐธรรม นูญ 2 เรื่อง 2 คดี
แม้กระบวนการยังไม่สิ้นสุด แต่ถือว่าพรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าและกรรมการบริหารพรรค
ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาเรียบร้อย?
"ความรับผิดชอบทางการเมือง ต้องสูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย"
วรรคทองวรรคนี้ งดงาม สละสลวย เมื่อได้อ่าน ได้ยิน ได้ฟัง
ทว่า หาก "นายของคำพูด" ดีแต่พูด ไม่ยอมทำ
ก็ไม่ต่างลมที่ผายออกมา!?
ที่มา.ข่าวสดรายวัน
คอลัมน์ เหล็กใน
**********************************************
ศอฉ.เรียกตัว60นักการเมือง-การเงินหนุนเสื้อแดง
เตือนพื้นที่ราชประสงค์ ผู้ก่อการร้ายแฝงตัว
เมื่อวันที่ 15 เม.ย. เวลา 20.45 น. ที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมศอฉ.ช่วงค่ำว่า เป็นการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมที่เปลี่ยนแปลงไปว่า
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และผอ.ศอฉ. มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เครื่องขยายเสียงและแจกใบปลิวชี้แจงกับผู้ชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ให้เข้าใจถึงภัยคุกคามจากการที่มีบุคคลเข้ามาแฝงตัวอยู่ โดยขอให้ประชาชนระมัดระวังและออกจากพื้นที่ และยังออกคำสั่งให้บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องและสนับสนุนทางการเงินให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม ทั้งนักธุรกิจและนักการเมืองที่เป็นอดีตรัฐมนตรีรวม 50-60 คน มารายงานตัวต่อ ศอฉ. ที่ ร.11 รอ. เริ่มส่งหมายเรียกให้มารายงานตัวตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย. โดยเป็นคำสั่งภายในพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถ้าผู้รับหมายเรียกดังกล่าวไม่มารายงานตัว จะมีโทษตามพ.ร.ก. ทั้งนี้เป็นการเชิญมาให้ข้อมูลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมหรือไม่ ไม่ใช่การมากักตัวหรือควบคุมตัว
เมื่อถามว่าต้องเรียกคนในครอบครัวชินวัตร พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย และพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย มารายงานตัวด้วยหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า วันที่ 16 เม.ย. รายชื่อจะมีความชัดเจนอีกครั้ง
รายงานข่าวแจ้งว่า กลุ่มบุคคลที่ ศอฉ.มีคำสั่งให้มารายงานตัวนั้น อาทิ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีต รมว.คมนาคม นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ อดีต รมช.พาณิชย์ และพล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีตผบช.ก. เป็นต้น
ก่อนหน้านี้ช่วงกลางวัน ที่ ร.11 รอ. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศอฉ. สั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการภาพเตรียมโปรเจกเตอร์ พร้อมคอมพิวเตอร์ เพื่อนำวิดีโอคลิปเหตุการณ์ปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่บริเวณผ่านฟ้า ถนนดินสอ เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 พร้อมเปิดแถลงว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่ทางศอฉ.ได้นำภาพจากสถานีโทรทัศน์ และหลายสื่อมาชี้แจงทำความเข้าใจกับสังคมปรากฏว่า สำนักข่าวญี่ปุ่นได้ลงข่าวคลาดเคลื่อนไปจากเดิมทำนองว่า ทหารได้ยิงเล็งตรงใส่หาประชาชน ซึ่งเป็นข่าวสั้นๆ ไม่มีคำอธิบาย ทางศอฉ.จึงต้องนำภาพมาชี้แจง เพื่อทำความเข้าใจอีกครั้ง
สำหรับปฏิบัติการยึดพื้นที่ราชประสงค์นั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ต้องมีความเข้มข้น เฉียบขาดขึ้น เพราะเจ้าหน้าที่ทหารมีชีวิตมีเลือดเนื้อเหมือนกัน ดังนั้นการดำเนินการต้องปกป้องชีวิตเขาได้ ความพยายามเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจ พลเรือนทุกนายที่สังกัดใน ศอฉ.หากจะปฏิบัติภารกิจต้องคำนึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก ต้องการบังคับใช้กฎหมาย แต่ก็ต้องปกป้องชีวิตของตนเองได้ด้วย ทั้งนี้ ขอให้ดูขั้นตอนการปฏิบัติ มั่นใจทุกคนเข้าใจอธิบายได้ในทุกขั้นตอน
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า พื้นที่แยกราชประสงค์ขณะนี้ คือพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย เพราะกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่ในพื้นที่การชุมนุมพร้อมเอาอาวุธสงครามมาทำร้ายเจ้าหน้าที่ และไม่เลือกเจ้าหน้าที่ แม้กลุ่มคนเสื้อแดงที่ชุมนุมก็อาจตกเป็นเหยื่อของการกระทำทั้งหลาย ดังนั้นท่านที่อยู่ต่างจังหวัด เมื่อกลับไปเยี่ยมบ้านในช่วงสงกรานต์นั้น อย่าได้กลับมาในพื้นที่แยกราชประสงค์อีก เพราะเป็นพื้นที่ที่อันตรายมาก
"พี่น้องประชาชนที่มีญาติหรือคนรู้จักที่เข้ามาชุมนุมในพื้นที่ขอให้ใช้โทรศัพท์ แจ้งข้อมูลข่าวสาร เพื่อให้เขาออกจากพื้นที่ชุมนุมโดยเร็ว เพราะเป็นพื้นที่อันตรายอย่างที่สุด และชีวิตเขาถูกหยิบยกเป็นเงื่อนไขในการสร้างความรุนแรงตลอดเวลา ซึ่งการแยกกลุ่มผู้ชุมนุมกับกลุ่มก่อการร้ายออกจากกันยอมรับว่า เป็นเรื่องที่ยากลำบากมา ทั้งนี้ทางศอฉ.ได้สื่อสารลงไปยังพี่น้องประชาชนโดยตรงเช่นกัน แต่ไม่อาจเรียนได้ว่า ใช้วิธีอย่างไร เพราะอาจจะถูกสกัดกั้น และถูกห้ามปรามจากกลุ่มแกนนำบางส่วน"
ที่มา.ข่าวสดออนไลน์
*********************************************
เมื่อวันที่ 15 เม.ย. เวลา 20.45 น. ที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมศอฉ.ช่วงค่ำว่า เป็นการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมที่เปลี่ยนแปลงไปว่า
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และผอ.ศอฉ. มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เครื่องขยายเสียงและแจกใบปลิวชี้แจงกับผู้ชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ให้เข้าใจถึงภัยคุกคามจากการที่มีบุคคลเข้ามาแฝงตัวอยู่ โดยขอให้ประชาชนระมัดระวังและออกจากพื้นที่ และยังออกคำสั่งให้บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องและสนับสนุนทางการเงินให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม ทั้งนักธุรกิจและนักการเมืองที่เป็นอดีตรัฐมนตรีรวม 50-60 คน มารายงานตัวต่อ ศอฉ. ที่ ร.11 รอ. เริ่มส่งหมายเรียกให้มารายงานตัวตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย. โดยเป็นคำสั่งภายในพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถ้าผู้รับหมายเรียกดังกล่าวไม่มารายงานตัว จะมีโทษตามพ.ร.ก. ทั้งนี้เป็นการเชิญมาให้ข้อมูลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมหรือไม่ ไม่ใช่การมากักตัวหรือควบคุมตัว
เมื่อถามว่าต้องเรียกคนในครอบครัวชินวัตร พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย และพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย มารายงานตัวด้วยหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า วันที่ 16 เม.ย. รายชื่อจะมีความชัดเจนอีกครั้ง
รายงานข่าวแจ้งว่า กลุ่มบุคคลที่ ศอฉ.มีคำสั่งให้มารายงานตัวนั้น อาทิ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีต รมว.คมนาคม นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ อดีต รมช.พาณิชย์ และพล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีตผบช.ก. เป็นต้น
ก่อนหน้านี้ช่วงกลางวัน ที่ ร.11 รอ. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศอฉ. สั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการภาพเตรียมโปรเจกเตอร์ พร้อมคอมพิวเตอร์ เพื่อนำวิดีโอคลิปเหตุการณ์ปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่บริเวณผ่านฟ้า ถนนดินสอ เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 พร้อมเปิดแถลงว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่ทางศอฉ.ได้นำภาพจากสถานีโทรทัศน์ และหลายสื่อมาชี้แจงทำความเข้าใจกับสังคมปรากฏว่า สำนักข่าวญี่ปุ่นได้ลงข่าวคลาดเคลื่อนไปจากเดิมทำนองว่า ทหารได้ยิงเล็งตรงใส่หาประชาชน ซึ่งเป็นข่าวสั้นๆ ไม่มีคำอธิบาย ทางศอฉ.จึงต้องนำภาพมาชี้แจง เพื่อทำความเข้าใจอีกครั้ง
สำหรับปฏิบัติการยึดพื้นที่ราชประสงค์นั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ต้องมีความเข้มข้น เฉียบขาดขึ้น เพราะเจ้าหน้าที่ทหารมีชีวิตมีเลือดเนื้อเหมือนกัน ดังนั้นการดำเนินการต้องปกป้องชีวิตเขาได้ ความพยายามเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจ พลเรือนทุกนายที่สังกัดใน ศอฉ.หากจะปฏิบัติภารกิจต้องคำนึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก ต้องการบังคับใช้กฎหมาย แต่ก็ต้องปกป้องชีวิตของตนเองได้ด้วย ทั้งนี้ ขอให้ดูขั้นตอนการปฏิบัติ มั่นใจทุกคนเข้าใจอธิบายได้ในทุกขั้นตอน
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า พื้นที่แยกราชประสงค์ขณะนี้ คือพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย เพราะกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่ในพื้นที่การชุมนุมพร้อมเอาอาวุธสงครามมาทำร้ายเจ้าหน้าที่ และไม่เลือกเจ้าหน้าที่ แม้กลุ่มคนเสื้อแดงที่ชุมนุมก็อาจตกเป็นเหยื่อของการกระทำทั้งหลาย ดังนั้นท่านที่อยู่ต่างจังหวัด เมื่อกลับไปเยี่ยมบ้านในช่วงสงกรานต์นั้น อย่าได้กลับมาในพื้นที่แยกราชประสงค์อีก เพราะเป็นพื้นที่ที่อันตรายมาก
"พี่น้องประชาชนที่มีญาติหรือคนรู้จักที่เข้ามาชุมนุมในพื้นที่ขอให้ใช้โทรศัพท์ แจ้งข้อมูลข่าวสาร เพื่อให้เขาออกจากพื้นที่ชุมนุมโดยเร็ว เพราะเป็นพื้นที่อันตรายอย่างที่สุด และชีวิตเขาถูกหยิบยกเป็นเงื่อนไขในการสร้างความรุนแรงตลอดเวลา ซึ่งการแยกกลุ่มผู้ชุมนุมกับกลุ่มก่อการร้ายออกจากกันยอมรับว่า เป็นเรื่องที่ยากลำบากมา ทั้งนี้ทางศอฉ.ได้สื่อสารลงไปยังพี่น้องประชาชนโดยตรงเช่นกัน แต่ไม่อาจเรียนได้ว่า ใช้วิธีอย่างไร เพราะอาจจะถูกสกัดกั้น และถูกห้ามปรามจากกลุ่มแกนนำบางส่วน"
ที่มา.ข่าวสดออนไลน์
*********************************************
จับการ์ดพันธมิตรระยอง พร้อมอาวุธปืน-กระสุนปืน
03:52 น.
กลางดึกที่ผ่านมา พ.ต.ท.หญิง ชุติมา ศิริเมธาวี พนักงานสืบสวนสอบสวน สน.บางซื่อ ได้รับแจ้งจากจุดตรวจร่วมระหว่างทหารและตำรวจบริเวณหน้ากระทรวงการคลัง ถ.พระราม6 พบรถกระบะเชฟโรเรต สีดำ หมายเลขทะเบียน ผข 240 สงขลา ขับผ่านมาด้วยท่าทางมีพิรุธ จึงทำการเรียกตรวจพร้อมนำตัวไปสอบสวนต่อที่สน.บางซื่อ จากตรวจค้นภายในรถคันดังกล่าว พบอาวุธปืน ออโตเมติก 9 มม. จำนวน1 กระบอก อาวุธปืนรีวอลเวอร์.38 จำนวน 1กระบอก กระสุน.38 จำนวน 31ลูก,กระสุน 9มม. จำนวน43 ลูก, กระสุนเบอร์ 12 จำนวน13 ลูก ,กระสุนเบอร์ 20 จำนวน2 ลูก และน้ำมันเบนซิน 1 แกลลอน อาวุธมีดพับ สปาตาร์ 1 เล่ม นอกจากนี้ยังพบบัตรการ์ดพันธมิตรระยอง 6ใบ
สำหรับชายฉกรรจ์ทั้ง 6 คนที่นั่งมาภายในรถคันดังกล่าว ทราบชื่อ 1.นาย ไพล อู๋อ่อน อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 14 ซอย สุนทรภู่5 ต.ทาง อ.แกลง จ.ระยอง 2. นาย นิมิตร เจริญยิ่ง อายุ 28 ปี เจ้าของรถ อยู่บ้านเลขที่ 5/14 หมู่6 ต. ทุ่งขมิ้น อ.พาหม่อน จ.สงขลา 3. นาย อนุชา ควรชอบ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79 หมู่ 5 ต.คูตัน อ.กาบเชิง จ. สุรินทร์
4. นาย ธนากฤต มณีวรรณ อายุ 40 ปี พกมีดพับ สปาตาร์ บ้านเลขที่ 205 ซ.จรัญสนิทวงศ์45 ต.กฤชอัมเพหาะ อ.พากกอกซอย จ. กรุงเทพ และ5. นายประเสริฐ ชาวเวียง อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นคนพกพาทั้งอาวุธปืนพร้อมด้วยกระสุน อยู่บ้านเลขที่ 77/15 ซ.อดุลย์ธรรมประภาส ต. เชิงเนิน อ.เมือง จ. ระยอง 6. นาย ธีรพงศ์ องอาจ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 383 หมู่12 ต.ครบุรี อ. คะบรี จ. นครราชสีมา ทั้งหมดถูกนำตัวไปสอบสวนยังห้องสืบสวน บริเวณชั้น 2 ของโรงพัก จากนั้นได้นำตัวลงมาสอบสวนต่อที่บริเวณชั้นล่าง โดยที่ทางตำรวจไม่ได้แจ้งลายละเอียดใดๆกับทางสื่อมวลชนที่รอทำข่าวเป็นจำนวนมาก
เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อหาพกอาวุธปืนผิดมือกับนายประเสริฐ พร้อมกับปรับเงินนาย นาย ธนากฤต ในข้อหาพกพาอาวุธมีด โดยที่ตำรวจยังควบคุมตัวทั้งหมดเพื่อทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
***********************************************
กลางดึกที่ผ่านมา พ.ต.ท.หญิง ชุติมา ศิริเมธาวี พนักงานสืบสวนสอบสวน สน.บางซื่อ ได้รับแจ้งจากจุดตรวจร่วมระหว่างทหารและตำรวจบริเวณหน้ากระทรวงการคลัง ถ.พระราม6 พบรถกระบะเชฟโรเรต สีดำ หมายเลขทะเบียน ผข 240 สงขลา ขับผ่านมาด้วยท่าทางมีพิรุธ จึงทำการเรียกตรวจพร้อมนำตัวไปสอบสวนต่อที่สน.บางซื่อ จากตรวจค้นภายในรถคันดังกล่าว พบอาวุธปืน ออโตเมติก 9 มม. จำนวน1 กระบอก อาวุธปืนรีวอลเวอร์.38 จำนวน 1กระบอก กระสุน.38 จำนวน 31ลูก,กระสุน 9มม. จำนวน43 ลูก, กระสุนเบอร์ 12 จำนวน13 ลูก ,กระสุนเบอร์ 20 จำนวน2 ลูก และน้ำมันเบนซิน 1 แกลลอน อาวุธมีดพับ สปาตาร์ 1 เล่ม นอกจากนี้ยังพบบัตรการ์ดพันธมิตรระยอง 6ใบ
สำหรับชายฉกรรจ์ทั้ง 6 คนที่นั่งมาภายในรถคันดังกล่าว ทราบชื่อ 1.นาย ไพล อู๋อ่อน อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 14 ซอย สุนทรภู่5 ต.ทาง อ.แกลง จ.ระยอง 2. นาย นิมิตร เจริญยิ่ง อายุ 28 ปี เจ้าของรถ อยู่บ้านเลขที่ 5/14 หมู่6 ต. ทุ่งขมิ้น อ.พาหม่อน จ.สงขลา 3. นาย อนุชา ควรชอบ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79 หมู่ 5 ต.คูตัน อ.กาบเชิง จ. สุรินทร์
4. นาย ธนากฤต มณีวรรณ อายุ 40 ปี พกมีดพับ สปาตาร์ บ้านเลขที่ 205 ซ.จรัญสนิทวงศ์45 ต.กฤชอัมเพหาะ อ.พากกอกซอย จ. กรุงเทพ และ5. นายประเสริฐ ชาวเวียง อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นคนพกพาทั้งอาวุธปืนพร้อมด้วยกระสุน อยู่บ้านเลขที่ 77/15 ซ.อดุลย์ธรรมประภาส ต. เชิงเนิน อ.เมือง จ. ระยอง 6. นาย ธีรพงศ์ องอาจ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 383 หมู่12 ต.ครบุรี อ. คะบรี จ. นครราชสีมา ทั้งหมดถูกนำตัวไปสอบสวนยังห้องสืบสวน บริเวณชั้น 2 ของโรงพัก จากนั้นได้นำตัวลงมาสอบสวนต่อที่บริเวณชั้นล่าง โดยที่ทางตำรวจไม่ได้แจ้งลายละเอียดใดๆกับทางสื่อมวลชนที่รอทำข่าวเป็นจำนวนมาก
เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อหาพกอาวุธปืนผิดมือกับนายประเสริฐ พร้อมกับปรับเงินนาย นาย ธนากฤต ในข้อหาพกพาอาวุธมีด โดยที่ตำรวจยังควบคุมตัวทั้งหมดเพื่อทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
***********************************************
วันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2553
"ขวัญชัย"แฉแกนนำนปช.กลัวตำรวจชิวตามหมายจับ
00:56 น.
ที่เวทีราชประสงค์ เมื่อเวลา 23.25 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมของคนเสื้อแดงตั้งแต่หลังเวลา 21.00 น.เป็นต้นมาการชุมนุมยังคงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยประเด็นการปราศรัยของแกนนำและองค์เครือข่ายยังคงมุ่งเน้นในการโจมกรณีที่รัฐบาลใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา รวมทั้งเรียกร้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้น
ขณะที่นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำชมรมคนรักอุดรฯ ได้ให้สัมภาษณ์หลังเวทีถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมเข้าจับกุมแกนนำนปช.ว่า เดิมทีแกนนำนปช.จะมีการแยกย้ายเข้าพักตามโรงแรมต่างๆ แต่เมื่อมีกระแสข่าวออกมาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าจับกุม ทางแกนนำจึงตัดสินใจที่จะไม่เข้าไปพักตามโรงแรม แต่จะพักอยู่ในพื้นที่การชุมนุมเท่านั้น แต่หากแกนนำนปช.ถูกจับกุมการชุมนุมของคนเสื้อแดงก็พร้อมจะมีการยกระดับการชุมนุมให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
*********************************************
ที่เวทีราชประสงค์ เมื่อเวลา 23.25 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมของคนเสื้อแดงตั้งแต่หลังเวลา 21.00 น.เป็นต้นมาการชุมนุมยังคงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยประเด็นการปราศรัยของแกนนำและองค์เครือข่ายยังคงมุ่งเน้นในการโจมกรณีที่รัฐบาลใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา รวมทั้งเรียกร้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้น
ขณะที่นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำชมรมคนรักอุดรฯ ได้ให้สัมภาษณ์หลังเวทีถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมเข้าจับกุมแกนนำนปช.ว่า เดิมทีแกนนำนปช.จะมีการแยกย้ายเข้าพักตามโรงแรมต่างๆ แต่เมื่อมีกระแสข่าวออกมาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าจับกุม ทางแกนนำจึงตัดสินใจที่จะไม่เข้าไปพักตามโรงแรม แต่จะพักอยู่ในพื้นที่การชุมนุมเท่านั้น แต่หากแกนนำนปช.ถูกจับกุมการชุมนุมของคนเสื้อแดงก็พร้อมจะมีการยกระดับการชุมนุมให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
*********************************************
"อริสมันต์"เผยวันพรุ่งนี้เตรียมนำเสื้อแดงลุยทีวีทุกช่อง
นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. ขึ้นปราศรัยบนเวทีราชประสงค์ช่วงค่ำที่ผ่านมาว่า พรุ่งนี้ (16) เวลา 11.00 น. คนเสื้อแดงจะเริ่มเคลื่อนขบวนไปที่สถานีทีวีไทยเป็นที่แรก จากนั้นจะดาวกระจายไปทีวีช่องต่างๆ เพื่อให้คนเสื้อแดงไปยื่นหนังสือต่อผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ทุกช่องที่นำเสนอภาพที่เกี่ยวกับกองทัพ ได้จัดสรรเวลาให้คนเสื้อแดงบ้าง ทั้งนี้จะนำเอาคลิปของคนเสื้อแดงที่มีรายละเอียดไปเปิด การดำเนินการครั้งนี้ถือเป็นมติของแกนนำ นปช. โดยการเดินทางไปสถานีโทรทัศน์ครั้งนี้จะขอให้คนที่ออกมารับหนังสือมีคำตอบด้วย
ส่วนที่รัฐบาลกล่าวหามีคนชุดดำอยู่เบื้องหลังการก่อการร้ายนั้น นายอริสมันต์ ระบุว่า เป็นการสะท้อนความอ่อนแอของรัฐบาล หากพิจารณาจริงๆคิดว่ากลุ่มคนเสื้อดำเป็นกลุ่มทหารแตงโม ที่ไม่ชอบวิธีสั่งการของรัฐบาล ส่วนทหารแตงโมจะเป็นใครก็เป็นหน้าที่ของกองทัพที่จะสืบหา เพราะตนเองก็ไม่รู้เช่นกัน แต่เชื่อว่าเป็นการขัดกันของคนในกองทัพ สำหรับการที่คนเสื้อแดงย้ายมาชุมนุมที่ราชประสงค์แห่งเดียว เนื่องจากเป็นชัยภูมิเหมาะสม และพื้นที่ราชประสงค์ก็เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ รัฐคงไม่ใช่อำนาจในการสลายผู้ชุมนุม เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
***********************************************
ส่วนที่รัฐบาลกล่าวหามีคนชุดดำอยู่เบื้องหลังการก่อการร้ายนั้น นายอริสมันต์ ระบุว่า เป็นการสะท้อนความอ่อนแอของรัฐบาล หากพิจารณาจริงๆคิดว่ากลุ่มคนเสื้อดำเป็นกลุ่มทหารแตงโม ที่ไม่ชอบวิธีสั่งการของรัฐบาล ส่วนทหารแตงโมจะเป็นใครก็เป็นหน้าที่ของกองทัพที่จะสืบหา เพราะตนเองก็ไม่รู้เช่นกัน แต่เชื่อว่าเป็นการขัดกันของคนในกองทัพ สำหรับการที่คนเสื้อแดงย้ายมาชุมนุมที่ราชประสงค์แห่งเดียว เนื่องจากเป็นชัยภูมิเหมาะสม และพื้นที่ราชประสงค์ก็เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ รัฐคงไม่ใช่อำนาจในการสลายผู้ชุมนุม เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
***********************************************
"จตุพร"ปัดเลขารมว.เป็นแตงโมเล็งขยับ 17เม.ย. "เสธ.แดง"เย้ยกองทัพแต๋วแตก เสื้อแดงหิ้วบะหมี่เยี่นมนายกฯ
"จตุพร" ปัดเลขาฯรมว.กห.เป็นแตงโม เตรียมขยับ 17 เม.ย. "เสธ.แดง" โผล่เย้ยกองทัพแต๋วแตก สาวเสื้อแดงหิ้วบะหมี่เยี่ยมนายกฯ เล็งแจ้งความนายกฯสั่งฆ่าปชช.
เล็งแจ้งความนายกฯสั่งฆ่าปชช.
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวเมื่อวันที่ 15 เมษายน ถึงการจัดการกับศพของคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ 10 เมษายน ว่า เดิมได้นำศพของผู้เสียชีวิตส่งกลับภูมิลำเนาไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่ตอนนี้ฝ่ายกฎหมายได้ประสานงานกับทุกส่วนเพื่อขอให้ระงับการฌาปนกิจไว้ก่อน รวมทั้งศพที่จะฌาปนกิจที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยด้วย เนื่องจากเห็นว่าแม้ว่าจะพิสูจน์ศพ ยืนยันสาเหตุการเสียชีวิต และบุคคลที่เสียชีวิตแล้ว แต่เมื่อกลายเป็นคดีฆาตกรรม ต้องชันสูตรพลิกศพตามประมวลกฎหมายอาญา ดังนั้นจึงเห็นว่าควรรอให้กระบวนการทางกฎหมายเสร็จสิ้นเสียก่อนจึงจะมีการฌาปนกิจ นอกจากนี้ ทางทีมงานกฎหมายได้ประสานงานกับผู้เสียหาย ทั้งญาติผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ให้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่สั่งการและผู้ลงมือ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่า และทำร้ายร่างกาย ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นคดีอาญา มีอายุความถึง 20 ปี
"ตำรวจต้องดำเนินการตามกฎหมาย ต้องสืบพยานแวดล้อม สอบปากคำพยานทั้งหมด เพราะเป็นเรื่องใหญ่ จะมีคดีความกว่า 900 คดี เนื่องจากทุกเหตุการณ์ต่างกรรมต่างวาระ จึงขอเตือน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ต้องเรียกนายอภิสิทธิ์มาสอบปากคำในฐานะผู้สั่งการ อย่ารับใช้นักการเมือง ไม่เช่นนั้น พล.ต.ต.อำนวยจะไม่มีแผ่นดินอยู่เสียเอง" นายจตุพรกล่าว และว่า ตรวจสอบไม่ยาก เพียงเอาบาดแผลของผู้เสียชีวิตมาเทียบกับอาวุธที่ก่อเหตุก็ชัดเจนอยู่แล้ว
ปัดเลขาฯรมว.กห.เป็นแตงโม
ผู้สื่อข่าวถามว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐดังกล่าวอยู่ระหว่างการประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทำให้ผู้สั่งการและผู้ลงมือไม่ต้องรับผิดทางกฎหมาย นายจตุพรกล่าวว่า ใน พ.ร.ก.บ.ฉุกเฉิน ไม่มีข้อไหนระบุให้ฆ่าคนได้ อีกทั้งการสั่งการให้เข้าปราบปรามในเวลากลางคืนก็สะท้อนเจตนาชัดเจนแล้วว่าต้องการอะไรที่มากไปกว่าการสลายการชุมนุม จึงต้องมีคนรับผิดชอบ เพราะทุกอย่างไปตามแผนที่ฝ่ายทหารวางไว้ แล้วตนเคยเอาข้อมูลมาเปิดเผยถึงการตั้งกำลังในจุดที่โรงเรียนสตรีวิทยา ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นทุกอย่าง
เมื่อถามว่า มีการระบุว่า พล.อ.นพดล อินทรปัญญา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นนายทหารแตงโม ที่คอยให้ข้อมูลกับกลุ่ม นปช. นายจตุพรกล่าวว่า ไม่ใช่ แต่ต้องยอมรับว่าขณะนี้ในกองทัพก็มีคนที่ไม่พอใจทหารด้วยกัน และพร้อมที่จะนำข้อมูลออกมาเปิดเผย
เสื้อแดงเตรียมขยับ17เม.ย.
เมื่อเวลา 18.00 น. ที่เวทีราชประสงค์ แกนนำเสื้อแดงแถลงข่าวภายหลังหารือกว่า 1 ชั่วโมง นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลปิดช่องทางการสื่อสารของคนเสื้อแดง และใช้สื่อของรัฐทำลายความเชื่อถือ สร้างภาพลักษณ์ไม่ดีต่อคนเสื้อแดง จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินคดีกับโทรทัศน์สาธารณะทุกช่องที่เผยแพร่ข่าวที่เป็นภาพและเสียงที่ทำให้คนเสื้อแดงเสียหาย และจะแจ้งความดำเนินคดีกับ พ.อ.สรรเสริฐ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. และนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ เพราะทั้งสองพยายามออกอากาศพูดจาในเรื่องที่ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของใคร พยายามกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของคนเสื้อแดง
"รัฐบาลนี้กำลังซ้ำรอย 6 ตุลา 19 พยายามสร้างสงครามกลางเมือง โดยที่รัฐบาลที่เลวที่สุดของโลกยังไม่มีใครทำ และมีผู้พยายามเจรจาวิ่งเต้นให้มีการเจรจารอบ 3 เกิดขึ้น แต่รัฐบาลไม่นำพา ขอยืนยันว่าคนเสื้อแดงจะอยู่จนกว่าจะยุบสภา ในวันที่ 17 เมษายน ทางคนเสื้อแดงจะมีกิจกรรมครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง" นายวีระกล่าว
สาวบุกเดี่ยวด่าม็อบหวิดโดนรุม
สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ที่บริเวณแยกราชประสงค์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้ามีผู้ชุมนุมค่อนข้างบางตา โดยกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ยังคงปักหลักกันอยู่หน้าเวที ขณะที่บางส่วนพักผ่อนกันอยู่ตามที่พัก และร่มไม้ของอาคารที่ตั้งอยู่บริเวณโดยรอบ ทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมที่มาจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศต่างกระจายกันสร้างที่พักและหุงหาอาหาร โดยที่พักของคนเสื้อแดงนั้นยาวไปตามถนนพระรามที่ 1 ไปจนถึงสี่แยกปทุมวัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 09.20 น. มีผู้หญิงอายุราว 30 ปี เดินเข้าไปบริเวณใกล้เวทีปราศรัย พร้อมตะโกนโวยวายต่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมว่า ทำไมจึงมาตั้งเต๊นท์บริเวณราชประสงค์ เพราะทำให้ประชาชนเดือดร้อนวุ่นวาย ผู้ชุมนุมที่ได้ยินพร้อมใจกันโห่ไล่ จากนั้นการ์ด นปช. จึงเดินเข้าไปประกบหญิงคนดังกล่าว เพราะเกรงว่าจะถูกผู้ชุมนุมทำร้ายร่างกาย และพาหญิงคนดังกล่าวออกไปหลบที่โรงแรมเพรสซิเดนท์ ซึ่งในระหว่างนั้นมีคนเสื้อแดงคนหนึ่งถือไม้เดินไล่ตาม พร้อมทั้งตะโกนขู่ว่า อย่าออกมาอีก ทำให้การ์ด นปช.ต้องรีบตัวเข้าไปหลบในโรงแรมทันที
เมื่อเวลา 09.40 น. ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 60 ปี เกิดเป็นลมชักขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ศูนย์พยาบาลได้เข้าตรวจดูอาการ พบว่าขยับแขนข้างขวาไม่ได้ ซึ่งแพทย์ประจำหน่วยจึงได้สัณนิษฐานว่าอาจป่วยเป็นโรคหัวใจตีบเฉียบพลัน จึงนำตัวเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากย้ายผู้ชุมนุมมาร่วมกันที่เวทีราชประสงค์ ทำให้แกนนำมารวมตัวกันที่เวทีราชประสงค์ทุกคน ทำให้ต้องปรับแผนรักษาความปลอดภัยให้กับแกนนำใหม่ โดยนำรั้วเหล็กมาล้อม 2 ชั้นรอบเวที ขณะที่มีการกันพื้นที่ให้แกนนำนั่งเฉพาะตรงกลางบริเวณด้านหลังเวทีเท่านั้น พร้อมทั้งกั้นรั้วเหล็กอีกชั้น
เพิ่มการ์ดตั้งด่านตรวจ 3 ชั้น
สำหรับบรรยากาศในช่วงบ่าย ซึ่งอากาศเริ่มร้อนจัด แต่ผู้ชุมนุมยังคงปักหลักฟังการปราศรัย โดยมีบางส่วนเล่นสงกรานต์กันโดยใช้ปืนฉีดน้ำ และน้ำจากขวดน้ำดื่มสาดกันอย่างสนุกสนาน อย่างไรก็ตาม น่าสังเกตว่าแกนนำหลักของคนเสื้อแดงไม่ได้พักอยู่บริเวณด้านหลังเวทีแต่อย่างใด ทั้งนี้บรรดากลุ่มผู้ชุมนุมได้เริ่มนำเต๊นท์จากบริเวณสะพายผ่านฟ้าลีลาศ มาตั้งบังแดดเพิ่มเติมบริเวณแยกราชประสงค์จนเต็มพื้นที่ถนนทำให้การจราจรถูกปิดโดยอัตโนมัติ
ด้านนายอารีย์ ไกรนรา หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย นปช.กล่าวว่า ขณะนี้มีการรักษาความปลอดภัยให้แกนนำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเพิ่มจำนวนการ์ดให้มากอีกเท่าตัว ซึ่งบริเวณสี่แยกเพลินจิต แยกราชดำริ แยกมาบุญครอง และแยกประตูน้ำ มีการตั้งด้านตรวจสกัดจุดละ 3 ชั้น พร้อมทั้งติดสปอร์ตไลต์จากบริเวณหน้าเวที ที่จะส่องไปยังอาคารสูง เพื่อตรวจสอบจุดผิดสังเกต พร้อมทั้งขอความร่วมมือเจ้าของอาคารไม่ให้มีผู้เข้าไปในตัวอาคารอย่างเด็ดขาด รวมทั้งติดไฟส่องบริเวณตรอกซอกซอยต่างๆ ด้วย
สาวเสื้อแดงหิ้วบะหมี่เยี่ยมนายกฯ
เมื่อเวลา 12.00 น. วันเดียวกัน น.ส.ฉันทิสา โรจนภิมุข สมาชิกกลุ่มคนเสื้อแดง พร้อมด้วยเพื่อนชายขี่รถจักรยานยนต์มายัง ร.11 รอ. โดยอ้างว่า ได้รับมอบหมายจากนายณัฐวุฒิให้นำบะหมี่หมูแดง น้ำดื่ม กาแฟกระป๋อง และจดหมายที่มีข้อความว่า"ให้นายกฯ กินกันตายเพื่อรอยุบสภา ชดใช้กรรมในฐานะฆาตกร" มามอบให้แก่นายอภิสิทธิ์ ซึ่งกับดานอยู่ภายใน ร.11 รอ. เป็นวันที่ 5 อย่างไรก็ตาม ไม่มีแกนนำรัฐบาล หรือนายทหารชั้นผู้ใหญ่ให้ความสนใจ หรือออกมาสังเกตการณ์แต่อย่างใด โดยสาวเสื้อแดงมอบสิ่งของทั้งหมดผ่านทางเจ้าหน้าที่ทหารชั้นประทวนที่ยืนประจำการอยู่บริเวณประตูเข้า-ออก ร.11 รอ. ถนนพหลโยธิน โดยใช้เวลาไม่ถึง 3 นาที ทั้งนี้ก่อนเดินทางกลับ ตำรวจ สน.บางเขน ที่มาอารักขาความปลอดภัยด้านหน้า ร.11 รอ. สอบถามชื่อและรายละเอียดต่างๆ เพื่อบันทึกไว้เป็นหลักฐานด้วย
"เสธ.แดง" โผล่เย้ยกองทัพแต๋วแตก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.45 น. พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เดินทางมาให้กำลังใจกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน พร้อมให้ถ่ายรูปคู่และแจกลายเซ็นให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ชื่นชอบ พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวว่า ศอฉ.จะสลายการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ว่า รัฐบาลคงไม่กล้าดำเนินการ เพราะกองทัพขณะนี้เป็นกองทัพแต๋วแตก เห็นได้จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษายนว่า กองทัพถูกตีแตกพ่ายไปเรียบร้อย ทั้งที่สั่งกำลัง 3 กองพล มาปฏิบัติการที่หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา และเชิงสะพานปิ่นเกล้า แต่กลับถูกกองกำลังไม่ทราบฝ่ายตีแตกไป
พล.ต.ขัตติยะกล่าวว่า ส่วนกองกำลังชุดดำที่ ศอฉ.ระบุว่า ถือปืนอาก้านั้น เชื่อว่าเป็นคนของรัฐบาลแน่นอน ที่แกนนำออกมาบอกว่าเป็นการ์ดของ นปช. เป็นเพราะแกนนำทั้ง 3 คนไม่รู้เรื่อง แต่ไม่อยากพูดมาก เพราะตนมีหน้าที่ดูแลกองทัพประชาชน และดูแลไม่ให้กลุ่ม นปช.ติดอาวุธเท่านั้น ส่วนคนเสื้อดำที่เป็นคนของรัฐบาล ก็ถือปืนถ่ายรูปเพื่อให้เป็นข่าว จากนั้นจึงมีคนก่อการโดยใช้พลซุ่มยิงหรือสไนเปอร์ ยิงชายคนที่ถือธงก่อน จากนั้นกลุ่มทหารจึงยิงเอ็ม 16 เข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม จนมีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายออกมาช่วยคนเสื้อแดง
ที่มา.มติชนออนไลน์
************************************************
เล็งแจ้งความนายกฯสั่งฆ่าปชช.
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวเมื่อวันที่ 15 เมษายน ถึงการจัดการกับศพของคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ 10 เมษายน ว่า เดิมได้นำศพของผู้เสียชีวิตส่งกลับภูมิลำเนาไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่ตอนนี้ฝ่ายกฎหมายได้ประสานงานกับทุกส่วนเพื่อขอให้ระงับการฌาปนกิจไว้ก่อน รวมทั้งศพที่จะฌาปนกิจที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยด้วย เนื่องจากเห็นว่าแม้ว่าจะพิสูจน์ศพ ยืนยันสาเหตุการเสียชีวิต และบุคคลที่เสียชีวิตแล้ว แต่เมื่อกลายเป็นคดีฆาตกรรม ต้องชันสูตรพลิกศพตามประมวลกฎหมายอาญา ดังนั้นจึงเห็นว่าควรรอให้กระบวนการทางกฎหมายเสร็จสิ้นเสียก่อนจึงจะมีการฌาปนกิจ นอกจากนี้ ทางทีมงานกฎหมายได้ประสานงานกับผู้เสียหาย ทั้งญาติผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ให้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่สั่งการและผู้ลงมือ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่า และทำร้ายร่างกาย ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นคดีอาญา มีอายุความถึง 20 ปี
"ตำรวจต้องดำเนินการตามกฎหมาย ต้องสืบพยานแวดล้อม สอบปากคำพยานทั้งหมด เพราะเป็นเรื่องใหญ่ จะมีคดีความกว่า 900 คดี เนื่องจากทุกเหตุการณ์ต่างกรรมต่างวาระ จึงขอเตือน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ต้องเรียกนายอภิสิทธิ์มาสอบปากคำในฐานะผู้สั่งการ อย่ารับใช้นักการเมือง ไม่เช่นนั้น พล.ต.ต.อำนวยจะไม่มีแผ่นดินอยู่เสียเอง" นายจตุพรกล่าว และว่า ตรวจสอบไม่ยาก เพียงเอาบาดแผลของผู้เสียชีวิตมาเทียบกับอาวุธที่ก่อเหตุก็ชัดเจนอยู่แล้ว
ปัดเลขาฯรมว.กห.เป็นแตงโม
ผู้สื่อข่าวถามว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐดังกล่าวอยู่ระหว่างการประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทำให้ผู้สั่งการและผู้ลงมือไม่ต้องรับผิดทางกฎหมาย นายจตุพรกล่าวว่า ใน พ.ร.ก.บ.ฉุกเฉิน ไม่มีข้อไหนระบุให้ฆ่าคนได้ อีกทั้งการสั่งการให้เข้าปราบปรามในเวลากลางคืนก็สะท้อนเจตนาชัดเจนแล้วว่าต้องการอะไรที่มากไปกว่าการสลายการชุมนุม จึงต้องมีคนรับผิดชอบ เพราะทุกอย่างไปตามแผนที่ฝ่ายทหารวางไว้ แล้วตนเคยเอาข้อมูลมาเปิดเผยถึงการตั้งกำลังในจุดที่โรงเรียนสตรีวิทยา ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นทุกอย่าง
เมื่อถามว่า มีการระบุว่า พล.อ.นพดล อินทรปัญญา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นนายทหารแตงโม ที่คอยให้ข้อมูลกับกลุ่ม นปช. นายจตุพรกล่าวว่า ไม่ใช่ แต่ต้องยอมรับว่าขณะนี้ในกองทัพก็มีคนที่ไม่พอใจทหารด้วยกัน และพร้อมที่จะนำข้อมูลออกมาเปิดเผย
เสื้อแดงเตรียมขยับ17เม.ย.
เมื่อเวลา 18.00 น. ที่เวทีราชประสงค์ แกนนำเสื้อแดงแถลงข่าวภายหลังหารือกว่า 1 ชั่วโมง นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลปิดช่องทางการสื่อสารของคนเสื้อแดง และใช้สื่อของรัฐทำลายความเชื่อถือ สร้างภาพลักษณ์ไม่ดีต่อคนเสื้อแดง จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินคดีกับโทรทัศน์สาธารณะทุกช่องที่เผยแพร่ข่าวที่เป็นภาพและเสียงที่ทำให้คนเสื้อแดงเสียหาย และจะแจ้งความดำเนินคดีกับ พ.อ.สรรเสริฐ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. และนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ เพราะทั้งสองพยายามออกอากาศพูดจาในเรื่องที่ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของใคร พยายามกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของคนเสื้อแดง
"รัฐบาลนี้กำลังซ้ำรอย 6 ตุลา 19 พยายามสร้างสงครามกลางเมือง โดยที่รัฐบาลที่เลวที่สุดของโลกยังไม่มีใครทำ และมีผู้พยายามเจรจาวิ่งเต้นให้มีการเจรจารอบ 3 เกิดขึ้น แต่รัฐบาลไม่นำพา ขอยืนยันว่าคนเสื้อแดงจะอยู่จนกว่าจะยุบสภา ในวันที่ 17 เมษายน ทางคนเสื้อแดงจะมีกิจกรรมครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง" นายวีระกล่าว
สาวบุกเดี่ยวด่าม็อบหวิดโดนรุม
สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ที่บริเวณแยกราชประสงค์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้ามีผู้ชุมนุมค่อนข้างบางตา โดยกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ยังคงปักหลักกันอยู่หน้าเวที ขณะที่บางส่วนพักผ่อนกันอยู่ตามที่พัก และร่มไม้ของอาคารที่ตั้งอยู่บริเวณโดยรอบ ทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมที่มาจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศต่างกระจายกันสร้างที่พักและหุงหาอาหาร โดยที่พักของคนเสื้อแดงนั้นยาวไปตามถนนพระรามที่ 1 ไปจนถึงสี่แยกปทุมวัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 09.20 น. มีผู้หญิงอายุราว 30 ปี เดินเข้าไปบริเวณใกล้เวทีปราศรัย พร้อมตะโกนโวยวายต่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมว่า ทำไมจึงมาตั้งเต๊นท์บริเวณราชประสงค์ เพราะทำให้ประชาชนเดือดร้อนวุ่นวาย ผู้ชุมนุมที่ได้ยินพร้อมใจกันโห่ไล่ จากนั้นการ์ด นปช. จึงเดินเข้าไปประกบหญิงคนดังกล่าว เพราะเกรงว่าจะถูกผู้ชุมนุมทำร้ายร่างกาย และพาหญิงคนดังกล่าวออกไปหลบที่โรงแรมเพรสซิเดนท์ ซึ่งในระหว่างนั้นมีคนเสื้อแดงคนหนึ่งถือไม้เดินไล่ตาม พร้อมทั้งตะโกนขู่ว่า อย่าออกมาอีก ทำให้การ์ด นปช.ต้องรีบตัวเข้าไปหลบในโรงแรมทันที
เมื่อเวลา 09.40 น. ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 60 ปี เกิดเป็นลมชักขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ศูนย์พยาบาลได้เข้าตรวจดูอาการ พบว่าขยับแขนข้างขวาไม่ได้ ซึ่งแพทย์ประจำหน่วยจึงได้สัณนิษฐานว่าอาจป่วยเป็นโรคหัวใจตีบเฉียบพลัน จึงนำตัวเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากย้ายผู้ชุมนุมมาร่วมกันที่เวทีราชประสงค์ ทำให้แกนนำมารวมตัวกันที่เวทีราชประสงค์ทุกคน ทำให้ต้องปรับแผนรักษาความปลอดภัยให้กับแกนนำใหม่ โดยนำรั้วเหล็กมาล้อม 2 ชั้นรอบเวที ขณะที่มีการกันพื้นที่ให้แกนนำนั่งเฉพาะตรงกลางบริเวณด้านหลังเวทีเท่านั้น พร้อมทั้งกั้นรั้วเหล็กอีกชั้น
เพิ่มการ์ดตั้งด่านตรวจ 3 ชั้น
สำหรับบรรยากาศในช่วงบ่าย ซึ่งอากาศเริ่มร้อนจัด แต่ผู้ชุมนุมยังคงปักหลักฟังการปราศรัย โดยมีบางส่วนเล่นสงกรานต์กันโดยใช้ปืนฉีดน้ำ และน้ำจากขวดน้ำดื่มสาดกันอย่างสนุกสนาน อย่างไรก็ตาม น่าสังเกตว่าแกนนำหลักของคนเสื้อแดงไม่ได้พักอยู่บริเวณด้านหลังเวทีแต่อย่างใด ทั้งนี้บรรดากลุ่มผู้ชุมนุมได้เริ่มนำเต๊นท์จากบริเวณสะพายผ่านฟ้าลีลาศ มาตั้งบังแดดเพิ่มเติมบริเวณแยกราชประสงค์จนเต็มพื้นที่ถนนทำให้การจราจรถูกปิดโดยอัตโนมัติ
ด้านนายอารีย์ ไกรนรา หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย นปช.กล่าวว่า ขณะนี้มีการรักษาความปลอดภัยให้แกนนำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเพิ่มจำนวนการ์ดให้มากอีกเท่าตัว ซึ่งบริเวณสี่แยกเพลินจิต แยกราชดำริ แยกมาบุญครอง และแยกประตูน้ำ มีการตั้งด้านตรวจสกัดจุดละ 3 ชั้น พร้อมทั้งติดสปอร์ตไลต์จากบริเวณหน้าเวที ที่จะส่องไปยังอาคารสูง เพื่อตรวจสอบจุดผิดสังเกต พร้อมทั้งขอความร่วมมือเจ้าของอาคารไม่ให้มีผู้เข้าไปในตัวอาคารอย่างเด็ดขาด รวมทั้งติดไฟส่องบริเวณตรอกซอกซอยต่างๆ ด้วย
สาวเสื้อแดงหิ้วบะหมี่เยี่ยมนายกฯ
เมื่อเวลา 12.00 น. วันเดียวกัน น.ส.ฉันทิสา โรจนภิมุข สมาชิกกลุ่มคนเสื้อแดง พร้อมด้วยเพื่อนชายขี่รถจักรยานยนต์มายัง ร.11 รอ. โดยอ้างว่า ได้รับมอบหมายจากนายณัฐวุฒิให้นำบะหมี่หมูแดง น้ำดื่ม กาแฟกระป๋อง และจดหมายที่มีข้อความว่า"ให้นายกฯ กินกันตายเพื่อรอยุบสภา ชดใช้กรรมในฐานะฆาตกร" มามอบให้แก่นายอภิสิทธิ์ ซึ่งกับดานอยู่ภายใน ร.11 รอ. เป็นวันที่ 5 อย่างไรก็ตาม ไม่มีแกนนำรัฐบาล หรือนายทหารชั้นผู้ใหญ่ให้ความสนใจ หรือออกมาสังเกตการณ์แต่อย่างใด โดยสาวเสื้อแดงมอบสิ่งของทั้งหมดผ่านทางเจ้าหน้าที่ทหารชั้นประทวนที่ยืนประจำการอยู่บริเวณประตูเข้า-ออก ร.11 รอ. ถนนพหลโยธิน โดยใช้เวลาไม่ถึง 3 นาที ทั้งนี้ก่อนเดินทางกลับ ตำรวจ สน.บางเขน ที่มาอารักขาความปลอดภัยด้านหน้า ร.11 รอ. สอบถามชื่อและรายละเอียดต่างๆ เพื่อบันทึกไว้เป็นหลักฐานด้วย
"เสธ.แดง" โผล่เย้ยกองทัพแต๋วแตก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.45 น. พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เดินทางมาให้กำลังใจกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน พร้อมให้ถ่ายรูปคู่และแจกลายเซ็นให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ชื่นชอบ พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวว่า ศอฉ.จะสลายการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ว่า รัฐบาลคงไม่กล้าดำเนินการ เพราะกองทัพขณะนี้เป็นกองทัพแต๋วแตก เห็นได้จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษายนว่า กองทัพถูกตีแตกพ่ายไปเรียบร้อย ทั้งที่สั่งกำลัง 3 กองพล มาปฏิบัติการที่หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา และเชิงสะพานปิ่นเกล้า แต่กลับถูกกองกำลังไม่ทราบฝ่ายตีแตกไป
พล.ต.ขัตติยะกล่าวว่า ส่วนกองกำลังชุดดำที่ ศอฉ.ระบุว่า ถือปืนอาก้านั้น เชื่อว่าเป็นคนของรัฐบาลแน่นอน ที่แกนนำออกมาบอกว่าเป็นการ์ดของ นปช. เป็นเพราะแกนนำทั้ง 3 คนไม่รู้เรื่อง แต่ไม่อยากพูดมาก เพราะตนมีหน้าที่ดูแลกองทัพประชาชน และดูแลไม่ให้กลุ่ม นปช.ติดอาวุธเท่านั้น ส่วนคนเสื้อดำที่เป็นคนของรัฐบาล ก็ถือปืนถ่ายรูปเพื่อให้เป็นข่าว จากนั้นจึงมีคนก่อการโดยใช้พลซุ่มยิงหรือสไนเปอร์ ยิงชายคนที่ถือธงก่อน จากนั้นกลุ่มทหารจึงยิงเอ็ม 16 เข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม จนมีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายออกมาช่วยคนเสื้อแดง
ที่มา.มติชนออนไลน์
************************************************
"วีระ”ขู่ฟ้องสื่อแพร่ภาพเมษาเลือด ใส่ร้ายคนเสื้อแดง
"วีระ”ขู่ฟ้องสื่อแพร่ภาพเมษาเลือด ใส่ร้ายคนเสื้อแดง เล็งส่งทนายเชือด "ไก่อู-ปณิธาน"แพร่ภาพหมิ่นแดงปลุกเสื้อแดงชุมนุมเสาร์นี้หวังกดดันรัฐฐาลยุบสภา "จตุพร"ยันเสื้อแดงไม่เคยคิดรีดผู้ค้าสลากฯ และร้านค้าย่านราชประสงค์ ท้ามีข้อมูลให้เปิดออกมา พร้อมเรียกร้องกองทัพเผยข้อมูลสาเหตุการตายของทหาร "DSI"เตรียมประชุมรับคดี 10 เมษาเลือดเป็นคดีพิเศษ16เม.ย. พร้อมตั้งพนง.สอบสวนจาก 10 หน่วยงานร่วมคณะ ระบุคณะทำงานพร้อมเดินเครื่องสอบทันทีกก.รับเป็นคดีพิเศษ
(15เม.ย.) เมื่อเวลา 18.00 น . ที่เวทีราชประสงค์ นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช .) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวแถลงข่าวบนเวทีปราศรัย ว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ปิดสถานีโทรทัศน์และสื่อของกลุ่มคนเสื้อแดงทุกทาง แต่กลับมีการเสนอข่าวสารอย่างทางเดียวโดยสื่อในมือของรัฐ แกนนำคนเสื้อแดงจึงมีความเห็นว่า จะตั้งทีมกฎหมายแจ้งความกับสื่อโทรทัศน์ทุกช่องที่เสนอข่าวของคนเสื้อแดงและเผยแพร่ที่มีข้อความอันเป็นเท็จโดยไม่สนใจว่าสถานีดังกล่าวได้รับคำสั่งมาจากใคร แต่ต้องรับผิดชอบที่นำเอาภาพเหล่านี้มาเผยแพร่ เช่นเดียวกับพ.อ. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ( ศอฉ .) และนายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกรัฐบาล ที่ได้ออกประกาศอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทางกลุ่มคนเสื้อแดงจะดำเนินคดีกับคนพวกนี้ให้เข็ดหลาบ
นายวีระ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้พบว่าได้มีการนำวิธีการในเหตุการณ์ 6 ตุลา มาใช้กับคนเสื้อแดง โดยมีการพยายามสร้างฉากละครมาเผยแพร่ตลอด อาทิ การนำคลิปของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมาเผยแพร่บ่อยครั้ง โดยระบุว่าว่า พ.ต.ท.ทักษิณ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากการตรวจสอบคลิป ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นการตัดต่อ เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง นอกจากนี้ การที่พ.ต.ท.ทักษิณ วีดีโอลิงค์ มาเวทีคนเสื้อแดง แล้วเรียกร้องให้ประชาชนร่วมกันต่อสู้เพื่อจะได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีนั้นก็ไม่เป็นความจริงเช่นกัน ทั้งสองกรณีถือเป็นการดำเนินการเพื่อหวังให้พ.ต.ท.ทักษิณ และคนเสื้อแดง เป็นกลุ่มคนที่ไม่จงรักภักดี ดังนั้นจึงอยากเน้นย้ำว่า เราคงต้องอาศัยสื่อต่างๆเพื่อใช้มาดำเนินคดีกลับ เพราะจะสามารถยืนยันการชุมนุมครั้งนื้ว่าทำอย่างถูกต้อง ยึดหลักสันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ และเชื่อว่าคงไม่มีอะไรมาทำลายได้ ทั้งนี้ขอเรียกร้องให้ประชาชน ที่อยู่ทางบ้านได้มาช่วยสมทบชุมนุม ในวันที่ 17 เมษายนนี้ เพื่อแสดงจุดยืนข้อเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาสำเร็จได้
"จตุพร"ยันเสื้อแดงไม่คิดรีดผู้ค้าสลากฯ และร้านค้าย่านราชประสงค์
นายจตุพร พรหมพันธ์ กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชาชชีวะนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้หายตัวไป 2 วัน ว่า ตนเชื่อการหายตัวไปของทั้งสองดังกล่าวเพราะไปรวบรวมข้อมูล เพื่อเตรียมจะดำเนินการฟ้องร้องกับกลุ่มคนเสื้อแดงโดยการนำข้อมูลไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ ) ดังนั้นตนจึงอยากจะเสนอให้อธิบดีดีเอสไอ นำเรื่องที่นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพเป็นอาญชากรสั่งฆ่าประชาชนเอาไปเป็นคดีพิเศษด้วย ส่วนกรณีที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่าผู้ประกอบการสลากกินแบ่งได้จ่ายเงินให้คนเสื้อแดงจำนวน 100 ล้าน เพื่อให้ออกจากพื้นที่ทบริเวณถ.ราชดำเนินนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะเมื่อคนเสื้อแดงได้ชุมนุมที่ผ่านฟ้าน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการสลากกินแบ่งมากกว่า
นายจตุพร กล่าวอีกว่า เช่นเดียวกับนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวนายอภิสิทธิ์ที่กล่าวหาว่าคนเสื้อแดงรีดไถผู้ประกอบการธุรกิจย่านราชประสงค์ ยืนยันว่าเราไม่เป็นความจริง เพราะคนเสื้อแดงมาเรียกร้องประชาธิปไตย ดังนั้นคำกล่าวหาของทั้ง 2 เรื่อง ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ดังนั้นหากผู้ประกอบการมีข้อมูลเรื่องดังกล่าวจริง ขอให้มาแสดงตัว หากไม่มีก็ขอให้กลับไปทบทวนด้วยการตบปากตัวเอง
“พรรคประชาธิปัตย์สั่งฆ่าประชาชนเสร็จ ก็มาเล่นการเมืองกันสนุก แทนที่จะมีความสำนึก ไอ้พวกชั่วช้าหากินกับสลากกินแบ่งก็คือพรรคประชาธิปัตย์ ดูได้จากหวยเถื่อนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดก็สมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายก ” นายจตุพรกล่าว
นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณีพ.อ.สรรเสริญ ที่ออกสื่อโทรทัศน์และมีการนำเสนอเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมาแต่เพียงฝ่ายเดียว ดังนั้นคนเสื้อแดงขอท้าให้มีการนำคนเสื้อแดงมาออกโทรทัศน์ร่วมกันเพื่อจะได้อธิบายข้อเท็จจริงด้วย การกระทำของพ.อ.สรรเสริญ ไม่ใช่พฤติกรรมของชายชาติทหาร เหมือนกับการชันสูตรศพของทหารที่เสียชีวิต ที่คนเสื้อแดงขอถามว่าเหตุใดถึงไม่มีการเปิดเผย หรือ เป็นเพราะทหารมีอะไรที่ต้องการปกปิดประชาชน
“ เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลเผยแพร่ผลการชันสูตรบาดแผลของทหารผู้เสียชีวิต ว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับอาวุธของกองทัพหรือไม่ ทำไมถึงไม่ชี้แจงเรื่องนี้บ้าง ” แกนนำคนเสื้อแดงกล่าวและว่ากรณีเครือข่ายประชาชนพิทักษ์ชาติ ที่ออกมาต่อต้านการชุมนุมของคนเสื้อแดง พร้อมระบุว่ามีจำนวนผู้ลงรายชื่อสนับสนุนในเฟสบุ๊คจำนวนกว่า 200,000 คน ตนมองว่าไม่น่าจะเป็นตามนั้นเพราะในความเป็นจริงคงคนกลุ่มนี้มีผู้สนับสนุนเพียง 300-500 คนเท่านั้น
"DSI"เตรียมประชุมรับคดี 10 เมษาเลือดเป็นคดีพิเศษวันพรุ่งนี้
รายงานข่าวจาก ศอฉ. เปิดเผยว่า รัฐบาลเสนอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับคดีที่เกิดขึ้นในวันที่ 10 เม.ย. เป็นคดีพิเศษ โดยเลือกเฉพาะข้อหาหนัก เช่น ก่อการร้าย ลอบวางระเบิดและซุ่มยิง ดังนั้นในวันพรุ่งนี้(16 เม.ย.) เวลา 10.30 น. ที่ราบ 11 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) จะเรียกประชุม คณะกรรมการคดีพิเศษเพื่อมีมติรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษทั้งนี้เพื่อแบ่งเบางานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเบื้องต้นจะตั้งพนักงานสอบสวนจาก 10 หน่วยงาน เข้าร่วมสอบสวนคดีดังกล่าวตามกฎหมายสอบสวนคดีพิเศษ ประกอบด้วย DSI , สำนักงานอัยการสูงสุด , ตำรวจนครบาล , สันติบาล , ตำรวจสอบสวนกลาง , ตำรวจภูธรภาค 1 , กองทัพบก , กรมพระธรรมนูญ , สภาความมั่นคงแห่งชาติ , และสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ทั้งนี้หากมีมติรับเป็นคดีพิเศษชุดพนักงานสอบสวนจะเริ่มทำงานทันที เนื่องได้มีหน่วยข่าวเข้าสืบสวนข้อเท็จจริงวันเกิดเหตุไว้ส่วนหนึ่งแล้ว
ที่มา.คมชัดลึก
**************************************************
(15เม.ย.) เมื่อเวลา 18.00 น . ที่เวทีราชประสงค์ นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช .) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวแถลงข่าวบนเวทีปราศรัย ว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ปิดสถานีโทรทัศน์และสื่อของกลุ่มคนเสื้อแดงทุกทาง แต่กลับมีการเสนอข่าวสารอย่างทางเดียวโดยสื่อในมือของรัฐ แกนนำคนเสื้อแดงจึงมีความเห็นว่า จะตั้งทีมกฎหมายแจ้งความกับสื่อโทรทัศน์ทุกช่องที่เสนอข่าวของคนเสื้อแดงและเผยแพร่ที่มีข้อความอันเป็นเท็จโดยไม่สนใจว่าสถานีดังกล่าวได้รับคำสั่งมาจากใคร แต่ต้องรับผิดชอบที่นำเอาภาพเหล่านี้มาเผยแพร่ เช่นเดียวกับพ.อ. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ( ศอฉ .) และนายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกรัฐบาล ที่ได้ออกประกาศอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทางกลุ่มคนเสื้อแดงจะดำเนินคดีกับคนพวกนี้ให้เข็ดหลาบ
นายวีระ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้พบว่าได้มีการนำวิธีการในเหตุการณ์ 6 ตุลา มาใช้กับคนเสื้อแดง โดยมีการพยายามสร้างฉากละครมาเผยแพร่ตลอด อาทิ การนำคลิปของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมาเผยแพร่บ่อยครั้ง โดยระบุว่าว่า พ.ต.ท.ทักษิณ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากการตรวจสอบคลิป ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นการตัดต่อ เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง นอกจากนี้ การที่พ.ต.ท.ทักษิณ วีดีโอลิงค์ มาเวทีคนเสื้อแดง แล้วเรียกร้องให้ประชาชนร่วมกันต่อสู้เพื่อจะได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีนั้นก็ไม่เป็นความจริงเช่นกัน ทั้งสองกรณีถือเป็นการดำเนินการเพื่อหวังให้พ.ต.ท.ทักษิณ และคนเสื้อแดง เป็นกลุ่มคนที่ไม่จงรักภักดี ดังนั้นจึงอยากเน้นย้ำว่า เราคงต้องอาศัยสื่อต่างๆเพื่อใช้มาดำเนินคดีกลับ เพราะจะสามารถยืนยันการชุมนุมครั้งนื้ว่าทำอย่างถูกต้อง ยึดหลักสันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ และเชื่อว่าคงไม่มีอะไรมาทำลายได้ ทั้งนี้ขอเรียกร้องให้ประชาชน ที่อยู่ทางบ้านได้มาช่วยสมทบชุมนุม ในวันที่ 17 เมษายนนี้ เพื่อแสดงจุดยืนข้อเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาสำเร็จได้
"จตุพร"ยันเสื้อแดงไม่คิดรีดผู้ค้าสลากฯ และร้านค้าย่านราชประสงค์
นายจตุพร พรหมพันธ์ กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชาชชีวะนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้หายตัวไป 2 วัน ว่า ตนเชื่อการหายตัวไปของทั้งสองดังกล่าวเพราะไปรวบรวมข้อมูล เพื่อเตรียมจะดำเนินการฟ้องร้องกับกลุ่มคนเสื้อแดงโดยการนำข้อมูลไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ ) ดังนั้นตนจึงอยากจะเสนอให้อธิบดีดีเอสไอ นำเรื่องที่นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพเป็นอาญชากรสั่งฆ่าประชาชนเอาไปเป็นคดีพิเศษด้วย ส่วนกรณีที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่าผู้ประกอบการสลากกินแบ่งได้จ่ายเงินให้คนเสื้อแดงจำนวน 100 ล้าน เพื่อให้ออกจากพื้นที่ทบริเวณถ.ราชดำเนินนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะเมื่อคนเสื้อแดงได้ชุมนุมที่ผ่านฟ้าน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการสลากกินแบ่งมากกว่า
นายจตุพร กล่าวอีกว่า เช่นเดียวกับนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวนายอภิสิทธิ์ที่กล่าวหาว่าคนเสื้อแดงรีดไถผู้ประกอบการธุรกิจย่านราชประสงค์ ยืนยันว่าเราไม่เป็นความจริง เพราะคนเสื้อแดงมาเรียกร้องประชาธิปไตย ดังนั้นคำกล่าวหาของทั้ง 2 เรื่อง ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ดังนั้นหากผู้ประกอบการมีข้อมูลเรื่องดังกล่าวจริง ขอให้มาแสดงตัว หากไม่มีก็ขอให้กลับไปทบทวนด้วยการตบปากตัวเอง
“พรรคประชาธิปัตย์สั่งฆ่าประชาชนเสร็จ ก็มาเล่นการเมืองกันสนุก แทนที่จะมีความสำนึก ไอ้พวกชั่วช้าหากินกับสลากกินแบ่งก็คือพรรคประชาธิปัตย์ ดูได้จากหวยเถื่อนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดก็สมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายก ” นายจตุพรกล่าว
นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณีพ.อ.สรรเสริญ ที่ออกสื่อโทรทัศน์และมีการนำเสนอเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมาแต่เพียงฝ่ายเดียว ดังนั้นคนเสื้อแดงขอท้าให้มีการนำคนเสื้อแดงมาออกโทรทัศน์ร่วมกันเพื่อจะได้อธิบายข้อเท็จจริงด้วย การกระทำของพ.อ.สรรเสริญ ไม่ใช่พฤติกรรมของชายชาติทหาร เหมือนกับการชันสูตรศพของทหารที่เสียชีวิต ที่คนเสื้อแดงขอถามว่าเหตุใดถึงไม่มีการเปิดเผย หรือ เป็นเพราะทหารมีอะไรที่ต้องการปกปิดประชาชน
“ เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลเผยแพร่ผลการชันสูตรบาดแผลของทหารผู้เสียชีวิต ว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับอาวุธของกองทัพหรือไม่ ทำไมถึงไม่ชี้แจงเรื่องนี้บ้าง ” แกนนำคนเสื้อแดงกล่าวและว่ากรณีเครือข่ายประชาชนพิทักษ์ชาติ ที่ออกมาต่อต้านการชุมนุมของคนเสื้อแดง พร้อมระบุว่ามีจำนวนผู้ลงรายชื่อสนับสนุนในเฟสบุ๊คจำนวนกว่า 200,000 คน ตนมองว่าไม่น่าจะเป็นตามนั้นเพราะในความเป็นจริงคงคนกลุ่มนี้มีผู้สนับสนุนเพียง 300-500 คนเท่านั้น
"DSI"เตรียมประชุมรับคดี 10 เมษาเลือดเป็นคดีพิเศษวันพรุ่งนี้
รายงานข่าวจาก ศอฉ. เปิดเผยว่า รัฐบาลเสนอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับคดีที่เกิดขึ้นในวันที่ 10 เม.ย. เป็นคดีพิเศษ โดยเลือกเฉพาะข้อหาหนัก เช่น ก่อการร้าย ลอบวางระเบิดและซุ่มยิง ดังนั้นในวันพรุ่งนี้(16 เม.ย.) เวลา 10.30 น. ที่ราบ 11 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) จะเรียกประชุม คณะกรรมการคดีพิเศษเพื่อมีมติรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษทั้งนี้เพื่อแบ่งเบางานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเบื้องต้นจะตั้งพนักงานสอบสวนจาก 10 หน่วยงาน เข้าร่วมสอบสวนคดีดังกล่าวตามกฎหมายสอบสวนคดีพิเศษ ประกอบด้วย DSI , สำนักงานอัยการสูงสุด , ตำรวจนครบาล , สันติบาล , ตำรวจสอบสวนกลาง , ตำรวจภูธรภาค 1 , กองทัพบก , กรมพระธรรมนูญ , สภาความมั่นคงแห่งชาติ , และสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ทั้งนี้หากมีมติรับเป็นคดีพิเศษชุดพนักงานสอบสวนจะเริ่มทำงานทันที เนื่องได้มีหน่วยข่าวเข้าสืบสวนข้อเท็จจริงวันเกิดเหตุไว้ส่วนหนึ่งแล้ว
ที่มา.คมชัดลึก
**************************************************
ใกล้ถึงจุดจบ
เหตุการณ์การสลายการชุมนุมของทหารเมื่อค่ำวันที่ 10 เม.ย. ที่ถนนดินสอและสี่แยกคอกวัวจนมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เลย
แต่การแถลง 2-3 ครั้ง ของนายกฯ อภิสิทธิ์หลังเกิดเหตุการณ์เมษาเลือด ไม่มีทีท่าเลยว่าจะยอมรับผิด
ตรงกันข้ามกลับย้ำว่ารัฐบาลต้องบังคับใช้กฏหมาย ใช้คำพูดสวยหรูตามสไตล์ว่ารัฐบาลต้อง "ขอพื้นที่บางส่วนคืน" จากผู้ชุมนุม
ก่อนระบุว่า เหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นมาจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่ในผู้ชุมนุม
การแถลงของนายกฯ อภิสิทธิ์มองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกเสียจากโยนความผิดให้ผู้อื่น
ตีความได้ว่าถ้าไม่มีการชุมนุม รัฐบาลก็ไม่ต้องบังคับใช้กฎหมาย ไม่ต้องสลายการชุมนุม
นี่หรือคือความคิดของนายกรัฐมนตรี ผู้ประกาศตัวเองมาตลอดว่าฝักใฝ่ในระบอบประชาธิปไตย!?
การสูญเสียที่สี่แยกคอกวัวยังพิสูจน์ไม่ได้ในตอนนี้ว่าเป็นฝีมือใคร เป็นฝีมือของทหาร ผู้ชุมนุม หรือมือที่ 3
แต่นายกฯ อภิสิทธิ์ไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบ!!
การส่งกำลังทหารหลายพันนายพร้อมอาวุธสงคราม รถหุ้มเกราะ รถถัง เข้าสลายการชุมนุม หรือรัฐบาลจะเรียกว่าขอพื้นที่คืนก็ตาม ทำไม่ได้เลยหากมีผู้ชุมนุมเรือนหมื่นคนปักหลักอยู่แบบนั้น
เพราะไม่มีทางจะหลีกเลี่ยงการปะทะกัน
และก็เกิดขึ้นจริงๆ เกิดการสูญเสีย มีประชาชนล้มตายหลายสิบศพ บาดเจ็บอีก 8-9 ร้อยคน
เป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากคำสั่งรัฐบาล
บทเรียนในอดีตก็มีให้เห็นอยู่แล้ว
รัฐบาล "ถนอม-ประภาส" ส่งกำลังทหารเข้าปราบปรามนิสิตนักศึกษาและประชาชนจนเกิดโศกนาฏกรรม 14 ตุลาคม 2516
เช่นเดียวกับรัฐบาล "สุจินดา" ส่งกำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมของประชาชนในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535
สุดท้ายถนอม ประภาส หรือแม้แต่สุจินดา ก็ต้องรับผิดชอบกับความสูญเสีย การเสียชีวิตของประชาชน ในฐานะที่เป็นผู้มีอำนาจในการสั่งสลายการชุมนุม
หลังเหตุการณ์ 10 เมษาเลือด แสดงให้เห็นว่านายกฯ อภิสิทธิ์ได้เลือกแล้ว
เลือกที่จะเดินตามรอย "ถนอม-ประภาส-สุจินดา"
และจากความผิดพลาดของรัฐบาลก็เกิดโยโย่เอฟเฟ็กต์ตามมาทันที
จะด้วยความบังเอิญหรือจงใจไม่ทราบได้
แต่กกต.เพิ่งมีมติให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์จากคดีเงินบริจาค 258 ล้านและ 29 ล้าน
ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ก็ออกมาเรียกร้องให้ยุบสภาเพื่อให้บ้านเมืองสงบ
ถึงเวลานี้นายกฯ อภิสิทธิ์ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้อีกแล้ว
รัฐบาลที่จัดตั้งกันในค่ายทหาร กำลังจะพบจุดจบในค่ายทหารเช่นกัน
ข่าวสดรายวัน
เหล็กใน
****************************************************
รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เลย
แต่การแถลง 2-3 ครั้ง ของนายกฯ อภิสิทธิ์หลังเกิดเหตุการณ์เมษาเลือด ไม่มีทีท่าเลยว่าจะยอมรับผิด
ตรงกันข้ามกลับย้ำว่ารัฐบาลต้องบังคับใช้กฏหมาย ใช้คำพูดสวยหรูตามสไตล์ว่ารัฐบาลต้อง "ขอพื้นที่บางส่วนคืน" จากผู้ชุมนุม
ก่อนระบุว่า เหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นมาจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่ในผู้ชุมนุม
การแถลงของนายกฯ อภิสิทธิ์มองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกเสียจากโยนความผิดให้ผู้อื่น
ตีความได้ว่าถ้าไม่มีการชุมนุม รัฐบาลก็ไม่ต้องบังคับใช้กฎหมาย ไม่ต้องสลายการชุมนุม
นี่หรือคือความคิดของนายกรัฐมนตรี ผู้ประกาศตัวเองมาตลอดว่าฝักใฝ่ในระบอบประชาธิปไตย!?
การสูญเสียที่สี่แยกคอกวัวยังพิสูจน์ไม่ได้ในตอนนี้ว่าเป็นฝีมือใคร เป็นฝีมือของทหาร ผู้ชุมนุม หรือมือที่ 3
แต่นายกฯ อภิสิทธิ์ไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบ!!
การส่งกำลังทหารหลายพันนายพร้อมอาวุธสงคราม รถหุ้มเกราะ รถถัง เข้าสลายการชุมนุม หรือรัฐบาลจะเรียกว่าขอพื้นที่คืนก็ตาม ทำไม่ได้เลยหากมีผู้ชุมนุมเรือนหมื่นคนปักหลักอยู่แบบนั้น
เพราะไม่มีทางจะหลีกเลี่ยงการปะทะกัน
และก็เกิดขึ้นจริงๆ เกิดการสูญเสีย มีประชาชนล้มตายหลายสิบศพ บาดเจ็บอีก 8-9 ร้อยคน
เป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากคำสั่งรัฐบาล
บทเรียนในอดีตก็มีให้เห็นอยู่แล้ว
รัฐบาล "ถนอม-ประภาส" ส่งกำลังทหารเข้าปราบปรามนิสิตนักศึกษาและประชาชนจนเกิดโศกนาฏกรรม 14 ตุลาคม 2516
เช่นเดียวกับรัฐบาล "สุจินดา" ส่งกำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมของประชาชนในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535
สุดท้ายถนอม ประภาส หรือแม้แต่สุจินดา ก็ต้องรับผิดชอบกับความสูญเสีย การเสียชีวิตของประชาชน ในฐานะที่เป็นผู้มีอำนาจในการสั่งสลายการชุมนุม
หลังเหตุการณ์ 10 เมษาเลือด แสดงให้เห็นว่านายกฯ อภิสิทธิ์ได้เลือกแล้ว
เลือกที่จะเดินตามรอย "ถนอม-ประภาส-สุจินดา"
และจากความผิดพลาดของรัฐบาลก็เกิดโยโย่เอฟเฟ็กต์ตามมาทันที
จะด้วยความบังเอิญหรือจงใจไม่ทราบได้
แต่กกต.เพิ่งมีมติให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์จากคดีเงินบริจาค 258 ล้านและ 29 ล้าน
ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ก็ออกมาเรียกร้องให้ยุบสภาเพื่อให้บ้านเมืองสงบ
ถึงเวลานี้นายกฯ อภิสิทธิ์ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้อีกแล้ว
รัฐบาลที่จัดตั้งกันในค่ายทหาร กำลังจะพบจุดจบในค่ายทหารเช่นกัน
ข่าวสดรายวัน
เหล็กใน
****************************************************
รื้อเต็นท์เสื้อแดงผ่านฟ้า-นปช.เปรยข่าวสไนเปอร์บนตึกสูง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 15 เม.ย. เจ้าหน้าที่เทศกิจหลายร้อยนาย เข้าเก็บเต็นท์ของกลุ่มเสื้อแดงที่ย้ายออกจากบริเวณสะพานผ่านฟ้า ไปยังบริเวณแยกราชประสงค์ตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันรื้อถอนเต็นท์ออกจากพื้นผิวการจราจรตั้งแต่ลานพระบรมรูปทรงม้าไปจนถึงสนามหลวง และทำความสะอาดพร้อมทั้งขุดลอกสิ่งปฏิกูลในท่อระบายน้ำ
เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่เปิดการจราจรบนถนนราชดำเนินตั้งแต่แยกมัฆวานรังสรรค์ ไปจนถึงแยกหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ ซึ่งการจราจรจะเดินใช้ได้ตามปกติในช่วงเย็นของวันที่ 15 เม.ย.
ส่วนการชุมนุมของกลุ่มนปช.ที่บริเวณแยกราชประสงค์ตั้งแต่ช่วงเช้า เป็นไปอย่างบางตา กลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ยังคงปักหลักกันอยู่หน้าเวที ขณะที่บางส่วนพักผ่อนกันอยู่ตามที่พัก และร่มไม้ของอาคารที่ตั้งอยู่บริเวณโดยรอบทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมที่มาจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศต่างกระจายกันสร้างที่พักและหุ่งหาอาหาร โดยที่พักของคนเสื้อแดงนั้นยาวไปตามถนนพระรามที่ 1 ไปจนถึงหน้าห้างสรรพสินค้าสยามดิสคัฟเวอร์รี่
เวลา 10.00 น.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกนปช.แถลงบริเวณเวทีชุมนุมราชประสงค์ ว่า หลังจากมีมติคืนพื้นที่ผ่านฟ้าลีลาศแล้วก็จะมีการเตรียมจัดระบบสาธารณูปโภค เพื่ออำนวยความสะดวกรองรับผู้ชุมนุมที่จะมาจากต่างจังหวัดในช่วงหลังสงกรานต์ โดยในช่วงขณะนี้มีผู้ชุมนุมอยู่มาจากกทม.และปริมณฑลเป็นหลัก และทราบข่าวว่าว่าจะมาจากจังหวัดอุดรธานีว่าผู้ชุมนุมกำลังจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯในวันนี้และจังหวัดอื่นๆ ก็จะตามเข้ามาสมทบ การชุมนุมของคนเสื้อแดงอาจจะยาวไปถึงซอยสุขุมวิท 31 และซอยสีลม และสนามกีฬาแห่งชาติ
รัฐบาลต้องประกาศให้ชัดเจนว่าวันที่ 19 เม.ย.นี้ว่าจะมีการยึดพื้นที่คืนหรือไม่ ทั้งนี้นปช.ยืนยันจุดยืนเดิมคือไม่รับข้อเสนอ ให้นายกฯลาออก หรือเปลี่ยนตัวนายกฯ แต่ต้องมีการยุบสภาอย่างเดียวเท่านั้น ทราบข่าวว่ามีพลแม่นปืนสไนเปอร์หาจุดวางปืนอยู่ตามอาคารต่างๆ มาดูลาดเลา เพื่อทำภารกิจบางอย่างสร้างความกดดันให้ประชาชน ถ้าจะทำก็ทำไป แต่ถ้าทำแล้วมีหลักฐานว่ามีคนมาลับๆ ล่อๆ ต้องมีคำอธิบายกับประชาชนและเจ้าของตึกรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ และหากเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นใครจะรับผิดชอบ
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การตั้งกรรมการมาร่วมตรวจสอบเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. เป็นเรื่องที่ดี แต่คนกลางจะต้องดูด้วยว่าเป็นใคร ไม่ใช่เอาพันธมิตรมาเป็นกรรมการ เพราะถ้าทำอย่างนั้นนปช.ก็ไม่ยอมรับ ส่วนนายอภิสิทธิ์นั้นต้องยุบสภาทันทีไม่จำเป็นต้องรอให้ตรวจสอบก่อน เพราะนายอภิสิทธิ์หมดความชอบธรรมไปแล้วควรยุบสภาเดี๋ยวนี้ ส่วนการตรวจสอบก็ทำกันไปไม่จำเป็นต้องตรวจสอบจนแล้วเสร็จจึงค่อยยุบสภา
ต่อข้อถามที่ว่า ทำไมการ์ดนปช.ไม่จับกุมตัวกองกำลังชุดดำมาเปิดเผยความจริงว่าเป็นคนของฝ่ายไหน เพราะการ์ดนปช.ได้จับกุมตัวทหารที่ติดอาวุธไว้จำนวนหนึ่งก่อนปล่อยตัวในเวลาต่อมา นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การที่การ์ดนปช.จับกุมทหารได้นั้น เพราะทหารกลุ่มดังกล่าวไม่ตอบโต้หรือยิงผู้ชุมนุม แต่กองกำลังชุดดำที่ติดอาวุธเป็นใครก็ไม่รู้จะไปจับกุมได้อย่างไร เท่าที่ตนได้ยินมานั้นกลุ่มคนดังกล่าวเป็นทหารในกองทัพ แต่ตนบอกไม่ได้ว่าเป็นใครเพราะได้ยินมาเท่านั้นไม่มีข้อมูล แต่พ.อ.สรรเสริญมีข้อมูลทำไมไม่ออกมาเปิดเผย บอกแต่เพียงว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ถ้ามีข้อมูลก็ขอให้ไปจับ
วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พาญาติของผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตจากการเข้าสลายการชุมนุมของทหารเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาเข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรก.ผบ.ตร. ผ่านทาง พ.ต.อ.พิชิตชัย ศรียานนท์ รองผบก.ส.3.สตช. เพื่อดำเนินคดีกับนายอภสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องในการสลายการชุมนุม การกระทำของคนทั้งสองเป็นการร่วมกับกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง
ที่มา.ข่าวสดออนไลน์
*********************************************
เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่เปิดการจราจรบนถนนราชดำเนินตั้งแต่แยกมัฆวานรังสรรค์ ไปจนถึงแยกหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ ซึ่งการจราจรจะเดินใช้ได้ตามปกติในช่วงเย็นของวันที่ 15 เม.ย.
ส่วนการชุมนุมของกลุ่มนปช.ที่บริเวณแยกราชประสงค์ตั้งแต่ช่วงเช้า เป็นไปอย่างบางตา กลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ยังคงปักหลักกันอยู่หน้าเวที ขณะที่บางส่วนพักผ่อนกันอยู่ตามที่พัก และร่มไม้ของอาคารที่ตั้งอยู่บริเวณโดยรอบทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมที่มาจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศต่างกระจายกันสร้างที่พักและหุ่งหาอาหาร โดยที่พักของคนเสื้อแดงนั้นยาวไปตามถนนพระรามที่ 1 ไปจนถึงหน้าห้างสรรพสินค้าสยามดิสคัฟเวอร์รี่
เวลา 10.00 น.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกนปช.แถลงบริเวณเวทีชุมนุมราชประสงค์ ว่า หลังจากมีมติคืนพื้นที่ผ่านฟ้าลีลาศแล้วก็จะมีการเตรียมจัดระบบสาธารณูปโภค เพื่ออำนวยความสะดวกรองรับผู้ชุมนุมที่จะมาจากต่างจังหวัดในช่วงหลังสงกรานต์ โดยในช่วงขณะนี้มีผู้ชุมนุมอยู่มาจากกทม.และปริมณฑลเป็นหลัก และทราบข่าวว่าว่าจะมาจากจังหวัดอุดรธานีว่าผู้ชุมนุมกำลังจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯในวันนี้และจังหวัดอื่นๆ ก็จะตามเข้ามาสมทบ การชุมนุมของคนเสื้อแดงอาจจะยาวไปถึงซอยสุขุมวิท 31 และซอยสีลม และสนามกีฬาแห่งชาติ
รัฐบาลต้องประกาศให้ชัดเจนว่าวันที่ 19 เม.ย.นี้ว่าจะมีการยึดพื้นที่คืนหรือไม่ ทั้งนี้นปช.ยืนยันจุดยืนเดิมคือไม่รับข้อเสนอ ให้นายกฯลาออก หรือเปลี่ยนตัวนายกฯ แต่ต้องมีการยุบสภาอย่างเดียวเท่านั้น ทราบข่าวว่ามีพลแม่นปืนสไนเปอร์หาจุดวางปืนอยู่ตามอาคารต่างๆ มาดูลาดเลา เพื่อทำภารกิจบางอย่างสร้างความกดดันให้ประชาชน ถ้าจะทำก็ทำไป แต่ถ้าทำแล้วมีหลักฐานว่ามีคนมาลับๆ ล่อๆ ต้องมีคำอธิบายกับประชาชนและเจ้าของตึกรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ และหากเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นใครจะรับผิดชอบ
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การตั้งกรรมการมาร่วมตรวจสอบเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. เป็นเรื่องที่ดี แต่คนกลางจะต้องดูด้วยว่าเป็นใคร ไม่ใช่เอาพันธมิตรมาเป็นกรรมการ เพราะถ้าทำอย่างนั้นนปช.ก็ไม่ยอมรับ ส่วนนายอภิสิทธิ์นั้นต้องยุบสภาทันทีไม่จำเป็นต้องรอให้ตรวจสอบก่อน เพราะนายอภิสิทธิ์หมดความชอบธรรมไปแล้วควรยุบสภาเดี๋ยวนี้ ส่วนการตรวจสอบก็ทำกันไปไม่จำเป็นต้องตรวจสอบจนแล้วเสร็จจึงค่อยยุบสภา
ต่อข้อถามที่ว่า ทำไมการ์ดนปช.ไม่จับกุมตัวกองกำลังชุดดำมาเปิดเผยความจริงว่าเป็นคนของฝ่ายไหน เพราะการ์ดนปช.ได้จับกุมตัวทหารที่ติดอาวุธไว้จำนวนหนึ่งก่อนปล่อยตัวในเวลาต่อมา นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การที่การ์ดนปช.จับกุมทหารได้นั้น เพราะทหารกลุ่มดังกล่าวไม่ตอบโต้หรือยิงผู้ชุมนุม แต่กองกำลังชุดดำที่ติดอาวุธเป็นใครก็ไม่รู้จะไปจับกุมได้อย่างไร เท่าที่ตนได้ยินมานั้นกลุ่มคนดังกล่าวเป็นทหารในกองทัพ แต่ตนบอกไม่ได้ว่าเป็นใครเพราะได้ยินมาเท่านั้นไม่มีข้อมูล แต่พ.อ.สรรเสริญมีข้อมูลทำไมไม่ออกมาเปิดเผย บอกแต่เพียงว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ถ้ามีข้อมูลก็ขอให้ไปจับ
วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พาญาติของผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตจากการเข้าสลายการชุมนุมของทหารเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาเข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรก.ผบ.ตร. ผ่านทาง พ.ต.อ.พิชิตชัย ศรียานนท์ รองผบก.ส.3.สตช. เพื่อดำเนินคดีกับนายอภสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องในการสลายการชุมนุม การกระทำของคนทั้งสองเป็นการร่วมกับกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง
ที่มา.ข่าวสดออนไลน์
*********************************************
รัฐประหารครั้งใหญ่ จราจลในกรุงเทพ ปีแห่งความหายนะทางเศรษฐกิจ พรรคใหญ่ถึงกาลอวสาน
ประเทศไทย เข้าใกล้รัฐที่ล้มเหลวไปทุกขณะ การสลายการชุมนุมเสื้อแดงของทหาร ตามคำสั่งของรัฐบาล นำไปสู่โศกนาฎกรรมกลางเมือง ท่ามกลางข่าวลือการรัฐประหาร คนไทยแบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่า ขัดแย้งกันอย่างหนัก สื่อของรัฐโหมกระแสความชิงชัย ทำให้เกิดการเกลียดชังไปทั้งประเทศ แต่ถ้า ย้อนดู "คำพยากรณ์ของ"โสรัจจะ นวลอยู่ " จะพบว่า นอสตราดามุสเมืองไทย เตือนทั้ง อำมาตย์ และ ไพร่ ไว้หมดแล้ว แต่ไม่มีใครฟัง...
การสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง บนถนนราชดำเนิน ตามคำสั่งของ ศอฉ. นำไปสู่การสูญเสียครั้งใหญ่ มีผู้เสียชีวิต 22 ราย ทั้ง พลเรือน และทหาร มีคนบาดเจ็บกว่า 800 คน จากนั้น กลุ่มคนเสื้อแดง ได้ยุบเวทีที่ผ่านฟ้าฯ เพื่อไปรวมกับราชประสงค์ โดยอ้างว่า เป็นการต่อสู้ ยกสุดท้าย และ เพื่อสกัดทหาร
ล่าสุด มีมีกระแสข่าวว่า ทหารจะสลายม็อบอีกครั้ง วันที่ 19-21 เมษายน
คำขู่ของ จตุพร พรหมพันธ์ แกนนำ เสื้อแดง บนถนนราชประสงค์ คือ ...คราวนี้ จะได้คืนแต่ซากตึก
ภาพของประเทศไทยที่เผยแพร่ออกไปสู่โลก เลวร้ายกว่าที่คิด
18 เมษายน พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นัดชุมนุมใหญ่ กำหนดท่าทีเคลื่อนไหว
ช่วงนี้เองที่ กระแสข่าวปฎิวัติรัฐประหาร สะพัดไปทั้งเมือง ชื่อของ พลเอก ป. โผล่มาทุกโผ ...ถ้า ปฎิวัติ รอบนี้ ได้เห็น เลือดนองท้องช้าง ... นี่คือ ฝันร้ายของคนไทย
ชั่วโมงนี้ ห้างสรรพสินค้า และโรงแรม ชั้นนำ กลางกรุง เสียหายยับ ประเมินสถานการณ์ แบบวันต่อวัน
นักท่องเที่ยว ยกเลิกการเดินทางเข้ามาเที่ยวไทย อัตราการยกเลิกการจองห้องโรงแรม ... เห็นแล้ว น่าใจหาย
สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ คาดว่า นักลงทุนต่างชาติ จะถอนการลงทุนไปที่อื่น ถ้าสถานการณ์ยังไม่จบ
แล้วที่สุด ใครจะเชื่อว่า ที่สุด กกต. ได้มีมติ ยุบพรรค ประชาธิปัตย์ พรรคเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 64 ปี เหตุเพราะเงินปริศนาจากเสี่ยประชัย เลี่ยวไพรัตน์ 258 ล้าน
ขณะที่ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เก็บตัวเงียบ มาหลายวัน เมื่อนายกฯ หนุ่มถูกกล่าวหาว่า มือเปื้อนเลือด
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ชี้ว่า ถ้าชุมนุมยืดเยื้อ 3 เดือนจะกระทบ จีดีพี ประมาณ 0.2 เปอร์เซ็นต์ กระทบการบริโภค 3 หมื่นล้าน ท่องเที่ยว เสียหาย 10 เปอร์เซ็นต์
แต่ถ้ายืดเยื้อไปยาวนานกว่านั้น จีดีพี จะลดลง 0.5 เปอร์เซ็นต์ ท่องเที่ยว จะวูบลงไปกว่า 20 เปอร์เซ็นต์
สถิติจากศาลล้มละลาย เผยว่า ปีที่แล้ว คดีล้มละลายจ่อ 2 หมื่นคดี แต่ปี 53 จะสูงที่สุด
ใครจะเชื่อว่า ประเทศไทย เดินมาสู่จุดหายนะ ได้อย่างไร ?
แต่เอาเข้าจริง มีคำเตือนจาก ศาสตร์แห่งโหร โดยหมอดู ที่ชื่อ " โสรัจจะ นวลอยู่" ที่แม่นราวกับตาเห็น
คำพยากรณ์ของ"โสรัจจะ นวลอยู่ " ถึงเหตุการณ์ ปีขาล 2553 เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงที่กล่าวมาข้างต้น
@ ปีเสือดุสุดหฤโหดมหาวิปโยคอย่างแท้จริง
ปี 2553 ดวงดาวยังคงเดินในสภาพไม่ปกติ เป็นปีเสือดุสุดหฤโหดมหาวิปโยคอย่างแท้จริง
"พระเสาร์ยังสถิตอยู่ในราศีกันย์ตลอดทั้งปี และพระราหูสถิตราศีธนูทั้งปี เช่นกัน"
"ดาวอังคาร ดาวสีเลือดย้ายเข้าสู่ราศีตุล ในวันที่ 4 กันยายน 2553 เล็งลัคนาเมือง"
"26 เมษายน 2553 ดาวพฤหัสบดี อันเป็นดาวฝ่ายคุณธรรม ฝ่ายศาสนาและเป็นดาวแห่งความดีเดินเข้าสู่ราศีมีน เป็นวินาศกับดวงเมือง สถิตร่วมกับดาวพุธและมฤตยู
ปีนี้ดาวเสาร์เล็งกับมฤตยู ซึ่งเป็นบาปเคราะห์ล้วนร้ายแรงทั้งสิ้น เป็นสิ่งน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ในการเดินของบาปเคราะห์ล้วนร้ายแรงทั้งสิ้น
เป็นสิ่งน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ในการเดินของบาปเคราะห์ใหญ่ทั้งสองดวงพร้อมด้วยอังคารโยคหลัง อนึ่งตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนเมษายน 2553 ดาวอังคารบาปเคราะห์ที่รุนแรงแบบทะลุทะลวงได้เข้าสู่ราศีกรกฎ ทำมุมฉากหรือมุมข้อพับกับราศีเมษ"
@ เกิดปฏิวัติรัฐประหาร" ครั้งใหญ่อีกครั้ง
เมื่อร่วมผนึกกำลังกันเข้าตรึงลัคนาราศีเมษกรุงสยามเช่นนี้ ทำให้เห็นชัดว่าถึงคราวชะตาเมืองกำลังตกต่ำ การแตกแยกโกรธแค้นชิงชังของผู้คน เสนาบดีมีเหตุอาเพศตางๆ เกิดการจลาจล รัฐประหาร ยึดอำนาจ คว่ำกระดาน บุคคลในเครื่องแบบแตกแยกแบ่งเป็นสองฝ่าย เกิดสงครามกลางเมือง ซึ่งเลือดไทยต้องไหลรินนองแผ่นดิน เป็นหนทางไปสู่ "การปฏิวัติรัฐประหาร" ครั้งใหญ่อีกครั้ง
เป็นปีแห่งการทุกข์ทรมานของนักการเมืองที่ต้องก้มหน้าก้มตารับ กรรมที่ก่อไว้ ถูกประจานตีแผ่ความเลวร้าย ชั่วช้าสามานย์ ที่แอบแฝงซ่อนเร้นต่อผู้คนที่คอยตักตวงผลประโยชน์ของบ้านเมืองมาเป็นเวลาช้า นาน จะต้องถูกคิดบัญชีจากวัฏจักรของดวงดาว ซึ่งส่อถึงความล่มสบายของอาณาจักร เกรงกลัวหรือไม่ก้แล้วแต่ท่านทั้งหลาย เพราะจุดจบของประเทศจะเกิดขึ้นโดยน้ำมือของนักการเมืองชั่ว และบุคคลที่เข้ามาบริหารประเทศอย่างไร้คุณธรรมอย่างทุกวันนี้ แต่ถ้าจะให้ผ่านจุดนั้นไปให้ได้และจะไปให้ถึงเวลาฟ้าใสของประเทศ
ตามดวงดาวบ่งบอกว่าอาจจะต้องใช้เวลาให้ผ่านช่วงเคราะห์กรรมไปอีกสักระยะหนึ่ง
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ก่อกรรมไม่ดี จะถูกลงโทษจากสรวงสวรรค์ จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลประเทศเพราะสยามประเทศนั้นไม่มีอะไรที่จะมาทำลาย ร้างให้สูญสิ้นไปได้
ซึ่งที่ทำนายมานี้ไม่มีอคติต่อใครๆ ทั้งสิ้น หรือสาปแช่งบุคคลใด แต่ไปเป็นไปตามดวงดาวลิขิตจริงๆ สิ่งที่จะลบร้างคำทำนายให้เบาลง ทุกๆ คนต้องสร้างแต่ความดีถือศีล 5 ทำจากใจจริงไม่ใช่เฉพาะภายนอก หรือชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น
@ พรรคการเมืองทั้งเล็กและใหญ่ทั้ง หลาย ซึ่งเป็นอยู่ในปัจจุบันถึงกาลอวสาน
โสรัจจะ ทำนายว่า พรรคการเมืองทั้งเล็กและใหญ่ทั้ง หลาย ซึ่งเป็นอยู่ในปัจจุบันถึงกาลอวสาน สิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจะแตกสลายไปเองตามอิทธิพลของดวงดาว และจะเกิดสิ่งใหม่หรือมิติใหม่ซึ่งพัฒนาขึ้นมาเองยากแก่การคาดการณ์ได้
ดาวมฤตยูเจ้าแห่งการปฏิรูปเปลี่ยนแปลง ได้เดินเข้าทำมุมตรีโกณกับราศีมิถุน ประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย และจะทำมุมอยู่อย่างนั้นเกือบถึง 7 ปี ระหว่างนี้จะมีบาปเคราะห์มาเข้าร่วมมุม ทั้งมุมกากบาท ทั้งมุมสามเหลี่ยม บ่งถึงไทยเรายังมีรัฐบาลที่ดันทุรังและไม่ฉลาดไม่เห็นการณ์ไกล
ความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ ย่อมจะกระทบกระเทือนต่อคุณภาพของการพัฒนาประชาธิปไตย และนำมาซึ่งความขัดแย้งทางสังคม
เกิดจลาจลในกรุงเทพฯ ทุกหมู่เหล่าแตกแยกเคียดแค้น ปิดร้านค้ายึดเป็นที่มั่นยิงต่อสู้กัน ทั่วทุกแถบในกรุงเทพฯ มีการขว้างระเบิดสนั่นเมืองไปหลายวัน จะก่อความยุ่งยากทีละน้อย และค่อยๆ รุนแรงขึ้นจนระงับไม่อยู่ ผู้มีอำนาจหรือคนสำคัญบางคนจักหมดอำนาจวาสนา
ข้อสังเกตเหตุการณ์รับกันนองเลือดครั้งนี้เกิดที่กรุงเทพฯ เมื่อดาวอังคารแห่งสงครามโคจรเข้าทับลัคนาแห่งดวงเมืองประชาธิปไตย จึงรบกันนองเลือดระหว่างผู้มีอำนาจกับประชาชน ครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ตั้งกรุงเทพฯ มา
อาจต้องใช้กำลังทหารเข้า แก้ปัญหา เป็นหนทางไปสู่ "การปฏิวัติรัฐประหาร" ต้องรบราฆ่าฟันกัน สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ตอนต้นปีบุคคลสำคัญและมีชื่อเสียงของประเทศจะถึงแก่กรรมจากการลอบทำร้าย ผู้คนระส่ำระสาย
@ ประเทศไทยกำลังคอยวีรบุรุษผู้กล้าหาญ
ภายใต้อิทธิฤทธิ์ของพระเคราะห์ แห่งสุริยะระบบ จึงไม่มีอะไรไม่ว่าสิ่งอันมีชีวิตหรือสิ่งอันเป็นนามธรรม กับสิ่งอันอุบัติขึ้นจากการก่อตัวของเหตุการณ์หนึ่งๆ จะต้องถูกครอบงำด้วยพระเคราะห์ทั้งสิ้น
เราคนไทยกำลังดิ้นรน เพื่อการคงอยู่ อนาคตนั้นก็ย่อมจะเป็นไปตามอำนาจของดวงดาวและกาลเวลา
พยายามดื้อรั้นฝืนดวงดาว เอาแต่ใจตนเอง โดยถือประเทศชาติเป็นสนามทดลองความดื้อของตนเอง ประเทศไทยกำลังคอยวีรบุรุษผู้กล้าหาญ ผู้เห็นประโยชน์แก่ประเทศชาติมาแก้ไขสถานการณ์นี้
บ้านเมืองเมื่อไรจะสงบเสียที เพราะรู้อยู่แก่ใจว่า ความมืดมนเหล่านี้จะเบาลง ซึ่งต้องใช้เวลายาวนานมาก มันเกี่ยวพันกับภูมิภาค เกี่ยวพันกับดวงชะตาของโลก เพียงแต่ขอตอบว่ายังไม่มีวันสงบ อีกหลายปีจึงจะเบาบางลง
กรุงเทพฯ บางส่วนเริ่มถูกน้ำทะเลท่วมเข้ามาถึง อาจจะจมน้ำหายไปและจะเป็นเช่นนี้ต่อเนื่องไปอีกหลายปี และอาจจะจมหายไปจากแผนที่โลกหรือแผนที่ประเทศไทย อาจจะต้องเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นภาครับต้องตระหนักถึงเรื่องนี้ ควรหาทางป้องกันไว้ก่อน
เดือนเมษายนเป็นที่สังเกตว่าดาวพระพฤหัสบดี แห่งไทยสยามกำลังโคจรร่วมกับพระพุธและดาวมฤตยูเป็นสัญญาณบ่งถึงการแทรกแซง ในราศีมีนเป็นวินาศกับลัคนาเมือง จะมีเหตุยุ่งยากเกิดขึ้น ผู้รักษาอำนาจการปกครองจะต้องระมัดระวัง อย่าได้หลวมตัว ตัดรอนอำนาจพิษสงของตนเองตามคำเรียกร้องต่างๆ ซึ่งวางกลลวง ในการแสวงหาลู่ทาง ให้ฝ่ายของพวกพ้องตนเองได้มีโอกาสเอาสถานการณ์บังหน้า ก่อเหตุวุ่นวายขึ้น
ขอย้ำว่าในปีนี้เหตุการณ์ไม่สู่สงบ จำเป็นต้องมีความรักและสามัคคีต่อกันและกันและมีเสถียรภาพด้วย
@ ปีแห่งการก่อการร้าย
ส่วนปัญหาทางภาคใต้ อิทธิพลของดาวเสาร์และดาวอังคารทำให้ยังเป็นปีแห่งการก่อการร้าย และการก่อวินาศกรรมทั้งปี เหมือนปี 2552 ที่แล้วมาแต่ยังแก้ไม่ตก จะทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมหาศาล อาจเสียอำนาจทางภาคใต้ของประเทศประกาสแบ่งแยกเดินแดนแล้วทำให้ทุกสิ่ง ทุกอย่างขาดลอยไป เนื่องจากดาวอังคารคงเดินแบบวิกล เพราะดวงผู้นำประเทศ ทำให้การก่อการร้ายปานกลายเป็นสงครามระหว่างภาค ขยายวงกว้าง ออกไปทางภาคใต้การฆ่าผู้บริสุทธิ์รายวันยังคงดำเนินต่อไป มิมีอะไรมาหยุดยั้งได้ ผู้ก่อการร้ายกระทำครั้งนี้เป็นกลุ่ม ศาสนาถูกนำเข้ามาเกี่ยวข้อง ยังเอาโรงเรียน สถานที่ราชการ วัดวาอาราม ใช้อาวุธที่มีอานุภาพรุนแรงระเบิดพลีชีพ ประหนึ่งเป็นสงคราม จนทำให้องค์กรสหประชาชาติยื่นมือเข้ามา
ประเทศไทยจึงเป็นที่กล่าวขวัญในทางที่น่าสะพรึงกลัวไปทั่วโลก สื่อต่างประเทศมาทำข่าว ชาวต่างชาติไม่กล้าเดินทางมาท่องเที่ยว ผู้คนบริสุทธิ์ ทั้งพ่อค้า นักธุรกิจ นักปกครอง เด็กและสตรีต้องอพยพหนีไปยังที่ปลอดภัยกว่าในดินแดนแห่งใหม่ ผู้ที่จะมาชำระสะสางความมืดมน ความเคลือบแคลงให้กระจ่างออกมา ทุกคนทุกวันนี้ก็รู้กันดีอยู่ว่าการกระทำอันอุกอาจครั้งนี้ ย่อมจะต้องใช้กำลังผู้คนจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ฝ่ายคุ้มครองบ้านเมือง ย่อมจะไม่หย่อนสมรรถภาพถึงขนาดไม่รู้เบาะแสอะไรเลย เพียงแต่ว่าความจริงบางอย่างเปิดเผยออกมา จะต้องมีจังหวะเวลาอันสมควรด้วย ย่อมกระทบกระเทือนต่ออะไรมากมาย รวมทั้งสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศกับบ้านใกล้เรือนเคียง
เนื่องจากในกลุ่มชาติอาหรับผู้เป็นเจ้าของน้ำมันส่วนใหญ่ของโลก ยังมีปัญหาข้อพิพาทและรบราฆ่าฟันกันยังไม่จบสิ้น ยังคุกคามความสงบสุขของประชากรโลกต้องเดือดร้อนยิ่งขึ้นไปกว่าปีที่แล้ว เพราะอาจขาดแคลนน้ำมัน ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ ได้รวมหัวกันขึ้นราคาน้ำมันโดยไม่หยุดยั้ง บางช่วงก็ใช้น้ำมันเป็นเครื่องต่อรองกับประเทศมหาอำนาจทางตะวันตก ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำลง ทำให้ข้าวของแพง ผู้คนลำบากไปทั่ว
ส่วนในบ้านเรานอกจากน้ำมันเชื้อเพลิงจะขึ้นราคาไม่หยุดแล้ว แก๊สหุงต้มก็ขึ้นราคาอย่างหนักเช่นกัน สร้างความปั่นป่วนเดือดร้อน
@ การปลุกระดมม็อบใดๆ ควรละเว้น
อีกนัยหนึ่งปี 2553 นี้ เมื่อว่ากันในแง่โหราศาสตร์ฮินดูก็เห็นว่า การวู่วามใด ๆ รังแต่จะทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ การปลุกระดมม็อบใดๆ ควรละเว้น บ่งถึงว่าถ้าดื้อรั้นจะเอาแต่ฝ่ายตนท่าเดียวโดยมิได้ผ่อนปรนใดๆ บ้านเมืองก็คงฉิบหายและจะเป็นการปลุกให้ผู้ถืออาวุธทนไม่ไหวคิดเข้ามาแก้ไข สถานการณ์อันไม่สงบ มันจะไปกันใหญ่ นอกจากทุพภิกขภัยจะเล่นงานเอาอย่างอ่วมอรทัยแล้ว น้ำผึ้งหยดเดียวก็จักบันดาลให้เกิดอะไรต่ออะไรที่เลวร้ายอย่างใหย่หลวงได้
ผู้มีอำนาจวาสนา อย่าได้นิ่งนอนใจ ระวังสุขภาพ ความยุ่งยาก ความเดือดร้อนอย่างรุนแรง จักสำแดงโทษ ผู้เป็นใหญ่ ผู้เป็นหลักต่างๆ จะประมาทต่อสถานการณ์ใดๆ ไม่ได้ทั้งสิ้น ระวังกว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ อย่าวางใจในสิ่งที่ตนคิดว่าตัดรากถอนโคนแล้วคงไม่มีเขี้ยวเล็บ ประวัติศาสตร์ที่ยุ่งยากมาเป็นร้อยเป็นพันปี สอนไว้ได้ดีว่า ในโลกนี้หามีความเที่ยงแท้อะไรไม่
ความผันผวนยุ่งยาก เป็นการแสดงให้เห็นว่าสิ่งต่างๆ ยังคงดำเนินสานต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้ง และโดยทั่วไปสภาวะในประเทศเปรียบเสมือนน้ำเดือดพล่านบนหม้อที่มีเชื้อไฟข้าง ใต้โหมอย่างรุนแรง ประชาชนพลเมืองอาจจะประสบปัญหาที่ไม่เคยประสบมาก่อน คือ คนว่างงานจำนวนมาก มีการเดินขบวน วุ่นวาย ต่างๆ นานา และอาจถูกปราบปรามจนต้องสูญเสียชีวิตไปมิใช่น้อย มีสงครามเบ็ดเสร็จในแต่ละท้องที่ผู้คนจะตายหมู่กันมาก
@ปีแห่งความหายนะทางเศรษฐกิจถึงขั้นล้มละลาย
เศรษฐกิจภายในประเทศยังไม่สามารถแก้ไขได้พร้อมกับเศรษฐกิจทั่วโลกก็ประสบ ปัญหาเศรษฐกิจเช่นกัน ประชาชนคนไทยเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ยิ่งกว่าปีก่อน เป็นปีแห่งความหายนะทางเศรษฐกิจถึงขั้นล้มละลาย ธนาคารของรัฐไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจฟื้นขึ้นมาได้ ธนาคารทั้งเล็กและใหญ่ปิดตัวลงอย่างสนิท ตลาดหุ้นถูกกระทบอย่างรุนแรง ร่วงหล่นต่ำสุด และปิดตัวเองลง มีคนฆ่าตัวตายเป็นเบือ พลเมืองประสบความยากจนข้นแค้นมากขึ้น แต่องค์ประกอบของรัฐได้ซ้ำเติมประชาชนด้วยการขึ้นค่าสาธารณูปโภคทุกรูปแบบ
ปี 2553 นี้มีภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างรุนแรงทั้งปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยน้ำท่วม ปัญหาภัยแล้งทำให้ขาดแคลน ทางภาคตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนืออย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน สัตว์เลี้ยง และผู้คนเดือดร้อน บางจังหวัดและบางอำเภอดินแตกระแหงไม่สามารถปลูกพืชธัญญาหารได้เลย ทำให้ผู้คนอดอยากแต่ขาดความเหลียวแลเอาใจใส่ของภาครัฐ หลายครอบครัวถึงขั้นขุดรากไม้และดินกินเป็นอาหารเพื่อประทังชีวิตให้รอดไป ก่อน เกิดพื้นดินถล่มและทรุดตัวไปทั่วประเทศ ไม่เว้นแม้กระทั่งกรุงเทพมหานคร เราอาจจะต้องสูญเสียแผ่นดินทางภาคใต้ ฝั่งทะเลอันดามัน ตั้งแต่จังหวัดระนองลงมา และจมลงสู่ใต้ทะเลไปทีละน้อย
ราวปลายปีแถบชายฝั่งทะเลอันดามันรวมทั้งเกาะภูเก็ต กระบี่ พังงา ถูกคลื่นยักษ์สึนามิพุ่งเข้าถล่มครั้งใหญ่ กวาดผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติบ้านเรือนลงทะเลจำนวนมาก
และยังต้องระวังกับวาตภัย ทำให้เกิดความเสียหายแก่เรือกสวนไร่นามหาศาล เกิดน้ำท่วมใหญ่ทั่วประเทศอีกครั้ง กรุงเทพฯจะจมอยู่ใต้บาดาลเป็นเวลานาน เป็นที่น่าทุกขเวทนายิ่งนัก มีผู้เสียชีวิตมากกว่าครั้งใดๆ ที่ผ่านมา
เกิดไต้ฝุ่นเข้าถล่มภาคใต้ ที่ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ และสุราษฎร์ธานี ผลเสียหายมาก เป็นมหาวาตภัยเรือประมงจมร่วม 100 ลำ ลูกเรือสูยหายไปเป็นพัน และปลายปีพายุถล่มรอบสองรุนแรงมาก คนตายเรือนพัน จังหวัดชุมพรเสียหายร่วม 100 เปอร์เซ็นต์
ประเทศไทย ปีขาล 2553 นี้ จะเป็นปีแห่งความอาเพศพิสดารสุดๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยในสยามประเทศจะเกิด "หิมะตกในกรุงเทพฯ" และปริมณฑล คนไทยทั่วประเทศตกตะลึงและพูดกันไปต่างๆ นานา ในความอาถรรพณ์วิปริตผิดธรรมชาติประโคมข่าวไปทั่วโลก เป็นลางร้ายแก่คนกรุงเทพฯ และประชาชนชาวไทย ทั้งภยันตรายจากโรคติดต่อที่ร้ายแรงใหม่ๆ และคร่าชีวิตทั้งเด็ก ผู้หญิง และคนชรา ไปเป็นจำนวนมาก และเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหลายๆ ด้าน ทั้งวัฒนธรรม-ประเพณีดั้งเดิม และการปกครองการเมืองที่สุดคาดเดา
@ เกิด "เขื่อนยักษ์แตก"
ที่เคยเกิด รอยร้าวสะสมมานาน ได้พังทลายลง เกิดคลื่นน้ำขนาดมหึมา พุ่งตรงลงสู่เบื้องล่าง เข้าท่วมไร่นา ที่อยู่อาศัย สิ่งก่อสร้างของผู้คน อย่างไม่รู้ตัวมาก่อน ทำให้สูญเสียชีวิตผู้คน สัตว์เลี้ยง และทำลายสิ่งก่อสร้าง รวมถึงพืชผลการเกษตรเสียหายทั้งหมดหลายจังหวัดต่อเนื่องมาถึงกรุงเทพฯ
น้ำแข็งขั้วโลกละลายอย่างรวดเร็ว ทำให้ระดับน้ำในทะเลสูงขึ้นและมหาสมุทรสูงขึ้น เกิดสภาวะน้ำท่วมใหญ่ บางส่วนของโลกถูกน้ำท่วมใหญ่จมหมายลงไปในทะเล
กรุงเทพฯ ไข้หวัดนกจะเข้ามาทำลายล้างชีวิตมนุษย์และสัตว์หรือเป็นเชื้อไข้หวัดนกที่ กลายพันธุ์ติดต่อมาถึงคน ทำให้สูญเสียชีวิตมนุษย์มากมายเป็นที่สยดสยองต่อวงการแพทย์
ภูเขาไฟในเกาะสุมาตราระเบิดอย่างรุนแรง มีการปะทุอย่างต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน พ่นแก๊สร้อนขี้เถ้าแผ่กระจายเป็นรัศมีกว้างไกล ทำให้ท้องฟ้ามืดมิดบดบังแสงแดดกลายเป็นกลางคืน
เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงที่เกาะสุมาตรา ทำให้เกิดคลื่นสึนามิขนาดใหญ่ในหลายแห่งทั่วโลก ประเทศไทยได้รับผลอย่างจัง จมเรือหลายลำ พุ่งตรงเข้าไปตามชายฝั่งที่อยู่ติดกับทะเลด้านอันดามัน กวาดเอาหมู่บ้านจำนวนมากหายตกทะเลไป ทำให้ประชาชนจำนวนมากที่อาศัยอยู่คาดไม่ถึง ไม่ทันตั้งรับ เสียชีวิตอย่างอนาถ
เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ กวาดและทำลายสิ่งก่อสร้างและชีวิตคนจำนวนมาก นับเป็นเหตุการณ์วิปโยคต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง คลื่นทะเลยักษ์เริ่มปะทะและโจมตีดินแดนชายฝั่งอย่างต่อเนื่อง ทำให้ได้รับความเสียหายมากมายอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน
ความผันผวนต่างๆ จะแผ่ซ่นไปทั่ว ทุกประเทศจะต้องประสบ ดังเช่นญี่ปุ่น เยอรมนี ตะวันออกไกล ส่วนประเทศในยุโรปนั้น จะเข้าสู่สภาวะมิคสัญญีจะประสบภาวะเดือดร้อนและเดือดพล่านโดยทั่วกัน
นาวาของปวงประเทศทั้งหลายจะต้องเผชิญต่อมหันภัยของมรสุมอีกหลายลูก ประมุขของประเทศต่างๆ ใครจะมีฝีมือ จะเป็นรัฐบุรุษของโลกขนาดไหน ก็ต้องดูความสามารถกันในช่วงปีนี้แหละ
ถึงคราวแล้วที่ประเทศไทยจะเข้าสู่สงครามที่เราไม่เคยมีมาเลยกับ ประเทศเพื่อนบ้านเป็นเวลาช้านานแล้ว เป็นการรบอย่างแท้จริง อิทธิพลของดาวงดาวคือพระราหูทำมุมเสียกับลัคนาประเทศ ถ้าประเทศไทยยังเฉยเมยไม่ตระหนักต่อปัญหาที่รุมเร้าหนักข้อขึ้นทุกที เสมือนดูหมิ่นสยามประเทศมาโดยตลอด
ดังนั้นปี 2553 จะเกิดการรบนองเลือดถึงขั้นเสียชีวิตผู้คนมาก ถึงจะได้คืนมาซึ่งแผ่นดิน อาจจะถึงขั้นประกาศสงครามกับเพื่อนบ้าน
@ ช่วงปลายปี 53 โลกจะเข้าสู่ยุคเข็ญ
ประเทศในอ่าวเปอร์เซียกับตะวันออกกลาง อยู่ในเกณฑ์ของความอดทนอย่างถึงที่สุดของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย การเคลื่อนกำลังอาวุธอาจจำเป็นต้องกระทำสงครามยุทธนาวีหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดาวของประเทศมหาอำนาจ (สหรัฐ) กับตะวันออกกลาง และอ่าวเปอร์เซียเป็นแนวทางการเคร่งเครียด การขัดแย้ง การวิบัติ ที่ฉายเงารางๆ ให้เห็น
ประเทศที่กุมอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก ปีนี้จะมีเหตุไม่ราบรื่นในการสัมพันธ์กับนานาชาติ และภายในประเทศของตนเริ่มมีสัญญาณแห่งการขัดข้อง ความไม่ราบรื่นดังเคย จะมีผลยืดเยื้อที่จะกระทบต่ออนาคตอย่างแน่นอน เงาของความขัดแย้งทางอุดมการณ์ระหว่างประเทศกับความไม่ทัดเทียมกันทางด้าน เทคโนโลยีต่าง ๆ เห็นเหตุให้ชาติที่กำลังรีบเร่งไปสู่อนาคตที่แจ่มจรัสเบื้องหน้า เริ่มเห็นทางตัน มนุษยชาติกำลังเผชิญต่อภาวะความสับสนกับความเดือดร้อนต่อชาติอันยากจนข้น แค้นของประชากรโลกส่วนใหญ่ ความมืดมนกำลังเตรียมปักหลักเป็นแกนนำ บัดนี้โลกจะต้องระวังการหวังพึ่งพิงพลังงานใหม่ๆ เข้ามารับใช้มนุษยชาติในด้านอุตสาหกรรม ในด้านธุรกิจซึ่งกำลังตะบึงไปข้างหน้าอันเต็มไปด้วยหมอกหนาแห่งความไม่แน่ใจ
ดาวบาปเคราะห์ใหญ่ จะกระจายกันเข้าตรึง 4 ทวาร 4 มุม โดยมีดาวเสาร์เดินนำหน้า มันเป็นจุดคับขันที่สุดของโลก เป็นปีที่จะเกิดสงครามล้างผลาญโลกครั้งใหญ่ ทำลายล้างกันอย่างย่อยยับยิ่งกว่าครั้งใดๆ ที่เป็นมาในประวัติศาสตร์ของชาติมนุษย์
ช่วงปลายปี 53 โลกจะเข้าสู่ยุคเข็ญ และตะวันออกกลางเริ่มเปิดฉากแข็งกร้าวขึ้น อาวุธปรมาณู อาวุธนิวเคลียร์ อาวุธเคมีร้ายแรง อาวุธมหาประลัย นำมาใช้กัน ทำให้เกิดจุดวิกฤตการณ์ของดลกที่เขม็งเกลียวที่สุดนับตั้งแต่เกิดสงครามโลก ครั้งที่ 2 เป็นต้นมา และเมื่อนั้น ปีขาลหฤโหดจะสำแดงฤทธิ์ อาณาบริเวณที่จะเกิดจุดฆาตคือ สหรัฐ อังกฤษ อิสราเอล กลุ่มประเทศปาเลสไตน์ และจีน ส่วนสหรัฐแน่นอนละ ฐานทัพนอกประเทศจะถูกทำลายสิ้นไม่มีเหลือ ส่วนประเทศไทยเราจะถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามครั้งนี้ด้วย สงครามยืดเยื้อไปถึงปี 2554 จนอาจจะกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้
นี่คือ คำทำนายของหมอดู ที่เมื่อเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชั่วโมงนี้... น่าเสียวไส้
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
**************************************************
การสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง บนถนนราชดำเนิน ตามคำสั่งของ ศอฉ. นำไปสู่การสูญเสียครั้งใหญ่ มีผู้เสียชีวิต 22 ราย ทั้ง พลเรือน และทหาร มีคนบาดเจ็บกว่า 800 คน จากนั้น กลุ่มคนเสื้อแดง ได้ยุบเวทีที่ผ่านฟ้าฯ เพื่อไปรวมกับราชประสงค์ โดยอ้างว่า เป็นการต่อสู้ ยกสุดท้าย และ เพื่อสกัดทหาร
ล่าสุด มีมีกระแสข่าวว่า ทหารจะสลายม็อบอีกครั้ง วันที่ 19-21 เมษายน
คำขู่ของ จตุพร พรหมพันธ์ แกนนำ เสื้อแดง บนถนนราชประสงค์ คือ ...คราวนี้ จะได้คืนแต่ซากตึก
ภาพของประเทศไทยที่เผยแพร่ออกไปสู่โลก เลวร้ายกว่าที่คิด
18 เมษายน พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นัดชุมนุมใหญ่ กำหนดท่าทีเคลื่อนไหว
ช่วงนี้เองที่ กระแสข่าวปฎิวัติรัฐประหาร สะพัดไปทั้งเมือง ชื่อของ พลเอก ป. โผล่มาทุกโผ ...ถ้า ปฎิวัติ รอบนี้ ได้เห็น เลือดนองท้องช้าง ... นี่คือ ฝันร้ายของคนไทย
ชั่วโมงนี้ ห้างสรรพสินค้า และโรงแรม ชั้นนำ กลางกรุง เสียหายยับ ประเมินสถานการณ์ แบบวันต่อวัน
นักท่องเที่ยว ยกเลิกการเดินทางเข้ามาเที่ยวไทย อัตราการยกเลิกการจองห้องโรงแรม ... เห็นแล้ว น่าใจหาย
สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ คาดว่า นักลงทุนต่างชาติ จะถอนการลงทุนไปที่อื่น ถ้าสถานการณ์ยังไม่จบ
แล้วที่สุด ใครจะเชื่อว่า ที่สุด กกต. ได้มีมติ ยุบพรรค ประชาธิปัตย์ พรรคเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 64 ปี เหตุเพราะเงินปริศนาจากเสี่ยประชัย เลี่ยวไพรัตน์ 258 ล้าน
ขณะที่ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เก็บตัวเงียบ มาหลายวัน เมื่อนายกฯ หนุ่มถูกกล่าวหาว่า มือเปื้อนเลือด
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ชี้ว่า ถ้าชุมนุมยืดเยื้อ 3 เดือนจะกระทบ จีดีพี ประมาณ 0.2 เปอร์เซ็นต์ กระทบการบริโภค 3 หมื่นล้าน ท่องเที่ยว เสียหาย 10 เปอร์เซ็นต์
แต่ถ้ายืดเยื้อไปยาวนานกว่านั้น จีดีพี จะลดลง 0.5 เปอร์เซ็นต์ ท่องเที่ยว จะวูบลงไปกว่า 20 เปอร์เซ็นต์
สถิติจากศาลล้มละลาย เผยว่า ปีที่แล้ว คดีล้มละลายจ่อ 2 หมื่นคดี แต่ปี 53 จะสูงที่สุด
ใครจะเชื่อว่า ประเทศไทย เดินมาสู่จุดหายนะ ได้อย่างไร ?
แต่เอาเข้าจริง มีคำเตือนจาก ศาสตร์แห่งโหร โดยหมอดู ที่ชื่อ " โสรัจจะ นวลอยู่" ที่แม่นราวกับตาเห็น
คำพยากรณ์ของ"โสรัจจะ นวลอยู่ " ถึงเหตุการณ์ ปีขาล 2553 เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงที่กล่าวมาข้างต้น
@ ปีเสือดุสุดหฤโหดมหาวิปโยคอย่างแท้จริง
ปี 2553 ดวงดาวยังคงเดินในสภาพไม่ปกติ เป็นปีเสือดุสุดหฤโหดมหาวิปโยคอย่างแท้จริง
"พระเสาร์ยังสถิตอยู่ในราศีกันย์ตลอดทั้งปี และพระราหูสถิตราศีธนูทั้งปี เช่นกัน"
"ดาวอังคาร ดาวสีเลือดย้ายเข้าสู่ราศีตุล ในวันที่ 4 กันยายน 2553 เล็งลัคนาเมือง"
"26 เมษายน 2553 ดาวพฤหัสบดี อันเป็นดาวฝ่ายคุณธรรม ฝ่ายศาสนาและเป็นดาวแห่งความดีเดินเข้าสู่ราศีมีน เป็นวินาศกับดวงเมือง สถิตร่วมกับดาวพุธและมฤตยู
ปีนี้ดาวเสาร์เล็งกับมฤตยู ซึ่งเป็นบาปเคราะห์ล้วนร้ายแรงทั้งสิ้น เป็นสิ่งน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ในการเดินของบาปเคราะห์ล้วนร้ายแรงทั้งสิ้น
เป็นสิ่งน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ในการเดินของบาปเคราะห์ใหญ่ทั้งสองดวงพร้อมด้วยอังคารโยคหลัง อนึ่งตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนเมษายน 2553 ดาวอังคารบาปเคราะห์ที่รุนแรงแบบทะลุทะลวงได้เข้าสู่ราศีกรกฎ ทำมุมฉากหรือมุมข้อพับกับราศีเมษ"
@ เกิดปฏิวัติรัฐประหาร" ครั้งใหญ่อีกครั้ง
เมื่อร่วมผนึกกำลังกันเข้าตรึงลัคนาราศีเมษกรุงสยามเช่นนี้ ทำให้เห็นชัดว่าถึงคราวชะตาเมืองกำลังตกต่ำ การแตกแยกโกรธแค้นชิงชังของผู้คน เสนาบดีมีเหตุอาเพศตางๆ เกิดการจลาจล รัฐประหาร ยึดอำนาจ คว่ำกระดาน บุคคลในเครื่องแบบแตกแยกแบ่งเป็นสองฝ่าย เกิดสงครามกลางเมือง ซึ่งเลือดไทยต้องไหลรินนองแผ่นดิน เป็นหนทางไปสู่ "การปฏิวัติรัฐประหาร" ครั้งใหญ่อีกครั้ง
เป็นปีแห่งการทุกข์ทรมานของนักการเมืองที่ต้องก้มหน้าก้มตารับ กรรมที่ก่อไว้ ถูกประจานตีแผ่ความเลวร้าย ชั่วช้าสามานย์ ที่แอบแฝงซ่อนเร้นต่อผู้คนที่คอยตักตวงผลประโยชน์ของบ้านเมืองมาเป็นเวลาช้า นาน จะต้องถูกคิดบัญชีจากวัฏจักรของดวงดาว ซึ่งส่อถึงความล่มสบายของอาณาจักร เกรงกลัวหรือไม่ก้แล้วแต่ท่านทั้งหลาย เพราะจุดจบของประเทศจะเกิดขึ้นโดยน้ำมือของนักการเมืองชั่ว และบุคคลที่เข้ามาบริหารประเทศอย่างไร้คุณธรรมอย่างทุกวันนี้ แต่ถ้าจะให้ผ่านจุดนั้นไปให้ได้และจะไปให้ถึงเวลาฟ้าใสของประเทศ
ตามดวงดาวบ่งบอกว่าอาจจะต้องใช้เวลาให้ผ่านช่วงเคราะห์กรรมไปอีกสักระยะหนึ่ง
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ก่อกรรมไม่ดี จะถูกลงโทษจากสรวงสวรรค์ จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลประเทศเพราะสยามประเทศนั้นไม่มีอะไรที่จะมาทำลาย ร้างให้สูญสิ้นไปได้
ซึ่งที่ทำนายมานี้ไม่มีอคติต่อใครๆ ทั้งสิ้น หรือสาปแช่งบุคคลใด แต่ไปเป็นไปตามดวงดาวลิขิตจริงๆ สิ่งที่จะลบร้างคำทำนายให้เบาลง ทุกๆ คนต้องสร้างแต่ความดีถือศีล 5 ทำจากใจจริงไม่ใช่เฉพาะภายนอก หรือชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น
@ พรรคการเมืองทั้งเล็กและใหญ่ทั้ง หลาย ซึ่งเป็นอยู่ในปัจจุบันถึงกาลอวสาน
โสรัจจะ ทำนายว่า พรรคการเมืองทั้งเล็กและใหญ่ทั้ง หลาย ซึ่งเป็นอยู่ในปัจจุบันถึงกาลอวสาน สิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจะแตกสลายไปเองตามอิทธิพลของดวงดาว และจะเกิดสิ่งใหม่หรือมิติใหม่ซึ่งพัฒนาขึ้นมาเองยากแก่การคาดการณ์ได้
ดาวมฤตยูเจ้าแห่งการปฏิรูปเปลี่ยนแปลง ได้เดินเข้าทำมุมตรีโกณกับราศีมิถุน ประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย และจะทำมุมอยู่อย่างนั้นเกือบถึง 7 ปี ระหว่างนี้จะมีบาปเคราะห์มาเข้าร่วมมุม ทั้งมุมกากบาท ทั้งมุมสามเหลี่ยม บ่งถึงไทยเรายังมีรัฐบาลที่ดันทุรังและไม่ฉลาดไม่เห็นการณ์ไกล
ความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ ย่อมจะกระทบกระเทือนต่อคุณภาพของการพัฒนาประชาธิปไตย และนำมาซึ่งความขัดแย้งทางสังคม
เกิดจลาจลในกรุงเทพฯ ทุกหมู่เหล่าแตกแยกเคียดแค้น ปิดร้านค้ายึดเป็นที่มั่นยิงต่อสู้กัน ทั่วทุกแถบในกรุงเทพฯ มีการขว้างระเบิดสนั่นเมืองไปหลายวัน จะก่อความยุ่งยากทีละน้อย และค่อยๆ รุนแรงขึ้นจนระงับไม่อยู่ ผู้มีอำนาจหรือคนสำคัญบางคนจักหมดอำนาจวาสนา
ข้อสังเกตเหตุการณ์รับกันนองเลือดครั้งนี้เกิดที่กรุงเทพฯ เมื่อดาวอังคารแห่งสงครามโคจรเข้าทับลัคนาแห่งดวงเมืองประชาธิปไตย จึงรบกันนองเลือดระหว่างผู้มีอำนาจกับประชาชน ครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ตั้งกรุงเทพฯ มา
อาจต้องใช้กำลังทหารเข้า แก้ปัญหา เป็นหนทางไปสู่ "การปฏิวัติรัฐประหาร" ต้องรบราฆ่าฟันกัน สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ตอนต้นปีบุคคลสำคัญและมีชื่อเสียงของประเทศจะถึงแก่กรรมจากการลอบทำร้าย ผู้คนระส่ำระสาย
@ ประเทศไทยกำลังคอยวีรบุรุษผู้กล้าหาญ
ภายใต้อิทธิฤทธิ์ของพระเคราะห์ แห่งสุริยะระบบ จึงไม่มีอะไรไม่ว่าสิ่งอันมีชีวิตหรือสิ่งอันเป็นนามธรรม กับสิ่งอันอุบัติขึ้นจากการก่อตัวของเหตุการณ์หนึ่งๆ จะต้องถูกครอบงำด้วยพระเคราะห์ทั้งสิ้น
เราคนไทยกำลังดิ้นรน เพื่อการคงอยู่ อนาคตนั้นก็ย่อมจะเป็นไปตามอำนาจของดวงดาวและกาลเวลา
พยายามดื้อรั้นฝืนดวงดาว เอาแต่ใจตนเอง โดยถือประเทศชาติเป็นสนามทดลองความดื้อของตนเอง ประเทศไทยกำลังคอยวีรบุรุษผู้กล้าหาญ ผู้เห็นประโยชน์แก่ประเทศชาติมาแก้ไขสถานการณ์นี้
บ้านเมืองเมื่อไรจะสงบเสียที เพราะรู้อยู่แก่ใจว่า ความมืดมนเหล่านี้จะเบาลง ซึ่งต้องใช้เวลายาวนานมาก มันเกี่ยวพันกับภูมิภาค เกี่ยวพันกับดวงชะตาของโลก เพียงแต่ขอตอบว่ายังไม่มีวันสงบ อีกหลายปีจึงจะเบาบางลง
กรุงเทพฯ บางส่วนเริ่มถูกน้ำทะเลท่วมเข้ามาถึง อาจจะจมน้ำหายไปและจะเป็นเช่นนี้ต่อเนื่องไปอีกหลายปี และอาจจะจมหายไปจากแผนที่โลกหรือแผนที่ประเทศไทย อาจจะต้องเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นภาครับต้องตระหนักถึงเรื่องนี้ ควรหาทางป้องกันไว้ก่อน
เดือนเมษายนเป็นที่สังเกตว่าดาวพระพฤหัสบดี แห่งไทยสยามกำลังโคจรร่วมกับพระพุธและดาวมฤตยูเป็นสัญญาณบ่งถึงการแทรกแซง ในราศีมีนเป็นวินาศกับลัคนาเมือง จะมีเหตุยุ่งยากเกิดขึ้น ผู้รักษาอำนาจการปกครองจะต้องระมัดระวัง อย่าได้หลวมตัว ตัดรอนอำนาจพิษสงของตนเองตามคำเรียกร้องต่างๆ ซึ่งวางกลลวง ในการแสวงหาลู่ทาง ให้ฝ่ายของพวกพ้องตนเองได้มีโอกาสเอาสถานการณ์บังหน้า ก่อเหตุวุ่นวายขึ้น
ขอย้ำว่าในปีนี้เหตุการณ์ไม่สู่สงบ จำเป็นต้องมีความรักและสามัคคีต่อกันและกันและมีเสถียรภาพด้วย
@ ปีแห่งการก่อการร้าย
ส่วนปัญหาทางภาคใต้ อิทธิพลของดาวเสาร์และดาวอังคารทำให้ยังเป็นปีแห่งการก่อการร้าย และการก่อวินาศกรรมทั้งปี เหมือนปี 2552 ที่แล้วมาแต่ยังแก้ไม่ตก จะทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมหาศาล อาจเสียอำนาจทางภาคใต้ของประเทศประกาสแบ่งแยกเดินแดนแล้วทำให้ทุกสิ่ง ทุกอย่างขาดลอยไป เนื่องจากดาวอังคารคงเดินแบบวิกล เพราะดวงผู้นำประเทศ ทำให้การก่อการร้ายปานกลายเป็นสงครามระหว่างภาค ขยายวงกว้าง ออกไปทางภาคใต้การฆ่าผู้บริสุทธิ์รายวันยังคงดำเนินต่อไป มิมีอะไรมาหยุดยั้งได้ ผู้ก่อการร้ายกระทำครั้งนี้เป็นกลุ่ม ศาสนาถูกนำเข้ามาเกี่ยวข้อง ยังเอาโรงเรียน สถานที่ราชการ วัดวาอาราม ใช้อาวุธที่มีอานุภาพรุนแรงระเบิดพลีชีพ ประหนึ่งเป็นสงคราม จนทำให้องค์กรสหประชาชาติยื่นมือเข้ามา
ประเทศไทยจึงเป็นที่กล่าวขวัญในทางที่น่าสะพรึงกลัวไปทั่วโลก สื่อต่างประเทศมาทำข่าว ชาวต่างชาติไม่กล้าเดินทางมาท่องเที่ยว ผู้คนบริสุทธิ์ ทั้งพ่อค้า นักธุรกิจ นักปกครอง เด็กและสตรีต้องอพยพหนีไปยังที่ปลอดภัยกว่าในดินแดนแห่งใหม่ ผู้ที่จะมาชำระสะสางความมืดมน ความเคลือบแคลงให้กระจ่างออกมา ทุกคนทุกวันนี้ก็รู้กันดีอยู่ว่าการกระทำอันอุกอาจครั้งนี้ ย่อมจะต้องใช้กำลังผู้คนจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ฝ่ายคุ้มครองบ้านเมือง ย่อมจะไม่หย่อนสมรรถภาพถึงขนาดไม่รู้เบาะแสอะไรเลย เพียงแต่ว่าความจริงบางอย่างเปิดเผยออกมา จะต้องมีจังหวะเวลาอันสมควรด้วย ย่อมกระทบกระเทือนต่ออะไรมากมาย รวมทั้งสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศกับบ้านใกล้เรือนเคียง
เนื่องจากในกลุ่มชาติอาหรับผู้เป็นเจ้าของน้ำมันส่วนใหญ่ของโลก ยังมีปัญหาข้อพิพาทและรบราฆ่าฟันกันยังไม่จบสิ้น ยังคุกคามความสงบสุขของประชากรโลกต้องเดือดร้อนยิ่งขึ้นไปกว่าปีที่แล้ว เพราะอาจขาดแคลนน้ำมัน ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ ได้รวมหัวกันขึ้นราคาน้ำมันโดยไม่หยุดยั้ง บางช่วงก็ใช้น้ำมันเป็นเครื่องต่อรองกับประเทศมหาอำนาจทางตะวันตก ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำลง ทำให้ข้าวของแพง ผู้คนลำบากไปทั่ว
ส่วนในบ้านเรานอกจากน้ำมันเชื้อเพลิงจะขึ้นราคาไม่หยุดแล้ว แก๊สหุงต้มก็ขึ้นราคาอย่างหนักเช่นกัน สร้างความปั่นป่วนเดือดร้อน
@ การปลุกระดมม็อบใดๆ ควรละเว้น
อีกนัยหนึ่งปี 2553 นี้ เมื่อว่ากันในแง่โหราศาสตร์ฮินดูก็เห็นว่า การวู่วามใด ๆ รังแต่จะทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ การปลุกระดมม็อบใดๆ ควรละเว้น บ่งถึงว่าถ้าดื้อรั้นจะเอาแต่ฝ่ายตนท่าเดียวโดยมิได้ผ่อนปรนใดๆ บ้านเมืองก็คงฉิบหายและจะเป็นการปลุกให้ผู้ถืออาวุธทนไม่ไหวคิดเข้ามาแก้ไข สถานการณ์อันไม่สงบ มันจะไปกันใหญ่ นอกจากทุพภิกขภัยจะเล่นงานเอาอย่างอ่วมอรทัยแล้ว น้ำผึ้งหยดเดียวก็จักบันดาลให้เกิดอะไรต่ออะไรที่เลวร้ายอย่างใหย่หลวงได้
ผู้มีอำนาจวาสนา อย่าได้นิ่งนอนใจ ระวังสุขภาพ ความยุ่งยาก ความเดือดร้อนอย่างรุนแรง จักสำแดงโทษ ผู้เป็นใหญ่ ผู้เป็นหลักต่างๆ จะประมาทต่อสถานการณ์ใดๆ ไม่ได้ทั้งสิ้น ระวังกว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ อย่าวางใจในสิ่งที่ตนคิดว่าตัดรากถอนโคนแล้วคงไม่มีเขี้ยวเล็บ ประวัติศาสตร์ที่ยุ่งยากมาเป็นร้อยเป็นพันปี สอนไว้ได้ดีว่า ในโลกนี้หามีความเที่ยงแท้อะไรไม่
ความผันผวนยุ่งยาก เป็นการแสดงให้เห็นว่าสิ่งต่างๆ ยังคงดำเนินสานต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้ง และโดยทั่วไปสภาวะในประเทศเปรียบเสมือนน้ำเดือดพล่านบนหม้อที่มีเชื้อไฟข้าง ใต้โหมอย่างรุนแรง ประชาชนพลเมืองอาจจะประสบปัญหาที่ไม่เคยประสบมาก่อน คือ คนว่างงานจำนวนมาก มีการเดินขบวน วุ่นวาย ต่างๆ นานา และอาจถูกปราบปรามจนต้องสูญเสียชีวิตไปมิใช่น้อย มีสงครามเบ็ดเสร็จในแต่ละท้องที่ผู้คนจะตายหมู่กันมาก
@ปีแห่งความหายนะทางเศรษฐกิจถึงขั้นล้มละลาย
เศรษฐกิจภายในประเทศยังไม่สามารถแก้ไขได้พร้อมกับเศรษฐกิจทั่วโลกก็ประสบ ปัญหาเศรษฐกิจเช่นกัน ประชาชนคนไทยเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ยิ่งกว่าปีก่อน เป็นปีแห่งความหายนะทางเศรษฐกิจถึงขั้นล้มละลาย ธนาคารของรัฐไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจฟื้นขึ้นมาได้ ธนาคารทั้งเล็กและใหญ่ปิดตัวลงอย่างสนิท ตลาดหุ้นถูกกระทบอย่างรุนแรง ร่วงหล่นต่ำสุด และปิดตัวเองลง มีคนฆ่าตัวตายเป็นเบือ พลเมืองประสบความยากจนข้นแค้นมากขึ้น แต่องค์ประกอบของรัฐได้ซ้ำเติมประชาชนด้วยการขึ้นค่าสาธารณูปโภคทุกรูปแบบ
ปี 2553 นี้มีภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างรุนแรงทั้งปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยน้ำท่วม ปัญหาภัยแล้งทำให้ขาดแคลน ทางภาคตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนืออย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน สัตว์เลี้ยง และผู้คนเดือดร้อน บางจังหวัดและบางอำเภอดินแตกระแหงไม่สามารถปลูกพืชธัญญาหารได้เลย ทำให้ผู้คนอดอยากแต่ขาดความเหลียวแลเอาใจใส่ของภาครัฐ หลายครอบครัวถึงขั้นขุดรากไม้และดินกินเป็นอาหารเพื่อประทังชีวิตให้รอดไป ก่อน เกิดพื้นดินถล่มและทรุดตัวไปทั่วประเทศ ไม่เว้นแม้กระทั่งกรุงเทพมหานคร เราอาจจะต้องสูญเสียแผ่นดินทางภาคใต้ ฝั่งทะเลอันดามัน ตั้งแต่จังหวัดระนองลงมา และจมลงสู่ใต้ทะเลไปทีละน้อย
ราวปลายปีแถบชายฝั่งทะเลอันดามันรวมทั้งเกาะภูเก็ต กระบี่ พังงา ถูกคลื่นยักษ์สึนามิพุ่งเข้าถล่มครั้งใหญ่ กวาดผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติบ้านเรือนลงทะเลจำนวนมาก
และยังต้องระวังกับวาตภัย ทำให้เกิดความเสียหายแก่เรือกสวนไร่นามหาศาล เกิดน้ำท่วมใหญ่ทั่วประเทศอีกครั้ง กรุงเทพฯจะจมอยู่ใต้บาดาลเป็นเวลานาน เป็นที่น่าทุกขเวทนายิ่งนัก มีผู้เสียชีวิตมากกว่าครั้งใดๆ ที่ผ่านมา
เกิดไต้ฝุ่นเข้าถล่มภาคใต้ ที่ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ และสุราษฎร์ธานี ผลเสียหายมาก เป็นมหาวาตภัยเรือประมงจมร่วม 100 ลำ ลูกเรือสูยหายไปเป็นพัน และปลายปีพายุถล่มรอบสองรุนแรงมาก คนตายเรือนพัน จังหวัดชุมพรเสียหายร่วม 100 เปอร์เซ็นต์
ประเทศไทย ปีขาล 2553 นี้ จะเป็นปีแห่งความอาเพศพิสดารสุดๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยในสยามประเทศจะเกิด "หิมะตกในกรุงเทพฯ" และปริมณฑล คนไทยทั่วประเทศตกตะลึงและพูดกันไปต่างๆ นานา ในความอาถรรพณ์วิปริตผิดธรรมชาติประโคมข่าวไปทั่วโลก เป็นลางร้ายแก่คนกรุงเทพฯ และประชาชนชาวไทย ทั้งภยันตรายจากโรคติดต่อที่ร้ายแรงใหม่ๆ และคร่าชีวิตทั้งเด็ก ผู้หญิง และคนชรา ไปเป็นจำนวนมาก และเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหลายๆ ด้าน ทั้งวัฒนธรรม-ประเพณีดั้งเดิม และการปกครองการเมืองที่สุดคาดเดา
@ เกิด "เขื่อนยักษ์แตก"
ที่เคยเกิด รอยร้าวสะสมมานาน ได้พังทลายลง เกิดคลื่นน้ำขนาดมหึมา พุ่งตรงลงสู่เบื้องล่าง เข้าท่วมไร่นา ที่อยู่อาศัย สิ่งก่อสร้างของผู้คน อย่างไม่รู้ตัวมาก่อน ทำให้สูญเสียชีวิตผู้คน สัตว์เลี้ยง และทำลายสิ่งก่อสร้าง รวมถึงพืชผลการเกษตรเสียหายทั้งหมดหลายจังหวัดต่อเนื่องมาถึงกรุงเทพฯ
น้ำแข็งขั้วโลกละลายอย่างรวดเร็ว ทำให้ระดับน้ำในทะเลสูงขึ้นและมหาสมุทรสูงขึ้น เกิดสภาวะน้ำท่วมใหญ่ บางส่วนของโลกถูกน้ำท่วมใหญ่จมหมายลงไปในทะเล
กรุงเทพฯ ไข้หวัดนกจะเข้ามาทำลายล้างชีวิตมนุษย์และสัตว์หรือเป็นเชื้อไข้หวัดนกที่ กลายพันธุ์ติดต่อมาถึงคน ทำให้สูญเสียชีวิตมนุษย์มากมายเป็นที่สยดสยองต่อวงการแพทย์
ภูเขาไฟในเกาะสุมาตราระเบิดอย่างรุนแรง มีการปะทุอย่างต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน พ่นแก๊สร้อนขี้เถ้าแผ่กระจายเป็นรัศมีกว้างไกล ทำให้ท้องฟ้ามืดมิดบดบังแสงแดดกลายเป็นกลางคืน
เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงที่เกาะสุมาตรา ทำให้เกิดคลื่นสึนามิขนาดใหญ่ในหลายแห่งทั่วโลก ประเทศไทยได้รับผลอย่างจัง จมเรือหลายลำ พุ่งตรงเข้าไปตามชายฝั่งที่อยู่ติดกับทะเลด้านอันดามัน กวาดเอาหมู่บ้านจำนวนมากหายตกทะเลไป ทำให้ประชาชนจำนวนมากที่อาศัยอยู่คาดไม่ถึง ไม่ทันตั้งรับ เสียชีวิตอย่างอนาถ
เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ กวาดและทำลายสิ่งก่อสร้างและชีวิตคนจำนวนมาก นับเป็นเหตุการณ์วิปโยคต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง คลื่นทะเลยักษ์เริ่มปะทะและโจมตีดินแดนชายฝั่งอย่างต่อเนื่อง ทำให้ได้รับความเสียหายมากมายอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน
ความผันผวนต่างๆ จะแผ่ซ่นไปทั่ว ทุกประเทศจะต้องประสบ ดังเช่นญี่ปุ่น เยอรมนี ตะวันออกไกล ส่วนประเทศในยุโรปนั้น จะเข้าสู่สภาวะมิคสัญญีจะประสบภาวะเดือดร้อนและเดือดพล่านโดยทั่วกัน
นาวาของปวงประเทศทั้งหลายจะต้องเผชิญต่อมหันภัยของมรสุมอีกหลายลูก ประมุขของประเทศต่างๆ ใครจะมีฝีมือ จะเป็นรัฐบุรุษของโลกขนาดไหน ก็ต้องดูความสามารถกันในช่วงปีนี้แหละ
ถึงคราวแล้วที่ประเทศไทยจะเข้าสู่สงครามที่เราไม่เคยมีมาเลยกับ ประเทศเพื่อนบ้านเป็นเวลาช้านานแล้ว เป็นการรบอย่างแท้จริง อิทธิพลของดาวงดาวคือพระราหูทำมุมเสียกับลัคนาประเทศ ถ้าประเทศไทยยังเฉยเมยไม่ตระหนักต่อปัญหาที่รุมเร้าหนักข้อขึ้นทุกที เสมือนดูหมิ่นสยามประเทศมาโดยตลอด
ดังนั้นปี 2553 จะเกิดการรบนองเลือดถึงขั้นเสียชีวิตผู้คนมาก ถึงจะได้คืนมาซึ่งแผ่นดิน อาจจะถึงขั้นประกาศสงครามกับเพื่อนบ้าน
@ ช่วงปลายปี 53 โลกจะเข้าสู่ยุคเข็ญ
ประเทศในอ่าวเปอร์เซียกับตะวันออกกลาง อยู่ในเกณฑ์ของความอดทนอย่างถึงที่สุดของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย การเคลื่อนกำลังอาวุธอาจจำเป็นต้องกระทำสงครามยุทธนาวีหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดาวของประเทศมหาอำนาจ (สหรัฐ) กับตะวันออกกลาง และอ่าวเปอร์เซียเป็นแนวทางการเคร่งเครียด การขัดแย้ง การวิบัติ ที่ฉายเงารางๆ ให้เห็น
ประเทศที่กุมอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก ปีนี้จะมีเหตุไม่ราบรื่นในการสัมพันธ์กับนานาชาติ และภายในประเทศของตนเริ่มมีสัญญาณแห่งการขัดข้อง ความไม่ราบรื่นดังเคย จะมีผลยืดเยื้อที่จะกระทบต่ออนาคตอย่างแน่นอน เงาของความขัดแย้งทางอุดมการณ์ระหว่างประเทศกับความไม่ทัดเทียมกันทางด้าน เทคโนโลยีต่าง ๆ เห็นเหตุให้ชาติที่กำลังรีบเร่งไปสู่อนาคตที่แจ่มจรัสเบื้องหน้า เริ่มเห็นทางตัน มนุษยชาติกำลังเผชิญต่อภาวะความสับสนกับความเดือดร้อนต่อชาติอันยากจนข้น แค้นของประชากรโลกส่วนใหญ่ ความมืดมนกำลังเตรียมปักหลักเป็นแกนนำ บัดนี้โลกจะต้องระวังการหวังพึ่งพิงพลังงานใหม่ๆ เข้ามารับใช้มนุษยชาติในด้านอุตสาหกรรม ในด้านธุรกิจซึ่งกำลังตะบึงไปข้างหน้าอันเต็มไปด้วยหมอกหนาแห่งความไม่แน่ใจ
ดาวบาปเคราะห์ใหญ่ จะกระจายกันเข้าตรึง 4 ทวาร 4 มุม โดยมีดาวเสาร์เดินนำหน้า มันเป็นจุดคับขันที่สุดของโลก เป็นปีที่จะเกิดสงครามล้างผลาญโลกครั้งใหญ่ ทำลายล้างกันอย่างย่อยยับยิ่งกว่าครั้งใดๆ ที่เป็นมาในประวัติศาสตร์ของชาติมนุษย์
ช่วงปลายปี 53 โลกจะเข้าสู่ยุคเข็ญ และตะวันออกกลางเริ่มเปิดฉากแข็งกร้าวขึ้น อาวุธปรมาณู อาวุธนิวเคลียร์ อาวุธเคมีร้ายแรง อาวุธมหาประลัย นำมาใช้กัน ทำให้เกิดจุดวิกฤตการณ์ของดลกที่เขม็งเกลียวที่สุดนับตั้งแต่เกิดสงครามโลก ครั้งที่ 2 เป็นต้นมา และเมื่อนั้น ปีขาลหฤโหดจะสำแดงฤทธิ์ อาณาบริเวณที่จะเกิดจุดฆาตคือ สหรัฐ อังกฤษ อิสราเอล กลุ่มประเทศปาเลสไตน์ และจีน ส่วนสหรัฐแน่นอนละ ฐานทัพนอกประเทศจะถูกทำลายสิ้นไม่มีเหลือ ส่วนประเทศไทยเราจะถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามครั้งนี้ด้วย สงครามยืดเยื้อไปถึงปี 2554 จนอาจจะกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้
นี่คือ คำทำนายของหมอดู ที่เมื่อเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชั่วโมงนี้... น่าเสียวไส้
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
**************************************************
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)