นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม และหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึงข้อเสนอขององค์กรอิสระที่เสนอให้อดีต 4คน มาเป็นตัวกลางในการแก้ปัญหาความวุ่นวายที่เกิดขึ้นว่า อดีตนายกรัฐมนตรีก็เป็นบุคคลน่าเชื่อถือ แล้วพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมาหรือไม่ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนให้พวกออกมาแสดงบทบาทอยู่ในขณะนี้แล้วจะไม่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ได้อย่างไร ฉะนั้นจึงต้องหาจุดลงตัวสำหรับประเทศไทยที่หาเหตุผลมากันได้ ตนเห็นว่า การเดินขบวนของกลุ่มคนเสื้อแดงขณะนี้ถือว่าน่ารัก เพราะไม่มีอะไรรุนแรง แต่อย่าไปทำอะไรให้เกิดความเสียหาย เมื่อถามว่า กลุ่มคนเสื้อแดงปิดแยกราชประสงค์ยังน่ารักอยู่อีกหรือ นายชาญชัย กล่าวว่า เรื่องความเสียหายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แม้ว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และเห็นว่าในเรื่องของการเมืองถ้าไม่นิ่งเหมือนคนในครอบครัวขัดแย้งกันตลอด แล้วใครอยากจะมาอยู่ครอบครัวของเราบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวทางของพรรคเพื่อแผ่นดินยังมีความเห็นตรงกับรัฐบาลในการกำหนดทิศทางแก้ปัญหาหรือไม่ นายชาญชัย กล่าวว่า เราไม่พูดถึงใครทั้งนั้น แต่พรรคเพื่อแผ่นดินมีการปรึกษาหารือกับทุกฝ่าย เพื่อให้ตกผลึกเสียก่อนและต้องฟังคามคิดเห็นของพรรคอื่น เพราะประเทศไทยไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง
ต่อข้อถามว่า เห็นด้วยหรือไม่ที่จะให้ยุบสภาภายใน 9 เดือน นายชาญชัย กล่าวว่า ต้องมีคำตอบให้ตนว่าเมื่อยุบสภาแล้วจะทำอย่างไร มีกรอบจะดำเนินการเมื่อใด ขณะที่กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับ 50ส่วนดีก็มีหลายมาตรา แต่ฝ่ายค้านต้องการใช้รัฐธรรมนูญปี 40เราก็ต้องหาตัวกลาง ซึ่งวิธีแก้ไขก็คือ ใช้ระบบรัฐสภาก็สามารถทำได้ เมื่อเอากระบวนการรัฐสภามาใช้ ก็อย่าเอากระบวนการข้างนอกมาใช้ ถ้าเอาข้างนอกผสมโรงข้างในก็เป้นมะโรง มะเส็ง มะเมีย มะแม
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
********************************************
วันพุธที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2553
เสธ.หนั่น"ชู"บิ๊กจิ๋ว"เหมาะประสานการเจรจา
พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมครม. ถึงข้อเสนอให้อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย 4 คนมาร่วมหารือเพื่อหาทางออกให้กับวิกฤติของประเทศในขณะนี้ว่า ถ้ามีการเจรจากันรอบที่ 3 ก็น่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น เพราะถ้าไม่พูดคุยกันก็เผชิญหน้ากันอยู่อย่างนี้ ซึ่งถ้าทั้ง 2 ฝ่ายมีเจตนาที่ดีก็น่าจะพูดคุยกันได้ ส่วนผู้ที่จะมาทำหน้าที่ประสานงานให้เกิดการพูดคุยนั้น ก็น่าจะเป็น พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย
เมื่อถามว่าการพูดคุยควรจะทำในทางลับหรือเปิดเผย พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ตนคิดว่าก่อนถึงขั้นสุดท้ายควรมีคณะทำงานที่จะคุยกันเสียก่อน โดยดูความต้องการของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งขณะนี้มีความขัดแย้งกันตรงปัจจัยเวลาในการยุบสภาเท่านั้น ซึ่งยังไม่ควรไปกำหนดเรื่องเวลา น่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียก่อน เพราะถ้าเราใช้รัฐธรรมนูญปี 50 ทุกคนก็ไม่พอใจ และถ้าเกิดมีการยุบพรรคขึ้นมาอีก หรือไปทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งก็จะเป็นปัญหาได้ ดังนั้นถ้าตกลงกันได้ตรงนี้ ปัจจัยเรื่องเวลาก็ไม่สำคัญ ทั้งนี้ตนยังเชื่อว่าสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่เลยขั้นตอนการเจรจา ยังคุยกันได้
เมื่อถามว่าหลายฝ่ายไม่เชื่อใจพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่องนี้ โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ถ้าไม่เชื่อใจพรรคประชาธิปัตย์กลุ่มเสื้อแดงก็มาคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลได้ เพราะถ้าพรรคร่วมรัฐบาล ร่วมเป็นสักขีพยานด้วยก็เบี้ยวกันไม่ได้ เมื่อถามว่าอดีตนายกรัฐมนตรี 4 คนที่จะให้มาพูดคุยกันมีโอกาสที่จะได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกหรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ถ้าเป็นหัวหน้าพรรคและเป็น ส.ส.ก็เป็นได้
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
*********************************************
เมื่อถามว่าการพูดคุยควรจะทำในทางลับหรือเปิดเผย พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ตนคิดว่าก่อนถึงขั้นสุดท้ายควรมีคณะทำงานที่จะคุยกันเสียก่อน โดยดูความต้องการของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งขณะนี้มีความขัดแย้งกันตรงปัจจัยเวลาในการยุบสภาเท่านั้น ซึ่งยังไม่ควรไปกำหนดเรื่องเวลา น่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียก่อน เพราะถ้าเราใช้รัฐธรรมนูญปี 50 ทุกคนก็ไม่พอใจ และถ้าเกิดมีการยุบพรรคขึ้นมาอีก หรือไปทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งก็จะเป็นปัญหาได้ ดังนั้นถ้าตกลงกันได้ตรงนี้ ปัจจัยเรื่องเวลาก็ไม่สำคัญ ทั้งนี้ตนยังเชื่อว่าสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่เลยขั้นตอนการเจรจา ยังคุยกันได้
เมื่อถามว่าหลายฝ่ายไม่เชื่อใจพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่องนี้ โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ถ้าไม่เชื่อใจพรรคประชาธิปัตย์กลุ่มเสื้อแดงก็มาคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลได้ เพราะถ้าพรรคร่วมรัฐบาล ร่วมเป็นสักขีพยานด้วยก็เบี้ยวกันไม่ได้ เมื่อถามว่าอดีตนายกรัฐมนตรี 4 คนที่จะให้มาพูดคุยกันมีโอกาสที่จะได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกหรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ถ้าเป็นหัวหน้าพรรคและเป็น ส.ส.ก็เป็นได้
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
*********************************************
เฮลิคอปเตอร์รับ"สุเทพ-สาทิตย์-ปณิธานพ้นเสื้อแดงแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสห.ที่ถูกรวบคตัวดังกล่าวเป็นสห.ที่ขับรถนำของนายสุเทพ เทือกสุเทพ รองนายกฯ ซึ่งนายพินิจ จันทรสมบูร์ อดีตสส.ขอให้มีการตรวจค้นรถสห.ที่จอดบนชั้นลอยและรถนายสุเทพว่ามีอาวุธเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามในช่วงที่มีการเจรจาเพื่อขอให้ไปตรวจสอบนายสุเทพปรากฏว่าได้มีเครื่องแบล็คฮอร์ที่มาจอดพระที่นั่งวิมานเมฆได้นำตัวนายสุเทพ นายสาทิตย์ นายปณิธาน ออกไปแล้ว
นอกจากนี้ส.ส.เพื่อไทยและการ์ดนปช.ได้นำสก๊อตเทปพร้อมป้ายบอกว่า"รอการตรวจอาวุธ"มาติดทั่วรถยนตร์ของสห. ของกองพันสารวัตรทหารที่ 11 ป้ายทะเบียน 2232 โตโยต้า แคมรี่ ซึ่งใกล้กันมีรถประจำตำแหน่งของนายสุเทพ จอดอยู่ด้วย
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
*************************************************
นอกจากนี้ส.ส.เพื่อไทยและการ์ดนปช.ได้นำสก๊อตเทปพร้อมป้ายบอกว่า"รอการตรวจอาวุธ"มาติดทั่วรถยนตร์ของสห. ของกองพันสารวัตรทหารที่ 11 ป้ายทะเบียน 2232 โตโยต้า แคมรี่ ซึ่งใกล้กันมีรถประจำตำแหน่งของนายสุเทพ จอดอยู่ด้วย
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
*************************************************
ประชุมสภาฯล่ม
เมื่อเวลา 10.00 น.ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธาน โดยทันทีที่เริ่มประชุมนายนิพนธ์ วิสิษฐยุทธศาสตร์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.คำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ได้ขอถอนร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวออกจากที่ประชุมสภาฯ ทำให้ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยแสดงความไม่พอใจโดยระบุว่าก่อนหน้านี้นายนิพนธ์ได้ขอล่ารายชื่อเพื่อเสนอให้สภาฯพิจารณาในวาระสองและสามทันที แต่ถัดมามีข่าวว่าวิปรัฐบาลไม่เห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.นี้นายนิพนธ์จึงขอถอนร่างทันทีทั้งที่ยังไม่มีการหารือกับกรรมาธิการฯคนอื่นๆ
ด้านนายนิพนธ์ชี้แจงว่า ไม่มีใครสั่งตนได้ แต่เป็นเพราะทบทวนแล้วเห็นว่าถ้ามีโอกาสทบทวนร่างพ.ร.บ.นี้อีกครั้งก็น่าจะเป็นผลดี และอยากให้สอดคล้องกับที่วุฒิสภากำลังศึกษาอยู่ด้วย
จนกระทั่งเวลา 10.40 น.นายชัย ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าได้ข่าวไม่สู้ดีว่าเสื้อแดงเพื่อนของผมกำลังเดินทางมาล้อมรัฐสภา ขณะนี้มีเพื่อนอดีตส.ส.คนหนึ่งได้นำพี่น้องเสื้อแดงมาอยู่หน้ารัฐสภาจำนวน 700 คนเรียบร้อยแล้ว แต่ในฐานะตัวแทนนิติบัญญัติก็จะทำหน้าที่ของเราต่อไป จากนั้นนายชัยได้ขอมติจากที่ประชุมว่าจะอนุญาตให้ถอนร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวออกจากวาระการประชุมหรือไม่ โดยนายชัยได้พยายามกดออดเรียกส.ส.ให้เข้าห้องประชุมอยู่เป็นเวลานาน แต่ผลปรากฏว่ามีผู้อยู่ในห้องประชุมเพียง 220 คนไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ถือว่าองค์ประชุมต้องล่มกลางคันหลังจากที่ม็อบเสื้อแดงได้มาปิดล้อมประตูทางเข้าออกอาคารรัฐสภาไว้หมดแล้ว ทำให้นายชัยต้องสั่งปิดการประชุมทันทีเมื่อเวลา 11.00 น. ทั้งนี้ปรากฏว่าบรรดารัฐมนตรีและส.ส.ที่ไม่สามารถเดินทางออกจากรัฐสภาได้ก็หันมาใช้บันไดหนีไฟด้านหลังติดกับพระที่นั่งพิมานเมฆเป็นทางออกแทน
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
************************************************
ด้านนายนิพนธ์ชี้แจงว่า ไม่มีใครสั่งตนได้ แต่เป็นเพราะทบทวนแล้วเห็นว่าถ้ามีโอกาสทบทวนร่างพ.ร.บ.นี้อีกครั้งก็น่าจะเป็นผลดี และอยากให้สอดคล้องกับที่วุฒิสภากำลังศึกษาอยู่ด้วย
จนกระทั่งเวลา 10.40 น.นายชัย ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าได้ข่าวไม่สู้ดีว่าเสื้อแดงเพื่อนของผมกำลังเดินทางมาล้อมรัฐสภา ขณะนี้มีเพื่อนอดีตส.ส.คนหนึ่งได้นำพี่น้องเสื้อแดงมาอยู่หน้ารัฐสภาจำนวน 700 คนเรียบร้อยแล้ว แต่ในฐานะตัวแทนนิติบัญญัติก็จะทำหน้าที่ของเราต่อไป จากนั้นนายชัยได้ขอมติจากที่ประชุมว่าจะอนุญาตให้ถอนร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวออกจากวาระการประชุมหรือไม่ โดยนายชัยได้พยายามกดออดเรียกส.ส.ให้เข้าห้องประชุมอยู่เป็นเวลานาน แต่ผลปรากฏว่ามีผู้อยู่ในห้องประชุมเพียง 220 คนไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ถือว่าองค์ประชุมต้องล่มกลางคันหลังจากที่ม็อบเสื้อแดงได้มาปิดล้อมประตูทางเข้าออกอาคารรัฐสภาไว้หมดแล้ว ทำให้นายชัยต้องสั่งปิดการประชุมทันทีเมื่อเวลา 11.00 น. ทั้งนี้ปรากฏว่าบรรดารัฐมนตรีและส.ส.ที่ไม่สามารถเดินทางออกจากรัฐสภาได้ก็หันมาใช้บันไดหนีไฟด้านหลังติดกับพระที่นั่งพิมานเมฆเป็นทางออกแทน
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
************************************************
“ฮุนเซน”ยังแน่นปึ้ก“ทักษิณ”
พรรคเพื่อไทย : นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ระบุสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ยืนยันว่าจะไม่อนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้ประเทศกัมพูชาเป็นฐานที่มั่นเล่นงานรัฐบาลไทยว่า ไม่เชื่อในสิ่งที่นายสุเทพพูด เพราะสมเด็จฮุน เซน เป็นเพื่อนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างสมเด็จฮุน เซน กับ พ.ต.ท.ทักษิณมีมากกว่าที่มีให้กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ
นายสุรพงษ์กล่าวว่า การที่สมเด็จฮุน เซน มีท่าทียิ้มแย้มแจ่มใสกับนายอภิสิทธิ์นั้น เชื่อว่าเป็นเพียงมารยาททางการทูตเท่านั้น เพราะมาถึงประเทศเขาถ้าทำหน้ายักษ์หน้ามารก็ใช่เรื่อง
ด้านนายอภิสิทธิ์กล่าวยอมรับว่า มีสัญญาณที่ดีถึงการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยให้กระทรวงการต่างประเทศหารือถึงการส่งทูตกลับไปยังประเทศกัมพูชา
ขณะที่นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า รับทราบผลการหารือระหว่างสมเด็จฮุน เซน และนายสุเทพเมื่อวันที่ 4 เมษายนแล้ว ส่วนการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชาเป็นเรื่องที่ต้องปรึกษาหารือกัน ขณะนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังไม่มีอะไรใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยที่จะส่งเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา กลับไปประจำการ นายกษิตกล่าวว่า "ยังครับ ยังไม่มีอะไรใหม่"
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
************************************************
นายสุรพงษ์กล่าวว่า การที่สมเด็จฮุน เซน มีท่าทียิ้มแย้มแจ่มใสกับนายอภิสิทธิ์นั้น เชื่อว่าเป็นเพียงมารยาททางการทูตเท่านั้น เพราะมาถึงประเทศเขาถ้าทำหน้ายักษ์หน้ามารก็ใช่เรื่อง
ด้านนายอภิสิทธิ์กล่าวยอมรับว่า มีสัญญาณที่ดีถึงการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยให้กระทรวงการต่างประเทศหารือถึงการส่งทูตกลับไปยังประเทศกัมพูชา
ขณะที่นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า รับทราบผลการหารือระหว่างสมเด็จฮุน เซน และนายสุเทพเมื่อวันที่ 4 เมษายนแล้ว ส่วนการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชาเป็นเรื่องที่ต้องปรึกษาหารือกัน ขณะนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังไม่มีอะไรใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยที่จะส่งเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา กลับไปประจำการ นายกษิตกล่าวว่า "ยังครับ ยังไม่มีอะไรใหม่"
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
************************************************
แยกผ่านฟ้าราชดำเนิน สู่ แยกเอราวัณราชประสงค์ของราชประชาเสื้อแดง
ผมได้ไปตรวจแถวแนวการชุมนุมของ นปช แดงทั้งแผ่นดิน ก็ทำให้รู้สึกมีความฮึกเหิมในใจ และรู้สึกว่า การมาชุมนุมของพ่อแม่พี่น้องชาว ชนบท ทำให้มีความรู้สึกต้องยกย่องให้กับท่านทั้งหลาย ถึงแม้ผมไม่ทราบว่า ความจริงเปแนอย่างไร แต่มันได้แสดงถึงความเด็ดเดี่ยวยึดมั่นในอุดมการณ์ที่มีต่อประชาธิปไตย และในความเชื่อมั่นในตัว นายกทักษิณ ชินวัตรอย่างเต็มเปี่ยม
จากการที่มาปักหลักชุมนุมที่แยกผ่านฟ้า ถนนราชดำเนิน ทำให้ ชาว กทม.มีความตื่นตัว ตื่นใจ ต่อการต่อสู้ของชาวเสื้อแดงเป็นอย่างยิ่ง ที่มีการเดินขบวนประท้วงไปตามถรรหนทางต่างๆ เป็นที่ตื่นตา ตื่นใจเป็นอย่างมาก แต่กับ ฝ่ายรัฐบาลโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หาได้มีความรู้สึกเช่นนั้นไม่ เพราะจากสถานการณ์ดังกล่าวนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้เหมือนกับซากศพที่เดินได้ ไม่มีความรู้สึกแม้กระทั่งความคิดเห็น ความเห็นใจ สงสาร พี่น้องประชาชน ที่ต้องมานั่งตากแดด ตามกลม ในท้องถนน
จนทำให้มาการเดินทางมาปักหลักที่ถนนราชประสงค์ อันเป็นที่ๆสองในการชุมนุม และที่ตรงนี้นี่เอง กลับทำให้ประชาชน ได้รับทราบเรื่องราวต่างๆอย่างมากมาย เช่น การไม่ยอมรับ ของนักธุรกิจในย่านนั้น การออกมาต่อว่า ต่อขาน ของ กกร. และการออกมาทำหน้าที่ของผู้พิพากษา ที่ไม่ยอมเป็นเครื่องมือของรัฐบาล ในการขับไล่ ผู้ชุมนุมประท้วงบนถนน และได้เห็นการสั่งการจาก ศอรส. ที่ออกประกาศมาใช้กับคนเสื้อแดง และยังได้เห็น
ความไม่เป็นปึกแผ่นในกองทัพ ซึ่ง ผบทบ.ได้เก็บตัวเงียบ ไม่ยอมออกหน้ามารับใช้ รัฐบาล และที่สำคัญที่สุดก็คือ ชาว กทม.ทั้งหลาย ไม่ได้มีการออกมาต่อต้านคนเสื้อแดงเลยแม้แต่น้อย ส่วนเสื้อสีชมภูนั้น มันรู้กันอยู่ว่า เป็นคนของใคร ก็นับว่า เป็นนิมิตหมายที่ดีในการเรียกร้องประชาธิปไตย ของคนเสื้อแดง แต่ที่น่าสนใจคือว่า ได้มีชาว มุสลิมทาง3จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มาร่วมกับคนเสื้อแดงต่อสู้มากยิ่งขึ้น ผมเองก็กลัวว่า วันหนึ่ง ถ้าเราได้ประชาธิปไตยมาแล้ว เราควรแบ่งประชาธิปไตยและแบ่งดินแดนให้กับเขาเหล่านั้นด้วยไหม ทำไมต้องปล่อยประเทศไทยให้เป็นเช่นนั้น
โดย.คุณ ชาว กทม.
**************************************************
จากการที่มาปักหลักชุมนุมที่แยกผ่านฟ้า ถนนราชดำเนิน ทำให้ ชาว กทม.มีความตื่นตัว ตื่นใจ ต่อการต่อสู้ของชาวเสื้อแดงเป็นอย่างยิ่ง ที่มีการเดินขบวนประท้วงไปตามถรรหนทางต่างๆ เป็นที่ตื่นตา ตื่นใจเป็นอย่างมาก แต่กับ ฝ่ายรัฐบาลโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หาได้มีความรู้สึกเช่นนั้นไม่ เพราะจากสถานการณ์ดังกล่าวนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้เหมือนกับซากศพที่เดินได้ ไม่มีความรู้สึกแม้กระทั่งความคิดเห็น ความเห็นใจ สงสาร พี่น้องประชาชน ที่ต้องมานั่งตากแดด ตามกลม ในท้องถนน
จนทำให้มาการเดินทางมาปักหลักที่ถนนราชประสงค์ อันเป็นที่ๆสองในการชุมนุม และที่ตรงนี้นี่เอง กลับทำให้ประชาชน ได้รับทราบเรื่องราวต่างๆอย่างมากมาย เช่น การไม่ยอมรับ ของนักธุรกิจในย่านนั้น การออกมาต่อว่า ต่อขาน ของ กกร. และการออกมาทำหน้าที่ของผู้พิพากษา ที่ไม่ยอมเป็นเครื่องมือของรัฐบาล ในการขับไล่ ผู้ชุมนุมประท้วงบนถนน และได้เห็นการสั่งการจาก ศอรส. ที่ออกประกาศมาใช้กับคนเสื้อแดง และยังได้เห็น
ความไม่เป็นปึกแผ่นในกองทัพ ซึ่ง ผบทบ.ได้เก็บตัวเงียบ ไม่ยอมออกหน้ามารับใช้ รัฐบาล และที่สำคัญที่สุดก็คือ ชาว กทม.ทั้งหลาย ไม่ได้มีการออกมาต่อต้านคนเสื้อแดงเลยแม้แต่น้อย ส่วนเสื้อสีชมภูนั้น มันรู้กันอยู่ว่า เป็นคนของใคร ก็นับว่า เป็นนิมิตหมายที่ดีในการเรียกร้องประชาธิปไตย ของคนเสื้อแดง แต่ที่น่าสนใจคือว่า ได้มีชาว มุสลิมทาง3จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มาร่วมกับคนเสื้อแดงต่อสู้มากยิ่งขึ้น ผมเองก็กลัวว่า วันหนึ่ง ถ้าเราได้ประชาธิปไตยมาแล้ว เราควรแบ่งประชาธิปไตยและแบ่งดินแดนให้กับเขาเหล่านั้นด้วยไหม ทำไมต้องปล่อยประเทศไทยให้เป็นเช่นนั้น
โดย.คุณ ชาว กทม.
**************************************************
จนมุม
ยุบสภาเถิดครับ...ท่านนายกรัฐมนตรี..ไม่มีวิธีไหนจะทำให้บาปกรรมทั้งหลาย สิ้นสุดลงได้นอกจากวิธีการนี้..เพราะในหนทางที่มีอยู่นั้น..ท่านจะใช้หนทางใด
จะใช้แบบเมษายนปี 2552..พวกเสื้อแดงก็แก้เกมไว้แล้ว..จะใช้วิธีปลอมแดงเข้ามาสร้างเรื่อง..เอารถเมล์ออกมาเผา ทำให้เกิดจลาจล..ก็ไม่ใช่ของง่าย..เพราะ
เสื้อแดง..มาดใหม่ ใช้อยู่คาถาเดียวคือ..ไม่โกรธ-ไม่รุนแรงตั้งบังเกอร์ล่อ..รอเวลาให้เสื้อแดงบุกเข้าไป..เขาก็แค่ล้อมไว้..ไม่ยอมบุกผ่านประตูจะมีประชุมระดับชาติ..เสื้อแดงก็แทบจะไม่ให้ความสนใจ แถมยังใช้จดหมายและคำขอความเห็นใจ..กลายเป็นรัฐซ้อนรัฐ..ครั้นจะใช้...ขบวนการทางศาล..ก็เข้าทางฝ่ายเสื้อแดง..ที่ตะแบงบอกกับคนไทยทั้งชาติ..ว่าประเทศนี้มีไพร่มีผู้ดี...ไพร่ทำอะไรก็ผิด ผู้ดีทำอะไรก็ถูก..เสื้อแดง..ใช้วิธีเลียนแบบ..เสื้อเหลือง..แต่อยู่ในกรอบแห่ง
กฎหมายอย่างเคร่งครัด..เรื่องยึดสนามบินกับยึดทำเนียบ...ที่กลายเป็นเสี้ยนตำเท้าที่บ่งไม่ออกหรือไม่กล้าบ่ง...เพราะกลัวว่าความจริงมันจะทะลักออกมา..ความจริงที่ฝ่ายเสื้อเหลืองครอบครองไว้..ความจริงที่แม้แต่จะโกหกคนก็เชื่อความจริงที่สามารถเปลี่ยนประวัติศาสตร์ชาติไทย..สภาพของประเทศไทยวันนี้ ไม่แตกต่างไปจากสภาพของรัฐบาลของ..ท่านนายกรัฐมนตรี..มันดูทรุดโทรมและวังเวงไปในแทบจะทุกด้าน..ไม่ว่า..การค้า..ความมั่นคง และการเมืองครั้นจะใช้
ทหารเข้ามาปิดล้อมและนำตัวม็อบหรือแกนนำม็อบไปดำเนินคดี..ก็สุดปัญญาที่จะทายคาดผลที่ยาวนานออกไปในวันหน้า..หากมีการต่อสู้เกิดขึ้น..คำว่าไพร่กับผู้ดี..มันมีอยู่ในกองทัพหรือไม่...และที่สำคัญที่สุดนั้น..ทหารจะสังหารประชาชนได้นานแค่ไหน..โดยเฉพาะประชาชนคนมือเปล่าและส่วนใหญ่คือผู้หญิง นานแค่ไหนที่ทหารส่วนใหญ่...จะชักชวนกันปฏิเสธคำสั่ง..และหันข้างมาอยู่ฝ่ายประชาชนมองดูทุกรูปทุกแบบแล้ว คือกันไปทั่วทุกเหลี่ยมทุกๆ มุมแล้ว..เหลือ
อยู่ทางเดียว..คือยุบสภา..แล้วไปสู้กันในเรื่องศรัทธาประชาชนศรัทธา..ที่จะเปลี่ยนมาเป็นคะแนนเสียงให้กับฝ่ายชนะ..และ..ศรัทธาของประชาชน..ในระบอบประชาธิปไตย..ศรัทธาที่เป็น..ลมหายใจของ..ประเทศในโลกเสรียุบสภา...รักษาชาติรักษาแผ่นดินเอาไว้...ก่อนที่คำว่า “ไพร่” กับ “อำมาตย์” จะพาชาติ..แยกแตกเป็นเสี่ยงๆ
ที่มา.พญาไม้ทูเดย์พญาไม้
************************************************
จะใช้แบบเมษายนปี 2552..พวกเสื้อแดงก็แก้เกมไว้แล้ว..จะใช้วิธีปลอมแดงเข้ามาสร้างเรื่อง..เอารถเมล์ออกมาเผา ทำให้เกิดจลาจล..ก็ไม่ใช่ของง่าย..เพราะ
เสื้อแดง..มาดใหม่ ใช้อยู่คาถาเดียวคือ..ไม่โกรธ-ไม่รุนแรงตั้งบังเกอร์ล่อ..รอเวลาให้เสื้อแดงบุกเข้าไป..เขาก็แค่ล้อมไว้..ไม่ยอมบุกผ่านประตูจะมีประชุมระดับชาติ..เสื้อแดงก็แทบจะไม่ให้ความสนใจ แถมยังใช้จดหมายและคำขอความเห็นใจ..กลายเป็นรัฐซ้อนรัฐ..ครั้นจะใช้...ขบวนการทางศาล..ก็เข้าทางฝ่ายเสื้อแดง..ที่ตะแบงบอกกับคนไทยทั้งชาติ..ว่าประเทศนี้มีไพร่มีผู้ดี...ไพร่ทำอะไรก็ผิด ผู้ดีทำอะไรก็ถูก..เสื้อแดง..ใช้วิธีเลียนแบบ..เสื้อเหลือง..แต่อยู่ในกรอบแห่ง
กฎหมายอย่างเคร่งครัด..เรื่องยึดสนามบินกับยึดทำเนียบ...ที่กลายเป็นเสี้ยนตำเท้าที่บ่งไม่ออกหรือไม่กล้าบ่ง...เพราะกลัวว่าความจริงมันจะทะลักออกมา..ความจริงที่ฝ่ายเสื้อเหลืองครอบครองไว้..ความจริงที่แม้แต่จะโกหกคนก็เชื่อความจริงที่สามารถเปลี่ยนประวัติศาสตร์ชาติไทย..สภาพของประเทศไทยวันนี้ ไม่แตกต่างไปจากสภาพของรัฐบาลของ..ท่านนายกรัฐมนตรี..มันดูทรุดโทรมและวังเวงไปในแทบจะทุกด้าน..ไม่ว่า..การค้า..ความมั่นคง และการเมืองครั้นจะใช้
ทหารเข้ามาปิดล้อมและนำตัวม็อบหรือแกนนำม็อบไปดำเนินคดี..ก็สุดปัญญาที่จะทายคาดผลที่ยาวนานออกไปในวันหน้า..หากมีการต่อสู้เกิดขึ้น..คำว่าไพร่กับผู้ดี..มันมีอยู่ในกองทัพหรือไม่...และที่สำคัญที่สุดนั้น..ทหารจะสังหารประชาชนได้นานแค่ไหน..โดยเฉพาะประชาชนคนมือเปล่าและส่วนใหญ่คือผู้หญิง นานแค่ไหนที่ทหารส่วนใหญ่...จะชักชวนกันปฏิเสธคำสั่ง..และหันข้างมาอยู่ฝ่ายประชาชนมองดูทุกรูปทุกแบบแล้ว คือกันไปทั่วทุกเหลี่ยมทุกๆ มุมแล้ว..เหลือ
อยู่ทางเดียว..คือยุบสภา..แล้วไปสู้กันในเรื่องศรัทธาประชาชนศรัทธา..ที่จะเปลี่ยนมาเป็นคะแนนเสียงให้กับฝ่ายชนะ..และ..ศรัทธาของประชาชน..ในระบอบประชาธิปไตย..ศรัทธาที่เป็น..ลมหายใจของ..ประเทศในโลกเสรียุบสภา...รักษาชาติรักษาแผ่นดินเอาไว้...ก่อนที่คำว่า “ไพร่” กับ “อำมาตย์” จะพาชาติ..แยกแตกเป็นเสี่ยงๆ
ที่มา.พญาไม้ทูเดย์พญาไม้
************************************************
"เพื่อไทย"เล็งออกโรดแมพ เสนอแนวทางแก้วิกฤติชาติ
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประธานคณะทำงานประสานงานศูนย์ช่วยเหลือดูแลความปลอดภัยของประชาชน (ศชปป.) หรือ วอร์รูม กล่าวว่า ในวันนี้ (6 เม.ย.) ซึ่งเป็นวันจักรี แต่เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองยังวิกฤติจำเป็นต้องประชุมหารือร่วมกัน โดยทางพรรคเพื่อไทยได้นัดประชุม ส.ส.และคณะกรรมการบริหารพรรค ในเวลา 14.00 น. เพื่อตัดสินใจถึงการแก้ไขวิกฤติทางการเมืองโดยเฉพาะประเด็นการยุบสภา ทั้งนี้จะมีองค์กรต่างๆ เข้าร่วมให้ความเห็นต่อการประชุมของพรรค และเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะได้แสดงจุดยืนคำอธิบายชัดเจนทุกด้านคล้าย ๆ โรดแมพ ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ออกมา
รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ประชุมคณะทำงานยุทธศาสตร์ฯของพรรคเพื่อไทย มีหลายเรื่องที่ไม่สบายใจและมีคำเสนอแนะไปยังรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1.พรรคไม่สบายใจที่รัฐบาลมองกลุ่มคนเสื้อแดงที่มาชุมนุมเป็นศัตรู เพราะรัฐบาลพูดมาตลอดเหมือนเสื้อแดงเป็นศัตรูซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดี
2.ไม่สบายใจที่รัฐบาลเพิ่มการโฆษณาชวนเชื่อว่าเสื้อแดงไม่ดี เป็นคนเลว เป็นกลุ่มที่เป็นภัยทางสังคมและกล่าวหาว่ามีวัตถุประสงค์มุ่งร้ายต่อสถาบัน
3.เมื่อใดที่รัฐบาลตัดสินใจ คิดสลายการชุมนุมโดยการทำร้ายประชาชน ทาง ส.ส.และสมาชิกพรรคจะต่อต้านรัฐบาลทุกรูปแบบ
4.ขอให้รัฐบาลส่งกำลังทหาร กลับกรม กอง เพื่อกองทัพได้ทำหน้าที่ป้องกันอธิปไตยได้เต็มกำลังความสามารถ เพราะไม่มีเหตุผลที่รัฐบาลจะคงกำลังทหารไว้ในกรุงเทพฯ จำนวน 7 หมื่นนาย ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์
5.กรณีที่มีคดีความ พรรคเพื่อไทยขอร้องให้กระบวนการยุติธรรมให้ความยุติธรรมกับคนเสื้อแดงอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องไม่มีสองมาตรฐาน แต่ต้องทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกับฝ่ายอื่น โดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อเหลือง หรือกลุ่มพันธมิตรฯ
6.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาความแยกแตกของคนชาติโดยเร็วโดยการยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนทันที
7.พรรคเพื่อไทย เห็นว่าการรื้อฟื้นการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับคนเสื้อแดง จะลดความรุนแรงด้วยการเจรจาได้ดีที่สุด หากปล่อยให้สถานการณ์สุกงอมอาจเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรง อาจเกิดมิคสัญญีขึ้นในบ้านเมืองได้
ที่มา.ข่าวเพื่อไทย
**************************************************
รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ประชุมคณะทำงานยุทธศาสตร์ฯของพรรคเพื่อไทย มีหลายเรื่องที่ไม่สบายใจและมีคำเสนอแนะไปยังรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1.พรรคไม่สบายใจที่รัฐบาลมองกลุ่มคนเสื้อแดงที่มาชุมนุมเป็นศัตรู เพราะรัฐบาลพูดมาตลอดเหมือนเสื้อแดงเป็นศัตรูซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดี
2.ไม่สบายใจที่รัฐบาลเพิ่มการโฆษณาชวนเชื่อว่าเสื้อแดงไม่ดี เป็นคนเลว เป็นกลุ่มที่เป็นภัยทางสังคมและกล่าวหาว่ามีวัตถุประสงค์มุ่งร้ายต่อสถาบัน
3.เมื่อใดที่รัฐบาลตัดสินใจ คิดสลายการชุมนุมโดยการทำร้ายประชาชน ทาง ส.ส.และสมาชิกพรรคจะต่อต้านรัฐบาลทุกรูปแบบ
4.ขอให้รัฐบาลส่งกำลังทหาร กลับกรม กอง เพื่อกองทัพได้ทำหน้าที่ป้องกันอธิปไตยได้เต็มกำลังความสามารถ เพราะไม่มีเหตุผลที่รัฐบาลจะคงกำลังทหารไว้ในกรุงเทพฯ จำนวน 7 หมื่นนาย ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์
5.กรณีที่มีคดีความ พรรคเพื่อไทยขอร้องให้กระบวนการยุติธรรมให้ความยุติธรรมกับคนเสื้อแดงอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องไม่มีสองมาตรฐาน แต่ต้องทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกับฝ่ายอื่น โดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อเหลือง หรือกลุ่มพันธมิตรฯ
6.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาความแยกแตกของคนชาติโดยเร็วโดยการยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนทันที
7.พรรคเพื่อไทย เห็นว่าการรื้อฟื้นการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับคนเสื้อแดง จะลดความรุนแรงด้วยการเจรจาได้ดีที่สุด หากปล่อยให้สถานการณ์สุกงอมอาจเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรง อาจเกิดมิคสัญญีขึ้นในบ้านเมืองได้
ที่มา.ข่าวเพื่อไทย
**************************************************
ทักษิณแจงงดลิงก์ ไม่ได้ป่วย ให้แดงสู้เพื่อปชต.
พ.ต.ท.ทักษิณ ทวิตเตอร์ชี้แจง ไม่ได้วิดีโอลิงก์ช่วงนี้ เนื่องจากต้องการให้เป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยล้วนๆ ยันไม่ได้เจ็บป่วย แข็งแรงดี ขณะ บรรยากาศการชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบ...
เมื่อคืนวันที่ 6 เม.ย. ที่ผ่านมา บรรยากาศการชุมนุมของคนเสื้อแดง ที่แยกราชประสงค์ และ สะพานผ่านฟ้าฯ เป็นไปด้วยความสงบ แม้ว่าแกนนำ มีการบอกว่าอาจมีการสลายการชุมนุม แต่ก็ไม่ได้มีการดำเนินการของเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แจ้งว่าเป็นไข้หวัดและเจ็บคอ ขอไม่วิดีโอลิงก์มาพูดกับผู้ชุมนุมในคืนนี้ (6เม.ย.)
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. ตามเวลาประเทศไทย วันที่ 7 เม.ย. พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทวิตเตอร์ ระบุว่า "ผมต้องขออภัยท่ีไม่ค่อยได้ปราศัยช่วงนี้ ไม่ได้เจ็บป่วยอะไรหรอกครับ ผมแข็งแรงดี แต่อยากให้เวทีเป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและความยุติธรรม ล้วนๆ"
ส่วนที่ จ.ร้อยเอ็ด เวลา 21.30 น. วันที่ 6 เม.ย. คนเสื้อแดงร้อยเอ็ดได้ตั้งเวที ติดตั้งเครื่องขยายเสียงกำลังสูง พร้อมจอและโปรเจคเตอร์ เพื่อถ่ายทอดเสียงและภาพการชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ และสี่แยกราชกระสงค์ ให้คนเสื้อแดงรอยเอ็ดดู สลับกับการให้แกนนำปราศรัยโจมตีรัฐบาล เพื่อรอคนเสื้อแดงจากต่างอำเภอเดินทางมาสมทบการชุมนุม ซึ่งเป็นปรากฏว่า มีคนเสื้อแดงจาก อ.อาจสามารถ มาจำนวนมากที่สุดรวมจำนวนกว่า 300 คน
ที่มา. Pitakthai.com
***********************************************
เมื่อคืนวันที่ 6 เม.ย. ที่ผ่านมา บรรยากาศการชุมนุมของคนเสื้อแดง ที่แยกราชประสงค์ และ สะพานผ่านฟ้าฯ เป็นไปด้วยความสงบ แม้ว่าแกนนำ มีการบอกว่าอาจมีการสลายการชุมนุม แต่ก็ไม่ได้มีการดำเนินการของเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แจ้งว่าเป็นไข้หวัดและเจ็บคอ ขอไม่วิดีโอลิงก์มาพูดกับผู้ชุมนุมในคืนนี้ (6เม.ย.)
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. ตามเวลาประเทศไทย วันที่ 7 เม.ย. พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทวิตเตอร์ ระบุว่า "ผมต้องขออภัยท่ีไม่ค่อยได้ปราศัยช่วงนี้ ไม่ได้เจ็บป่วยอะไรหรอกครับ ผมแข็งแรงดี แต่อยากให้เวทีเป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและความยุติธรรม ล้วนๆ"
ส่วนที่ จ.ร้อยเอ็ด เวลา 21.30 น. วันที่ 6 เม.ย. คนเสื้อแดงร้อยเอ็ดได้ตั้งเวที ติดตั้งเครื่องขยายเสียงกำลังสูง พร้อมจอและโปรเจคเตอร์ เพื่อถ่ายทอดเสียงและภาพการชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ และสี่แยกราชกระสงค์ ให้คนเสื้อแดงรอยเอ็ดดู สลับกับการให้แกนนำปราศรัยโจมตีรัฐบาล เพื่อรอคนเสื้อแดงจากต่างอำเภอเดินทางมาสมทบการชุมนุม ซึ่งเป็นปรากฏว่า มีคนเสื้อแดงจาก อ.อาจสามารถ มาจำนวนมากที่สุดรวมจำนวนกว่า 300 คน
ที่มา. Pitakthai.com
***********************************************
วันอังคารที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2553
“ ร้อยแสนล้านศรัตาวุธรัฐบาลอันธพาล ฤาจักอาจต้านพลังมหาประชาชน”
การต่อสู้ของคนเสื้อ แดง คงมิใช่เพียง 20 กว่าวันในพื้นที่ใจกลางเมืองหลวงปัจจุบันเท่านั้น แต่คนเสื้อแดงได้เริ่มต้นการต่อสู้ ตั้งแต่ภายหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ท่ามกลางคนเสื้อแดงที่หลากหลาย แต่มีเป้าหมายเดียวกัน เพื่อ “ประชาธิปไตย”
เพื่อโค่น “อำมาตยาธิปไตย”
การต่อสู้ของคน เสื้อแดง ภายใต้การนำของแนวร่วมประชาชนต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช) นั้นนอกจาก ประกอบด้วย สมาชิกนปช. พรรคเพื่อไทย แล้วยังประกอบด้วย ผู้มีหัวใจสีแดงอิสระจากพรรคเพื่อไทย เช่น สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท) กรรมกรแดงเพื่อประชาธิปไตย สมาคมชาวนา กลุ่มรถสิบล้อ เครือข่ายชาวนาต่างๆ คนชั้นกลาง นักธุรกิจ พระสงฆ์ที่รักชาติรักประชาธิปไตยและอีกมากมาย ที่ก่อตัวเป็น คนเสื้อแดง ไพร่ผู้ทระนง ทวงถามถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ว่าคนเราเท่ากัน
ความ หมายทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของคนเสื้อแดง นั้นเป็นการต่อสู้เพื่อสืบสานภารกิจเจตนารมณ์ของคณะราษฎร ที่ได้ผลิดอออกผลไว้เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 โดยมี ปรีดี พนมยงค์เป็นผู้นำคณะราษฎร เมื่อ 77 กว่าปี
แนวทางการต่อสู้ของคนเสื้อแดง ประกาศก้องชัดเจนว่า สันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ
เป็นการ ต่อสู้ด้วยสองมืออันว่างเปล่า เหมือนเฉกเช่นประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชน เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2516 และเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535
การต่อสู้ของคนเสื้อแดง เป็นการต่อสู้เพื่ออนาคตของสังคมไทย หาใช่เพียงปัจจุบันสมัยแต่อย่างใด
พวก เขาคนเสื้อแดง จึงยืนหยัดต่อสู้ แม้จะยาวนาน พร้อมเหน็ดเหนื่อย เผชิญกับความยากลำบาก อดทนกับอากาศที่ร้อนระอุ ถิ่นฐานที่หลายคนไม่คุ้นเคย ห้องน้ำที่ระบายทุกข์ส่วนตัวที่ไม่สะดวกสบายนัก
แต่เพราะพวกเขามี “หัวใจสีแดง” หัวใจที่ร้อนรุ่ม เพื่อประชาธิปไตย เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของสังคมไทย เขาจึงเลือกที่จะสู้
การ เสียสละของคนเสื้อแดง จึงสมควรยกย่อง เป็นแบบอย่างให้สังคมไทย ใช่หรือไม่ ?
แม้พวกเขาไม่ได้มีหน้ามีตาเป็นคนเด่นดังในสังคม แม้พวกเขาส่วนใหญ่ยากจน แม้พวกเขาพูดภาษากรุงเทพฯไม่ชัดคำ แม้พวกเขาไม่ได้ใส่น้ำหอมในเนื้อตัว แม้พวกเขาผิวไม่ขาวโปร่ง แม้พวกเขาไม่ได้มียศถาบรรดาศักดิ์
แต่ไพร่อย่างพวกเขาล้วนมีจิตใจ กล้าสู้กล้าเสียสละ เฉกเช่น จิตใจที่กล้าหาญของ “ลุงนวมทอง ไพรวัลย์” แท็กซี่เพื่อประชาธิปไตย ผู้ซึ่งเสียสละแม้กระทั่งชีวิต ที่มิอาจมีชีวิตมีลมหายใจอยู่ได้ในสังคมที่ปกครองโดยเผด็จการอำมาตย์ทหาร ปัจจุบัน
และมีแต่คนไร้ซึ่งหัวใจประชาธิปไตยเท่านั้น ที่ปฏิเสธอำนาจอธิปไตยต้องเป็นของประชาชน
มีแต่คนรักชอบอำมาตย์ นิยมเผด็จการ ชื่นชมการแบ่งชั้นทางสังคมเท่านั้น ที่เมินเฉยและต่อต้านการต่อสู้ของคนเสื้อแดง
อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์การเมืองไทยและทั่วโลกก็บ่งบอกให้รู้ว่า เมื่อใดที่ประชาชนทำการต่อต้านต่อสู้กับรัฐและผู้ปกครอง เมื่อนั้นรัฐและผู้ปกครองย่อมมีวิธีการกลยุทธ์ คุกคาม ทำลาย และปราบปราม ด้วยเช่นกัน
รัฐอภิสิทธิ์ปัจจุบัน นอกจากมีสื่อมวลชนทั้งของรัฐ ของเอกชน และของสาธารณะ ที่ใช้กลยุทธการสื่อสารครอบงำผู้คนในสังคมเพื่อทำลายความชอบธรรมของคนเสื้อ แดงแล้ว
รัฐอภิสิทธิ์ ยังได้หยิบกฎหมายความมั่นคงที่ออกสมัยรัฐบาลของคณะรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 มาใช้เพื่อข่มขู่ คุกคาม ปราบปราม พร้อมบอกว่าจะประกาศภาวะฉุกเฉิน กฎอัยการศึกและได้ประกาศต่อสาธารณว่า คนเสื้อแดงทำผิดกฎหมาย ให้ข่าวใส่ร้ายว่าคนเสื้อแดงทำให้คนกรุงเทพฯเดือดร้อน ป้ายสีว่าสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศ สร้างภาพลักษณ์ให้คนเสื้อแดง เป็นผู้ร้าย เป็นดั่งปีศาจเพื่อให้ทั้งคนเสื้อแดง และไม่แดง เกิดความกลัว
แต่ สำหรับคนเสื้อแดงแล้ว เขาหาเป็นเช่นนั้นไม่
คนเสื้อแดง เขายังคงยืนหยัดต่อสู้ เพื่อความยุติธรรม เพื่อความใฝ่ฝันของพวกเขาอย่างสุดจิตสุดใจ ด้วยแนวทาง “สันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ” ตามสิทธิเสรีภาพของระบอบประชาธิปไตย
ขณะที่รัฐ อภิสิทธิ์ ก็เปิดทางใช้ให้เครือข่ายอำมาตย์ เช่น กลุ่มคนเสื้อสีชมพู กลุ่ม 40 สมาชิกวุฒิสภา นักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย สภาหอการค้า และอื่นๆ ซึ่งเป็นอดีตเป็นคนเสื้อเหลือง ผู้มีจุดยืนเอารัฐประหาร นิยมอำมาตย์ ไม่เอาประชาธิปไตย ได้เรียงแถวเข้าพบ และยังได้ ใช้กลไกองค์กรที่ตนเองผ่านงบประมาณออกมา เช่น สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน สภาองค์กรชุมชน เครือข่ายพลเมืองคนกรุงเทพฯ องค์กรพัฒนาเอกชนบางคนบางส่วน และอื่นๆ
เพื่อแสดงบทบาทไม่ให้รัฐบาลยุบสภา ตามข้อเรียกร้องของคนเสื้อแดง ทั้งโดยตรงและซ่อนเงื่อน
ณ เวลานี้ นายอภิสิทธิ์ จึงค่อนมาทางไม่ยุบสภา แม้เคยเสนอว่าจะยุบภายใน 9 เดือนก็ตาม
ฤา สังคมไทย มิอาจหลีกเลี่ยง สงครามทางชนชั้นได้ ?
ระหว่าง ไพร่กับอำมาตย์ ระหว่างประชาธิปไตยกับอำมาตยาธิปไตย
วิญญูชนทั้ง หลาย อย่าปล่อยให้รัฐอำมาตย์เหิมเกริมต่ออำนาจเพื่อขจัดคนเสื้อแดง จงร่วมแรงร่วมใจร่วมสนับสนุน การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของคนเสื้อแดงกันเถิด
เพราะ ประชาธิปไตย คืออนาคตของสังคมไทย
“ ร้อยแสนล้านศรัตาวุธรัฐบาลอันธพาล ฤาจักอาจต้านพลังมหาประชาชน”
“โค่น อำมาตย์ลงไป ประชาไท จงเจริญ”
Posted by นักข่าวชาวรากหญ้า
*************************************************
เพื่อโค่น “อำมาตยาธิปไตย”
การต่อสู้ของคน เสื้อแดง ภายใต้การนำของแนวร่วมประชาชนต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช) นั้นนอกจาก ประกอบด้วย สมาชิกนปช. พรรคเพื่อไทย แล้วยังประกอบด้วย ผู้มีหัวใจสีแดงอิสระจากพรรคเพื่อไทย เช่น สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท) กรรมกรแดงเพื่อประชาธิปไตย สมาคมชาวนา กลุ่มรถสิบล้อ เครือข่ายชาวนาต่างๆ คนชั้นกลาง นักธุรกิจ พระสงฆ์ที่รักชาติรักประชาธิปไตยและอีกมากมาย ที่ก่อตัวเป็น คนเสื้อแดง ไพร่ผู้ทระนง ทวงถามถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ว่าคนเราเท่ากัน
ความ หมายทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของคนเสื้อแดง นั้นเป็นการต่อสู้เพื่อสืบสานภารกิจเจตนารมณ์ของคณะราษฎร ที่ได้ผลิดอออกผลไว้เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 โดยมี ปรีดี พนมยงค์เป็นผู้นำคณะราษฎร เมื่อ 77 กว่าปี
แนวทางการต่อสู้ของคนเสื้อแดง ประกาศก้องชัดเจนว่า สันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ
เป็นการ ต่อสู้ด้วยสองมืออันว่างเปล่า เหมือนเฉกเช่นประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชน เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2516 และเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535
การต่อสู้ของคนเสื้อแดง เป็นการต่อสู้เพื่ออนาคตของสังคมไทย หาใช่เพียงปัจจุบันสมัยแต่อย่างใด
พวก เขาคนเสื้อแดง จึงยืนหยัดต่อสู้ แม้จะยาวนาน พร้อมเหน็ดเหนื่อย เผชิญกับความยากลำบาก อดทนกับอากาศที่ร้อนระอุ ถิ่นฐานที่หลายคนไม่คุ้นเคย ห้องน้ำที่ระบายทุกข์ส่วนตัวที่ไม่สะดวกสบายนัก
แต่เพราะพวกเขามี “หัวใจสีแดง” หัวใจที่ร้อนรุ่ม เพื่อประชาธิปไตย เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของสังคมไทย เขาจึงเลือกที่จะสู้
การ เสียสละของคนเสื้อแดง จึงสมควรยกย่อง เป็นแบบอย่างให้สังคมไทย ใช่หรือไม่ ?
แม้พวกเขาไม่ได้มีหน้ามีตาเป็นคนเด่นดังในสังคม แม้พวกเขาส่วนใหญ่ยากจน แม้พวกเขาพูดภาษากรุงเทพฯไม่ชัดคำ แม้พวกเขาไม่ได้ใส่น้ำหอมในเนื้อตัว แม้พวกเขาผิวไม่ขาวโปร่ง แม้พวกเขาไม่ได้มียศถาบรรดาศักดิ์
แต่ไพร่อย่างพวกเขาล้วนมีจิตใจ กล้าสู้กล้าเสียสละ เฉกเช่น จิตใจที่กล้าหาญของ “ลุงนวมทอง ไพรวัลย์” แท็กซี่เพื่อประชาธิปไตย ผู้ซึ่งเสียสละแม้กระทั่งชีวิต ที่มิอาจมีชีวิตมีลมหายใจอยู่ได้ในสังคมที่ปกครองโดยเผด็จการอำมาตย์ทหาร ปัจจุบัน
และมีแต่คนไร้ซึ่งหัวใจประชาธิปไตยเท่านั้น ที่ปฏิเสธอำนาจอธิปไตยต้องเป็นของประชาชน
มีแต่คนรักชอบอำมาตย์ นิยมเผด็จการ ชื่นชมการแบ่งชั้นทางสังคมเท่านั้น ที่เมินเฉยและต่อต้านการต่อสู้ของคนเสื้อแดง
อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์การเมืองไทยและทั่วโลกก็บ่งบอกให้รู้ว่า เมื่อใดที่ประชาชนทำการต่อต้านต่อสู้กับรัฐและผู้ปกครอง เมื่อนั้นรัฐและผู้ปกครองย่อมมีวิธีการกลยุทธ์ คุกคาม ทำลาย และปราบปราม ด้วยเช่นกัน
รัฐอภิสิทธิ์ปัจจุบัน นอกจากมีสื่อมวลชนทั้งของรัฐ ของเอกชน และของสาธารณะ ที่ใช้กลยุทธการสื่อสารครอบงำผู้คนในสังคมเพื่อทำลายความชอบธรรมของคนเสื้อ แดงแล้ว
รัฐอภิสิทธิ์ ยังได้หยิบกฎหมายความมั่นคงที่ออกสมัยรัฐบาลของคณะรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 มาใช้เพื่อข่มขู่ คุกคาม ปราบปราม พร้อมบอกว่าจะประกาศภาวะฉุกเฉิน กฎอัยการศึกและได้ประกาศต่อสาธารณว่า คนเสื้อแดงทำผิดกฎหมาย ให้ข่าวใส่ร้ายว่าคนเสื้อแดงทำให้คนกรุงเทพฯเดือดร้อน ป้ายสีว่าสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศ สร้างภาพลักษณ์ให้คนเสื้อแดง เป็นผู้ร้าย เป็นดั่งปีศาจเพื่อให้ทั้งคนเสื้อแดง และไม่แดง เกิดความกลัว
แต่ สำหรับคนเสื้อแดงแล้ว เขาหาเป็นเช่นนั้นไม่
คนเสื้อแดง เขายังคงยืนหยัดต่อสู้ เพื่อความยุติธรรม เพื่อความใฝ่ฝันของพวกเขาอย่างสุดจิตสุดใจ ด้วยแนวทาง “สันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ” ตามสิทธิเสรีภาพของระบอบประชาธิปไตย
ขณะที่รัฐ อภิสิทธิ์ ก็เปิดทางใช้ให้เครือข่ายอำมาตย์ เช่น กลุ่มคนเสื้อสีชมพู กลุ่ม 40 สมาชิกวุฒิสภา นักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย สภาหอการค้า และอื่นๆ ซึ่งเป็นอดีตเป็นคนเสื้อเหลือง ผู้มีจุดยืนเอารัฐประหาร นิยมอำมาตย์ ไม่เอาประชาธิปไตย ได้เรียงแถวเข้าพบ และยังได้ ใช้กลไกองค์กรที่ตนเองผ่านงบประมาณออกมา เช่น สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน สภาองค์กรชุมชน เครือข่ายพลเมืองคนกรุงเทพฯ องค์กรพัฒนาเอกชนบางคนบางส่วน และอื่นๆ
เพื่อแสดงบทบาทไม่ให้รัฐบาลยุบสภา ตามข้อเรียกร้องของคนเสื้อแดง ทั้งโดยตรงและซ่อนเงื่อน
ณ เวลานี้ นายอภิสิทธิ์ จึงค่อนมาทางไม่ยุบสภา แม้เคยเสนอว่าจะยุบภายใน 9 เดือนก็ตาม
ฤา สังคมไทย มิอาจหลีกเลี่ยง สงครามทางชนชั้นได้ ?
ระหว่าง ไพร่กับอำมาตย์ ระหว่างประชาธิปไตยกับอำมาตยาธิปไตย
วิญญูชนทั้ง หลาย อย่าปล่อยให้รัฐอำมาตย์เหิมเกริมต่ออำนาจเพื่อขจัดคนเสื้อแดง จงร่วมแรงร่วมใจร่วมสนับสนุน การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของคนเสื้อแดงกันเถิด
เพราะ ประชาธิปไตย คืออนาคตของสังคมไทย
“ ร้อยแสนล้านศรัตาวุธรัฐบาลอันธพาล ฤาจักอาจต้านพลังมหาประชาชน”
“โค่น อำมาตย์ลงไป ประชาไท จงเจริญ”
Posted by นักข่าวชาวรากหญ้า
*************************************************
ทหารมึน! ป่วนกันเอง จยย.ปริศนาจอดใกล้ราบ 11 ส่งชุดกู้ระเบิดเช็ควุ่นวาย ที่แท้เป็นของทหารในค่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 6 เมษายน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่า พบรถจักรยานยนตร์ต้องสงสัยจอดไว้หน้าอาคารพาณิชย์ เลขที่ 104/4-5 บริเวณฝั่งตรงข้ามกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 พัน.2) จึงแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ รุดเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยกำลังทหารจำนวนหนึ่งที่รักษาความปลอดภัยบริเวณนั้น โดยมี พล.ต.อุกฤษณ์ ณรงค์วิทย์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 (ผบ.มทบ.11) ในฐานะ ผบ.เหตุการณ์ ได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบด้วย ที่เกิดเหตุพบจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซุกิ สีเทา ทะเบียน กงว 560 นนทบุรี
ต่อมาเวลา 18.30 น. เจ้าหน้าที่นำสุนัขทหาร และเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเก็บกู้วัตถุระเบิด เข้าตรวจสอบ แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำรถต้องสงสัยไปไว้ที่ สน.บางเขน
กระทั่งเวลา 19.30 น. จ.ส.อ.สมควร วงษ์สุกรรม ทหารสังกัดกรมพลาธิการทหารบก เจ้าของรถจักรยนต์ต้องสงสัยได้เดินทางมาที่เกิดเหตุ โดยระบุว่าได้นำรถจักรยานยนตร์มาจอดไว้ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เพื่อจะติดรถยนต์เพื่อนไปซื้อของย่านรังสิต โดยไม่คิดว่าจะทำให้กลายเป็นประเด็นทำให้คิดว่า เป็นรถต้องสงสัยที่จะสร้างสถานการณ์ เนื่องจากเห็นว่าอาคารที่นำรถไปจอดปิดอยู่ และคิดว่าไม่มีคนอาศัย จากนั้นจึงเดินทางไปยัง สน.บางเขน เพื่อติดต่อขอรถกลับ
ที่มา.มติชนออนไลน์
************************************************
ต่อมาเวลา 18.30 น. เจ้าหน้าที่นำสุนัขทหาร และเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเก็บกู้วัตถุระเบิด เข้าตรวจสอบ แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำรถต้องสงสัยไปไว้ที่ สน.บางเขน
กระทั่งเวลา 19.30 น. จ.ส.อ.สมควร วงษ์สุกรรม ทหารสังกัดกรมพลาธิการทหารบก เจ้าของรถจักรยนต์ต้องสงสัยได้เดินทางมาที่เกิดเหตุ โดยระบุว่าได้นำรถจักรยานยนตร์มาจอดไว้ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เพื่อจะติดรถยนต์เพื่อนไปซื้อของย่านรังสิต โดยไม่คิดว่าจะทำให้กลายเป็นประเด็นทำให้คิดว่า เป็นรถต้องสงสัยที่จะสร้างสถานการณ์ เนื่องจากเห็นว่าอาคารที่นำรถไปจอดปิดอยู่ และคิดว่าไม่มีคนอาศัย จากนั้นจึงเดินทางไปยัง สน.บางเขน เพื่อติดต่อขอรถกลับ
ที่มา.มติชนออนไลน์
************************************************
"เสธ.แดง"รับผ่านหน้า ปชป.อ้างจะไปรับ "ไตรรงค์"
พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก กล่าวถึงกระแสข่าวว่า อยู่ในที่เกิดเหตุขณะที่เกิดเหตุระเบิดที่พรรคประชาธิปัตย์ว่า เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ตนได้ผ่านบริเวณพรรคประชาธิปัตย์จริง โดยนั่งรถยนต์ส่วนบุคคลขับมาจากด้านหน้ากรมยุทธศึกษาเลี้ยวขวาข้ามทางรถไฟสามเสน ผ่านหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยก่อนจะผ่านหน้าพรรคได้เปิดกระจกทักทายเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ และขอให้ระวังตัวเพราะทัพของนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช.กำลังจะเคลื่อนมาบุกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นหนึ่งใน สองเป้าหมายที่ นายอริสมันต์ จะไปบุก คือพรรคประชาธิปัตย์ และ บ้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
“ ความผมเป็นห่วงท่านไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองงนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นนายเก่าที่เคารพรัก จึงอยากแวะเข้าไปรับท่านออกมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่อยากให้ถูกฆ่าทิ้ง เมื่อทัพแดงของนายอริสมันต์ บุกไปถึง แต่รู้ว่า ไม่มีผู้ใหญ่อยู่ที่พรรค พอไปถึงก็ทักทายตำรวจที่ทำหน้าที่แถวนั้น ตำรวจก็มารุมรถยนต์ เพราะชอบ เสธ.แดง จากนั้นผมก็ขับรถผ่านหน้าที่ทำการพรรค มุ่งหน้าไปที่ แยกราชประสงค์ ต่อมาอีก 2 ชั่วโมง จึงเกิดระเบิดขึ้นที่พรรค ส่วนจะเป็นฝีมือพวกไหนนั้น คงพูดยาก แต่น่าจะเป็นกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ที่ไม่พอใจ สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ไม่รู้จักบุญคุณ เอ็ม 79 ที่ไล่พันธมิตรฯ ออกจากทำเนียบฯ และ ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็นรัฐบาล รวมถึงทำให้นายสุเทพ ได้เป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ดังนั้นเมือมีพวกทอดกฐินพี่เอ็มมา จึงให้ พี่เอ็มคืนกลับไปกับพี่เทพ เป็นการตอบแทน สมน้ำหน้า นี่ถือว่าน้อยไป ”
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า วิธีทางแก้ไขสถานการณ์ให้กรุงเทพ ฯ ไม่มีระเบิด โดย นายสุเทพ ต้องลงนาม ปลด 3 คน คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ต.ท.สัณฐาน ชยานนท์ ผบช.น. พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบ.บชก. เพราะคนพวกนี้ ใช้กำลังในการทหารและ ตำรวจออกมาเผชิญหน้ากับประชาชน จากนั้น นายสุเทพ ต้องลงนามปลดตัวเองออกจากตำแหน่ง พอลงนามเสร็จระเบิดก็จะหมดจากกรุงเทพ ฯ
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
************************************************
“ ความผมเป็นห่วงท่านไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองงนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นนายเก่าที่เคารพรัก จึงอยากแวะเข้าไปรับท่านออกมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่อยากให้ถูกฆ่าทิ้ง เมื่อทัพแดงของนายอริสมันต์ บุกไปถึง แต่รู้ว่า ไม่มีผู้ใหญ่อยู่ที่พรรค พอไปถึงก็ทักทายตำรวจที่ทำหน้าที่แถวนั้น ตำรวจก็มารุมรถยนต์ เพราะชอบ เสธ.แดง จากนั้นผมก็ขับรถผ่านหน้าที่ทำการพรรค มุ่งหน้าไปที่ แยกราชประสงค์ ต่อมาอีก 2 ชั่วโมง จึงเกิดระเบิดขึ้นที่พรรค ส่วนจะเป็นฝีมือพวกไหนนั้น คงพูดยาก แต่น่าจะเป็นกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ที่ไม่พอใจ สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ไม่รู้จักบุญคุณ เอ็ม 79 ที่ไล่พันธมิตรฯ ออกจากทำเนียบฯ และ ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็นรัฐบาล รวมถึงทำให้นายสุเทพ ได้เป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ดังนั้นเมือมีพวกทอดกฐินพี่เอ็มมา จึงให้ พี่เอ็มคืนกลับไปกับพี่เทพ เป็นการตอบแทน สมน้ำหน้า นี่ถือว่าน้อยไป ”
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า วิธีทางแก้ไขสถานการณ์ให้กรุงเทพ ฯ ไม่มีระเบิด โดย นายสุเทพ ต้องลงนาม ปลด 3 คน คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ต.ท.สัณฐาน ชยานนท์ ผบช.น. พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบ.บชก. เพราะคนพวกนี้ ใช้กำลังในการทหารและ ตำรวจออกมาเผชิญหน้ากับประชาชน จากนั้น นายสุเทพ ต้องลงนามปลดตัวเองออกจากตำแหน่ง พอลงนามเสร็จระเบิดก็จะหมดจากกรุงเทพ ฯ
ที่มา.เนชั่นทันข่าว
************************************************
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)