แค่จะทวงฎีกา ยังออกมา มืดฟ้ามัวดิน
นับเป็นความสำเร็จอีกครั้งหนึ่ง ในจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่เสื้อแดงริอ่านจัดชุมนุมเป็นต้นมา เมื่อจะทวงถามฎีกากันทั้งที มันก็ต้องมีแสดงอิทธิฤทธิ์กันนิดหน่อย เพื่อที่ว่าคนแก่จะได้เลือดลมสูบฉีด หูตาสว่างโร่เป็นตาตั๊กแตน นี่ขนาดว่า ไม่มีการตีฆ้องร้องป่าว
แค่สะกิดเบาๆ ยังแห่กันมามืดฟ้ามัวดิน
เหมือนจะกระชากอารมณ์อิจฉา ของคนแก่ที่ไม่รู้จักคำว่าปล่อยวาง ให้พุ่งปรี๊ดฉีดกระฉูดจนหน้าแดงก่ำ แถมยังตอกย้ำด้วยคำพูดเรียบๆ ของนายกฯขวัญใจประชาชนว่า เสียดายที่ไม่ได้วิดีโอลิ้งค์เข้ามาดูความยิ่งใหญ่
เพราะต้องรีบขึ้นเครื่องไปดูเพชรเม็ดใหม่ ที่เพิ่งขุดขึ้นมา
แต่ถึงยังไง งานนี้ก็ต้องให้เครดิตป๋าไปเต็มๆ ที่อุตส่าห์ช่วยฟูมฟักเสื้อแดงจนเติบใหญ่มา จวบจนเท่าทุกวันนี้ เพราะป๋าแท้ๆที่ช่วยเสือกไสไล่ส่ง ประชาชนทั้งหลายให้มากองรวมกัน ที่ฝั่งฟากเสื้อแดง ด้วยการตอกย้ำระบบยุติธรรม 2 มาตรฐาน จนชาวบ้านเขาเหลืออด ต้องตะโกนออกมาดังๆว่า
พวกมึงทำอะไรไม่เคยผิด แต่พวกกูทำอะไรไม่เคยถูก
ล่าสุดนี้ ยังอุตส่าห์พ่นดอกอุตพิตออกมาจากรูทวารจู๋ๆว่า "การเข้าพรรคเพื่อไทย เป็นการทรยศต่อชาติ" แปลไทยเป็นไทยให้เป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากว่าพรรคเพื่อไทยคือศัตรูของชาติ คนที่จะเข้าพรรคนี้ ถึงต้องระวังว่าจะเป็นการทรยศต่อชาติ
เลยทำให้ศัตรูของชาติ ต้องออกมากันเต็มถนน เมื่อวันที่ 17 ตุลา
ก่อนที่จะมาพลิกลิ้นแผล็บ เมื่อนักข่าวดันไปถามเรื่องด่าลุงจิ๋ว ป๋าบอกไม่ได้พูดว่าทรยศชาติ แต่เตือนว่า จะทำอะไรคิดให้รอบคอบ เพราะอาจจะเป็นการทรยศชาติ
ใครฟังก็ได้แต่นั่งงง ว่ามันต่างกันยังไงหรือป๋า
คนอะไรก็ไม่รู้ ไม่พูดก็ไม่พูด แต่ถ้าพูดออกมาทีไร เป็นต้องได้ฮากันท้องคัดท้องแข็ง อย่างเช่นเรื่องม้ากับจ๊อคกี้ ที่เล่นเอาฮาตรึมสมัยน้าแม้ว จนกระทั่งป่านนี้ ผ่านไปกว่า 3 ปี ยังฮากันไม่เสร็จ
ยังมีวลีเด็ดที่ป๋าฝากเอาไว้เยอะแยะ ถ้าขุดคุ้ยขึ้นมาเดี๋ยวมีฮาอีก อย่างเช่นว่า "ป๋าไม่พูดเรื่องการเมือง" แต่ไม่รู้เป็นไง
ไม่ว่าป๋าจะพูดอหิวาต์อะไรออกมา การเมืองเป็นได้เดือดปุดๆ ไปซะทุกที
มิน่าล่ะ ใครๆเขาถึงว่า อาการของโรคที่ป๋าเป็นนั้น มันมีพัฒนาการน่าเป็นห่วง สังเกตุว่าแรกๆป๋าก็แค่ออกมาแหล่ แต่แหล่ไปแหล่มาชักจะเริ่มแหล แล้วแทนที่จะรีบรักษา กลับออกมาแหลเป็นรายวัน
กว่าจะมารู้ตัวอีกที ก็แหลลงตับไปซะแล้ว
คนอย่างลุงจิ๋ว ดีชั่วยังไงแกก็ยังเป็นทหารประชาธิปไตย ขณะที่ทหารประชาธิปไตยครึ่งใบ มันกอดเก้าอี้ผบ.ทบ.แน่น จนกระทั่งเกษียณแล้วยังมีขอต่อวีซ่า แต่ลุงจิ๋วแกกล้าลาออกมันดื้อๆ เพื่อลงมาเล่นการเมือง
เสียอยู่อย่างเดียวว่า แกเป็นทหารที่ซ้ายหันขวาหันไม่เป็น เล่นเอาป๋าเสียวสยองกับแกอยู่ไม่น้อย เพราะถ้าป๋าสั่งซ้ายแกจะไปขวา แต่ถ้าป๋าสั่งขวาแกจะออกซ้าย พอป๋าถามว่าจิ๋วจะหันไปทางไหนเอาให้แน่ ป๋าจะได้สั่งได้ถูก แกกลับปากหวานบอกว่า
แล้วแต่ป๋า สั่งมาได้เลย
ควันหลงจาก 17 ตุลา กระแสคลื่นประชาธิปไตย ที่จะพัดไล่คลื่นเผด็จการ ไปลงนรก มาถึงวันนี้ ชักจะแรงจัด ถึงขนาดเด็กๆยังออกแถลงการณ์ ไม่ให้รัฐบาลใช้ความรุนแรงกับม็อบเสื้อแดง เรียกว่าย้อนเกล็ดพวกเฒ่ากะโหลกกะลา จนหน้าม้านไปตามๆกัน
เพราะขนาดรัฐบาลเด็กดื้อประกาศใช้พรบ.ฉุกเฉินอยู่โครมๆ พวกที่เคยดิ้นพราดๆ ห้ามลุงหมักจัดการกับพันธมิตร ยังนั่งอมสากกันหน้าตาเฉย ขนาดโดนเด็กมันส่งอีเมล์ไปลากคอมาร่วมลงชื่อในแถลงการณ์ ยังทำเป็นหน้ามึน
เลยโดนแฉชื่อออกมาประจานซะเจ็บแสบ ใครเป็นใครคงไปหาดูได้ไม่ยาก แต่ที่แน่ๆแค่เปิดชื่อโคทม อารียา กับสมบัติ ธำรงค์ธัญญวงศ์ ก็เรียกเสียงฮือฮากันอื้ออึง
ส่วนพวกม.นกเขานั้นไม่ต้องไปพูดถึง ขนาดลูกศิษย์ลูกหามาออกแถลงการณ์กันอยู่เหย็งๆ ยังไม่เห็นแม้แต่เงาหัว ไม่รู้ว่าพวกอาจารย์มันไปเลี้ยงนกเขาอยู่ที่ไหน
ต้องฝากบอกไปยัง อธิการบ่ดี คนที่ปากว่าตาขยิบปริ๊บๆคนนั้นว่า อย่าคิดว่าเป็นครูบาอาจารย์แล้ว จะพาชาวบ้านไปลงนรกขุมไหนก็ได้ เพราะประชาชนที่โง่เขลานั้น ถึงจะยังมีอยู่ ก็เหลือน้อยเต็มทีแล้ว
ส่วนใหญ่เขาหูตาสว่างโร่ รู้ว่าใครเป็นใคร ใครทำเนียนเป็นพวกประชาธิปไตย แต่ใจเป็นทาสเผด็จการ ทรยศต่ออุดมการณ์ วิ่งโร่ไปรับใช้อำมาตย์ เพื่อที่จะได้เป็นกรรมการโน่นนี่ ไม่รู้กี่สิบตำแหน่ง สวาปามกันจนพุงปลิ้น
ส่วนคนเฒ่าคนแก่ ที่กำลังใกล้ตาย เจียนอยู่เจียนไปทุกขณะ ถ้ารู้ว่าพลังของประชาชนนั้น เข้มแข็งขนาดไหน ก็อย่าเพิ่งตกใจจนช็อคตายไปซะก่อน ขอให้ท่องเอาไว้ว่า
แม้วจ้างมา..แม้วจ้างมา จะได้นอนตายตาหลับ
วโรทาห์
วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552
วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2552
เสื้อแดงยื่นฟ้อง'ป๋าเปรม'กล่าวหาเพื่อไทยทรยศชาติ
คมชัดลึก : ทนายนปช.ยื่นฟ้องหมิ่น”ป๋าเปรมกล่าวหา”เพื่อไทย”ทรยศชาติ ทำถูกเกลียดชังเสียหาย
(19ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา10.00น.สถานีภูธรอำเภอเมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี นายคารม พลทะกลาง ทนายความกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือนปช. ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดี กับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ในข้อหาหมิ่นประมาท ด้วยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 ประกอบมาตรา 328 จากกรณีที พล.อ.เปรม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลายแขนง มีการกระจายเสียงไปทั่วประเทศว่าการที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นการทรยศต่อชาติ
โดยนายคารม ระบุว่า การพูดของ พล.อ.เปรม เป็นการใส่ความไม่เฉพาะแต่พล.อ.ชวลิต เพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นการใส่ความพรรคเพื่อไทย และสมาชิกของพรรคเพื่อไทยด้วย เพราะทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิดว่าสมาชิกพรรคเพื่อไทยเป็นผู้ทรยศต่อชาติ ซึ่งผู้ร้องทุกข์ก็เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเป็นผู้ที่ทรยศต่อประเทศชาติ ซึ่งทำให้ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชังและได้รับความเสียหายด้วย
อย่างไรก็ตาม นายคารม กล่าวต่อว่า การแสดงความคิดเห็นของ พล.อ.เปรม ยังเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 14 ที่ห้ามไม่ให้องคมนตรีแสดงการฝักใฝ่พรรคการเมืองอีกด้วย
(19ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา10.00น.สถานีภูธรอำเภอเมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี นายคารม พลทะกลาง ทนายความกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือนปช. ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดี กับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ในข้อหาหมิ่นประมาท ด้วยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 ประกอบมาตรา 328 จากกรณีที พล.อ.เปรม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลายแขนง มีการกระจายเสียงไปทั่วประเทศว่าการที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นการทรยศต่อชาติ
โดยนายคารม ระบุว่า การพูดของ พล.อ.เปรม เป็นการใส่ความไม่เฉพาะแต่พล.อ.ชวลิต เพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นการใส่ความพรรคเพื่อไทย และสมาชิกของพรรคเพื่อไทยด้วย เพราะทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิดว่าสมาชิกพรรคเพื่อไทยเป็นผู้ทรยศต่อชาติ ซึ่งผู้ร้องทุกข์ก็เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเป็นผู้ที่ทรยศต่อประเทศชาติ ซึ่งทำให้ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชังและได้รับความเสียหายด้วย
อย่างไรก็ตาม นายคารม กล่าวต่อว่า การแสดงความคิดเห็นของ พล.อ.เปรม ยังเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 14 ที่ห้ามไม่ให้องคมนตรีแสดงการฝักใฝ่พรรคการเมืองอีกด้วย
จตุพร แฉ รมว.คลัง ถือหุ้นบริษัทที่เกาะเคร์แมน

จตุพร ประกาศเคลื่อนไหวต่อ 31 ต.ค. เดินสายนอกเขตพ.ร.บ.มั่นคง ตีปี๊บปมร้อนถล่มนอกสภา แฉ รมว.คลัง ถือหุ้นบริษัทจดทะเบียนเกาะเคย์แมน
"แดง"ตีปี๊บปมร้อนถล่มนอกสภา
ความเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มแนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแห่งชาติ (นปช.) นั้น เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.กล่าวว่า หลังจากวันที่ 24 ตุลาคม จะจัดอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภาที่ห้องประชุมใหญ่อิมพิเรียล ลาดพร้าว จุได้ 2,000 คน มี ส.ส.พท.มาร่วมอภิปรายด้วย เนื้อหาแต่ละเรื่องน่าสนใจ จะพูดถึงเรื่องทุจริตต่างๆ ของรัฐบาล ตั้งแต่เวลา 09.00-24.00 น. ถ้าเนื้อหาเยอะก็จะขยายไปถึงเช้าและอาจยาวจนถึงวันที่ 25 ตุลาคม
"มีทั้งประเด็นโครงการของรัฐบาลทั้งชุมชนพอเพียง คุรุภัณฑ์สาธารณสุข การปลอมปนพันธุ์ข้าว เรื่องในกระทรวงศึกษาธิการ โครงการโดยพรรคภูมิใจไทยที่กระทำผิดรัฐธรรมนูญเพียงเพื่อผลประโยชน์ที่คนไทยนึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้าทำ รวมถึงอีกหลายประเด็นที่เป็นข้อมูลที่ไม่เคยนำมาใช้ในที่ใดมาก่อน อย่างกรณีซาอุดิอาระเบียที่ยังมีหลายมุมที่ไม่ได้พูดกันฟังแล้วน่าตกใจทั้งนั้น" นายจตุพร กล่าว
แฉขุนคลังถือหุ้น บ.เคย์แมน
นายจตุพร กล่าวว่า มุมทุจริตเป็นปัญหาระยะยาวของรัฐบาลไปแล้ว และเมื่อรัฐบาลนี้พ้นไป ยังจะทิ้งปัญหาให้ประเทศไว้มาก ข่าวทุจริตจึงไปกลบเรื่องราวที่รัฐบาลนำเสนอ ทำให้ภาพพจน์ซื่อสัตย์ของนายอภิสิทธิ์หมดไปแล้ว
"มีข้อมูลที่น่าสนใจที่จะอภิปรายคือ กรณีรัฐมนตรีคลังถือหุ้นบริษัทที่จดทะเบียนในเกาะเคแมน ที่เป็นเกาะฟอกเงิน แล้วประเทศจะยุ่งแค่ไหน หากรัฐมนตรีคลังมีหุ้นเสียเอง แล้วยังมีการให้พี่ชายเป็นผู้เข้ามาบริหารจัดการในบริษัทดังกล่าวอีกด้วย โดยเป็นการไปจดทะเบียนที่เกาะเคแมน แล้วมาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เมื่อรัฐมนตรีคลังมีพฤติกรรมการอย่างนี้ ต้องมาชำแหละ" นายจุตพร กล่าวและว่าช่วงท้ายอภิปราย จะให้พ.ต.ท.ทักษิณวิดีโอลิงค์เข้ามาพูดวิพากษ์รัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม ถึงความล้มเหลวในมุมมองต่างๆ ที่เห็นว่ารัฐบาลไม่สามารถนำพาแก้ปัญหาได้
เดินสายจัดงานนอกเขต"มั่นคง"
นายจตุพร กล่าวว่า กิจกรรมต่อไปวันที่ 31 ตุลาคมกลุ่มเสื้อแดงจะจัดทำบุญให้กับนายนวมทอง ไพรวัลย์ คนขับแท๊กซี่ที่เสียชีวิต บริเวณหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐซึ่งเป็นจุดที่เสียชีวิต การประกาศพร.บ.ความมั่นคงของรัฐบาลจะไม่กระทบการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงในช่วงหลังจากนี้ เพราะใช้เพียงแค่เขตดุสิต แต่ตารางกิจกรรมต่างๆ อยู่นอกเขตดุสิตทั้งสิ้น อาทิ เขตวังทองหลาง เขตจตุจักร จึงไม่มีผล
นายจตุพร กล่าวว่า ส่วนการประชุมสุดยอดอาเซียนที่หัวหิน ที่นายอริสมันต์ พูดบนเวทีว่าเตรียมไปยื่นหนังสือแก่ผู้นำอาเซียนที่หัวหินนั้น นายอริสมันต์คุยลักษณะว่าในวันที่ 21 ตุลาคมนี้จะมีการประชุมแกนนำนปช.อีกครั้งว่าจะเห็นอย่างไร ถ้าจะไปก็จะเป็นตัวแทนไปยื่นหนังสือเพียงไม่กี่คน แต่จุดยืนคงเดิมไม่ขวางการประชุม และไม่มีการชุมนุมใดๆในเขตหัวหินและในพื้นที่ประชุม
พท.ยกย่อง"จิ๋ว"นักการเมืองดี
นพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ พท. กล่าวถึงผลสำรวจสวนดุสิตโพลระบุว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าการที่ พล.อ.เปรม เตือน พล.อ.ชวลิต จะจุดกระแสทางการเมืองให้คุกรุ่นขึ้นมาอีกว่า "ที่จริงแล้วเรื่องของการเมืองก็ควรให้นักการเมืองคุยกับนักการเมืองด้วยกัน ท่านเองไม่ควรลงมาเล่นอย่างนี้ และการที่พล.อ.ชวลิตเข้าพท.ก็เพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ ไม่ใช่เป็นการทรยศต่อชาติ"
นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีปชป.หวังว่าพล.อ.ชวลิตจะสำนึกแล้วออกจากพท.นั้นคิดว่าพล.อ.ชวลิตเป็นนักการเมืองที่ดีคนหนึ่ง เป็นคนรับผิดชอบ เมื่อรู้ว่าทำอะไรที่ไม่ดี ก็ลาออกจากตำแหน่งเอง เหมือนสมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรี ที่รู้ว่าไม่สามารถบริหารต่อไปได้ก็ลาออก ต่อไปนักการเมืองไทยควรจะมีลักษณะอย่างนี้เหมือนพล.อ.ชวลิต ซึ่งยกระดับการเมืองและนักการเมืองของไทยขึ้น
"สมชาย"ปลุกแดงชม.สู้2ปม
วันเดียวกัน เวลา 10.30 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานทอดกฐินที่วัดเมืองสาตร ต.หนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยบริษัท เอ็มลิงค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และคณะกฐินสามัคคีกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ พร้อมสมาชิกเสื้อแดงกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ประมาณ 100 คน นำโดยนายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล และนางกัญญาภัค มณีจักร หรือดีเจอ้อม รวมทั้งนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ ได้ยอดเงินกฐินกว่า 4 แสนบาท ซึ่งนายสมชายกล่าวหลังทำพิธีทอดกฐินว่า ตั้งอธิษฐานจิตขอให้บ้านเมืองมีทิศทางไปในทางที่ดี และให้บ้านเมืองสงบสุข
นายเพชรวรรต กล่าวว่า นายสมชายกำชับให้กลุ่มเสื้อแดงกลมเกลียวเคลื่อนไหว มุ่งเน้นเดินหน้าสู้ 2 เรื่อง คือ เรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเอาฉบับปี 2540 มาใช้ และนำ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาให้ได้
กลุ่ม51ต้านแดงเทียมจับมือพธม.
"นอกจากนี้ กลุ่มเสื้อแดงรักเชียงใหม่ 51 ไม่เห็นด้วยกรณีแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) จ.เชียงใหม่ ตกลงจับมือกับกลุ่มเสื้อแดงบางกลุ่ม นำโดยนายมหวรรณ กะวัง ประธานชมรมคนรักทักษิณแห่งประเทศไทย และนายพรหมศักดิ์ แสนโพธิ์ ประธานสมาพันธ์รากหญ้าภาคเหนือ และเตรียมออกแถลงการณ์แสดงเจตนารมณ์ลดความขัดแย้งในพื้นที่ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาเทศกาลยี่เป็งเชียงใหม่ และลดผลกระทบด้านลบต่อการท่องเที่ยวปลายปี เพราะเห็นว่าไม่ใช่กลุ่มเสื้อแดงแท้จึงขอร้องให้ยุติ อย่าไปทำอะไร หากเกิดยังดื้อดึงแล้วเกิดมีกลุ่มเสื้อแดงที่ไม่เห็นด้วยอาจนำไปสู่เหตุการณ์ที่วุ่นวายขึ้นได้ จึงขอเตือนไว้ก่อนว่าอย่าเอาแดงไปหากิน" นายเพชรวรรต ระบุ
ออกหมายเรียกส.ส.พท.พะเยา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภ.เมืองพะเยา ได้อนุมัติหมายเรียก นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย กับพวก 12 คน ซึ่งเป็นแกนนำเสื้อแดงพะเยาที่นำคนมาชุมนุมประท้วงการจัดเวทีทางการเมืองของกลุ่ม พธม.พะเยา ที่ร้านอาหารศรีสกุล เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2552 โดยนายชุมพล ลีลานนท์ ผู้ประสานงานตัวแทนกลุ่ม พธม.พะเยา เป็นเจ้าทุกข์แจ้งความ ในข้อหาความผิดตามกฎหมายอาญา พ.ศ.2477 มาตรา 52 ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชน ด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการเป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ เบื้องต้นแกนนำเสื้อแดงพะเยาบางคนได้รับหมายเรียกตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่ในส่วนของนายวิสุทธิ์ทางตำรวจต้องทำเรื่องถึงสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเชิญตัวมาให้ปากคำต่อไป
นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับหมายเรียก แต่ทราบว่า พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภาค 5 เร่งรัดให้ดำเนินคดีโดยเร็ว ยินดีต่อสู้ทุกข้อกล่าวหา
วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2552
ทักษิณ บอกเงินถูกยึดหมด ไร้หนุนเสื้อแดงโจมตี

ไอเอ็นเอ็น : ‘ทักษิณ’ ให้สัมภาษณ์สื่อของอังกฤษ โจมตีกล่าวหาองคมนตรีแทรกแซงการเมือง พร้อมระบุไร้เงินหนุนกลุ่มเสื้อแดง
“พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” ให้สัมภาษณ์ สื่อต่างประเทศระบุ วิจารณ์องคมนตรีเพราะมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เข้าแทรกแทรงทางการเมือง ขณะที่ยืนยัน ไม่มีเงินมากพอหนุนกลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมทางการเมือง
สื่อต่างประเทศเผยแพร่ถ้อยคำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชิณวัตร โดยบางช่วงบางตอนนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่าสถานการณ์ในประเทศไทยขณะนี้ ถึงเวลาที่จะต้องประนีประนอมและยอมรับประชาธิปไตยมากกว่านี้ โดยบรรดาผู้อยู่เบื้องหลังก็ควรจะวางมือและปฏิบัติตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการปกครองในประเทศไทยนั้น ส่วนการวิพากย์ วิจารณ์ องคมนตรี ว่าควรลาออกนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ตนเองโจมตีพฤติกรรมอันไม่เหมาะสม เพราะสภาองคมนตรีเข้าแทรกแซงทางการเมือง ซึ่งตนเองเพียงแต่ต้องการทำทุกอย่างให้เคลียร์เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่าตนเองไม่มีทรัพย์สินเพียงพอที่จะไปสนับสนุนให้เกิดการชุมนุมเนื่องจากทรัพย์สินส่วนใหญ่นั้นถูกยึดอยู่ในประเทศ
วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2552
พท.รุมถล่ม ป๋า จี้วางตัวเป็นกลาง โต้เข้าพรรคไม่ใช่ผู้ทรยศชาติ ฟื้นฉายานักฆ่าเจ้าพระยา
พท.ข่มเปิดตัว "พล.อ.-พล.ต.ต."ซบอีก ชักแถวโต้"เปรม"คนร่วมงานเพื่อไทย ไม่ใช่ผู้ทรยศชาติ ซัดเป็นผู้ใหญ่วางตัวไม่เป็นกลาง ชอบชี้นำ ตท.10 เพื่อน"แม้ว"ไม่แปลกใจฉายา นักฆ่าลุ่มน้ำเจ้าพระยา ชี้หากใครไม่เอาด้วยจะทำทุกอย่างเพื่อดิสเครดิต
พท.โต้คนร่วม"ไม่ใช่ทรยศชาติ"
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมคณะผู้บริหารพรรค ร่วมให้การต้อนรับพร้อมแถลงข่าวเปิดตัว พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ อดีตรองผู้บัญชาการทหารบก (รอง ผบ.ทบ.) เข้าสมัครเป็นสมาชิก พท. เมื่อช่วงสายวันที่ 16 ตุลาคม ณ ที่ทำการ พท. ในการเปิดตัวครั้งนี้ คำพูดของนายยงยุทธคล้ายเป็นการตอบโต้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษกลายๆ โดยระบุ ผู้เข้าร่วมงานกับ พท.ไม่ใช่คนทรยศชาติ ภายหลังจากที่ พล.อ.เปรมระบุ เคยส่งคนไปเตือน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก่อนเข้าร่วมงานกับ พท.ให้ไตร่ตรองให้รอบคอบ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการกระทำที่ทรยศต่อชาติ
นายยงยุทธกล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจที่ พล.อ.จิรเดชมาร่วมงาน ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าพรรครักชาติ รักสถาบัน ไม่มีใครคิดทรยศต่อชาติแม้ผงธุลีเดียว และยืนยันว่าผู้เข้ามาร่วมงานกับ พท.ไม่ใช่ผู้ทรยศต่อชาติ
พล.อ.จิรเดชกล่าวว่า ตัดสินใจเข้าสู่การเมืองเพราะอยากใช้ประสบการณ์เข้ามาช่วยเหลือบ้านเมือง เหตุผลที่เลือก พท.เนื่องจากมีเพื่อนสนิทและผู้หลักผู้ใหญ่อยู่ในพรรคหลายคน และได้สัมผัสว่าประชาชนให้การยอมรับนโยบายและพรรคสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีมากขึ้น อีกทั้งญาติพี่น้องส่วนใหญ่ก็อยากให้ร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยและจะนำความรู้ความสามารถมาทำประโยชน์ให้ดีที่สุด
"จิรเดช"ขอเป็นกาวใจกองทัพ-พท.
"การที่ผมเป็นทหารที่อยู่ในเหตุการณ์มาโดยตลอดคงจะเป็นประโยชน์ ผมจะนำความรู้สึกของทหารมาแลกเปลี่ยนสร้างความเข้าใจกับสมาชิกพรรคเพื่อไทย และจะนำสิ่งที่ได้สัมผัสจากพรรคเพื่อไทยไปพูดคุยกับน้องๆ ทหารที่ยังรับราชการอยู่ให้เขาได้เข้าใจ เพื่อเป็นประโยชน์ในการสร้างความสมานฉันท์ เรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ผมยืนยันว่าผมมีความจงรักภักดี ชีวิตการทำงานของผมมีภารกิจเกี่ยวกับสถาบันมาโดยตลอด" พล.อ.จิรเดชกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การอยู่ร่วมคณะปฏิวัติและมาสมัครเป็นสมาชิก พท.เหมือนกับว่าได้กลับลำ 180 องศา พล.อ.จิรเดชกล่าวว่า ช่วงนั้นรับราชการเป็นรองแม่ทัพน้อย ไม่ได้เป็นผู้นำปฏิวัติ เมื่อเป็นข้าราชการทหารก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย
พล.อ.จิรเดชกล่าวตอบคำถามถึงคำพูด พล.อ.เปรม ที่เคยเตือน พล.อ.ชวลิต ว่า "ถึงแค่ท่าน ไม่ถึงผม" เมื่อถามว่า ที่บอกว่าต้องการสร้างความเข้าใจระหว่างทหารและ พท.นั้นหมายถึงเรื่องใด พล.อ.จิรเดชกล่าวว่า ทหารบางคนก็อาจจะไม่เข้าใจและต้องการคำอธิบาย เพราะบางเรื่องเมื่อได้รับฟังต่อๆ กันมาก็คิดว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็อยากจะเป็นผู้ทำความเข้าใจ เมื่อถามย้ำว่า ทหารมองพรรคเพื่อไทยอย่างไร พล.อ.จิรเดชนิ่งไปสักพักก่อนตอบว่า บางครั้งก็มองว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่หมิ่นเหม่ต่อบางเรื่อง ซึ่งไม่ได้หมายถึงนโยบายพรรค แต่หมายถึงตัวบุคคลหรือสมาชิกที่เกี่ยวข้อง ก็อยากจะช่วยทำความเข้าใจ
เมื่อถามว่า ก่อนตัดสินใจได้ปรึกษา พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร อดีตผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. และแม่ทัพภาคที่ 3 ซึ่งเคยเป็นผู้บังคับบัญชาก่อนหรือไม่ พล.อ.จิรเดชกล่าวว่า ได้พูดคุยสอบถามสารทุกข์ทั่วไปบ้าง ไม่ได้มีการพูดคุยกันในเรื่องดังกล่าว นอกจากนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
พล.ต.ต.ซบพท.ท่อง"ไม่ทรยศชาติ"
ต่อมาเวลา 10.30 น. คณะผู้บริหาร พท. แถลงเปิดตัวนายวิเชียร รัตนะพีระพงศ์ อดีตอธิบดีกรมที่ดิน และ พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าเป็นสมาชิกพรรค
ทั้งนี้ พล.ต.ต.ธวัชกล่าวว่า เป็นคนใต้แต่กำเนิด แต่ไม่ยอมรับการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์มาตลอด ดังนั้น จึงเลือกมาสมัคร พท.เพื่อทำงานให้บ้านเมือง และยืนยันว่าไม่ได้ทรยศชาติบ้านเมืองแต่รักชาติ โดยเฉพาะได้ยึดสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันอันสูงสุดตลอดไป อย่างไรก็ตาม จะขอเป็นหัวหอกในการทาบทามเพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 ในสายตำรวจให้เข้ามาร่วมงานกับ พท. โดยจะใช้งานเลี้ยงเกษียณอายุราชการ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 17-18 ตุลาคมนี้ ที่ จ.กาญจนบุรี
เด็กจิ๋วเผยคำ"ลูกป๋า"เตือนซบพท.
แหล่งข่าวจากแกนนำ พท.ใกล้ชิด พล.อ.ชวลิต แจ้งว่า ก่อนที่ พล.อ.ชวลิตแถลงข่าวเปิดตัวเข้าเป็นสมาชิก พท. เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม เวลา 09.00 น. ได้มีโทรศัพท์นายทหารใกล้ชิดกับ พล.อ.เปรม หรือที่เรียกกันว่า ลูกป๋าคนหนึ่ง และมีความสนิทสนมกับ พล.อ.ชวลิต ได้โทร.พูดคุยกับ พล.อ.ชวลิต เพื่อขอให้ทบทวนการสมัครเข้าเป็นสมาชิก พท. โดยระบุว่า "คุณทำอย่างนี้คุณจะทรยศชาติหรือ"โดย พล.อ.ชวลิตได้ตอบกลับไปว่า "ฝากไปบอกด้วยว่าผมรับทราบ" จากนั้นก็วางโทรศัพท์และเดินหน้าไปสมัครเข้าเป็นสมาชิก พท.
พท.ซัดชี้นำ-จี้ทำตัวเป็นกลาง
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษก พท. แถลงว่า ขอกราบเรียนไปยังผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง และคนที่มีตำแหน่งเป็นถึงประธานองคมนตรีโดยตามกฎหมายเป็นผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองไม่ได้ แต่ภาพที่เห็นวันนี้ประกอบกับบุคคลที่ยืนเป็นวอลเปเปอร์อยู่เบื้องหลัง พล.อ.เปรมวันแถลงข่าว เป็นบุคคลทั้งที่เป็นอดีตผู้นำและผู้นำของกองทัพในปัจจุบัน ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ซึ่งสิ่งนี้เป็นเรื่องที่สังคมประชาธิปไตยมีความกังวลจากการที่ระบอบประชาธิปไตยถูกแทรกแซง ขอเรียกร้องให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองควรทำตัวเป็นกลางไม่ชี้นำทางการเมือง
พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.นนทบุรี พท. กล่าวว่า เป็นมุมมองของ พล.อ.เปรมคงเห็นว่า พท.ทรยศต่อชาติ ซึ่งตนไม่สามารถไปว่ากล่าวได้ เพราะ พล.อ.เปรมอาจจะได้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องคิดว่า พท.เป็นพรรคการเมืองที่ไม่ดี ทั้งนี้ ยืนยันได้ว่าการที่ พล.อ.ชวลิตมองว่าการที่มาสังกัด พท.นั้นจะเป็นประโยชน์ต่อชาติ ซึ่งสมาชิก พท.ทุกคนมีความจงรักภักดี
เพื่อนตท.10ไม่แปลกใจฉายา"ป๋า"
พล.ท.มะ โพธิ์งาม ส.ส.กาญจนบุรี พท. เพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เมื่อ พล.อ.เปรม พูดเช่นนี้ตนมองว่า พล.อ.เปรมได้ปิดทางเจรจาแล้ว ขนาด พล.อ.ชวลิตไปขอขมาก่อนบวชยังไม่ให้เข้าพบ
พล.ท.มะยังกล่าวอ้างถึงบุคคลบางคนที่มีฉายา "นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา" เพราะหากลูกน้องคนไหนไม่ไปด้วยก็จะทำทุกอย่างเพื่อดิสเครดิต แต่วันนี้ ต้องถามว่า คำว่า "รัฐบุรุษ" มีคนเชื่อถือแค่ไหน
เมื่อถามว่า เหตุใดอดีตนายทหารและนายตำรวจจึงเลือกสังกัด พท.มากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ พล.ท.มะกล่าวว่า แนวทางของพรรคประชาธิปัตย์และทหารคนละแนวทางกัน เพราะทหารมีความจริงใจแต่พรรคเก่าแก่มีความจริงใจหรือไม่นั้นไม่ทราบ เพราะขนาด พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร อดีต ส.ส.สัดส่วน ยังลาออกจากพรรคเพราะอยู่ประชาธิปัตย์ไปไม่ได้แสดงความสามารถจึงกระโดดออกมาดีกว่า วันนี้ พท.เปิดรับนายทหารและนายตำรวจไม่จำกัดจำนวน ซึ่งทุกคนมาทำงานด้วยหัวใจไม่ต้องการลาภยศสรรเสริญใดๆ เพราะเห็นแก่บ้านเมือง
"วันนี้มีนายตำรวจและนายทหารติดต่อผ่านมายังผมเป็นจำนวนมากว่าต้องการเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่เฉพาะ ตท.10 เท่านั้น มีแสดงความจำนงตั้งแต่ ตท.5 ตท.6 จนถึง ตท.10 ที่เพิ่งเกษียณอายุราชการกัน" พล.ท.มะกล่าว
แกนแดงจี้พท.ประณาม"เปรม"
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พท. แกนนำคนเสื้อแดงกล่าวว่า การที่ พล.อ.เปรมออกมาพูดแบบนี้แสดงว่าหาก พล.อ.ชวลิตไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นๆ พล.อ.เปรมจะไม่ออกมาพูดเช่นนี้ใช่หรือไม่ ซึ่งวันนี้ พล.อ.เปรม คงคิดว่าชาติคือ พล.อ.เปรม ซึ่งคนอื่นไม่สามารถไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามได้ ถ้าอย่างนี้ พท.จะบอกบ้าง คนที่จะเข้าบ้านสี่เสาเทเวศร์นั้นจะต้องพิจารณาให้ดีเช่นกัน พล.อ.เปรมควรเคารพประชาชนที่เลือกพท.มา และพรรคก็เป็นพรรคใหญ่ที่มีประชาชนเลือกเข้ามามากที่สุดในขณะนี้ การที่ พล.อ.เปรมพูดอย่างนี้เท่ากับเป็นการกระทำที่เกินหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด ดังนั้น ในวันอังคารที่ 20 ตุลาคม พรรคควรขอมติ ส.ส.ของพรรคออกแถลงการณ์ประณามการออกมาเคลื่อนไหวของ พล.อ.เปรม เพราะการออกมาเคลื่อนไหวโดยมีขุนทหารล้อมรอบ ทำตัวเหมือนเป็นจอมทัพเสียเอง
ปชป.ได้ทียกคำพูด"ป๋า"แขวะ"จิ๋ว"
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า การให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.เปรมคิดว่าเป็นเรื่องที่เหลืออดเหลือทนต่อบุคคลบางกลุ่มที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง โดยออกมาบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งคำสัมภาษณ์ของ พล.อ.เปรมนั้น อยากให้สังคมได้ไปอ่านและไตร่ตรองดู โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องพระสยามเทวาธิราช คิดว่าทุกคนที่เป็นคนไทยก็เชื่อ และคิดว่าผลการกระทำของคนบางกลุ่มที่ทำลายชาติบ้านเมืองในวันนี้ พระสยามเทวาธิราชคงจะจัดการ
"สิ่งที่ พล.อ.เปรมได้พูดถึง พล.อ.ชวลิต ผมคิดว่า พล.อ.เปรมเป็นผู้ใหญ่ที่ให้เกียรติ พล.อ.ชวลิตเป็นอย่างยิ่ง โดยยกให้ พล.อ.ชวลิตในฐานะที่เคยเป็นลูกน้องเก่าเหมือนเพื่อน และคำพูดของ พล.อ.เปรมก็ไม่ได้ทำให้ พล.อ.ชวลิตเสียหายแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่ พล.อ.ชวลิตควรที่จะนำคำเตือน พล.อ.เปรมไปไตร่ตรองดู เพราะ พล.อ.ชวลิตมีวันนี้มาได้ และเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน จนได้รับตำแหน่งสูงสุดทางทหาร ก็เพราะอาศัยใบบุญของ พล.อ.เปรม และเมื่อ พล.อ.ชวลิตเข้ามาสังกัดพรรคเพื่อไทย ก็อยากให้ใช้ความเป็นผู้นำพรรค เตือนสติคนรอบข้องและสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่กล่าวพาดพิงทำให้ พล.อ.เปรมเสียหาย" นายเทพไทกล่าว
พท.โต้คนร่วม"ไม่ใช่ทรยศชาติ"
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมคณะผู้บริหารพรรค ร่วมให้การต้อนรับพร้อมแถลงข่าวเปิดตัว พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ อดีตรองผู้บัญชาการทหารบก (รอง ผบ.ทบ.) เข้าสมัครเป็นสมาชิก พท. เมื่อช่วงสายวันที่ 16 ตุลาคม ณ ที่ทำการ พท. ในการเปิดตัวครั้งนี้ คำพูดของนายยงยุทธคล้ายเป็นการตอบโต้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษกลายๆ โดยระบุ ผู้เข้าร่วมงานกับ พท.ไม่ใช่คนทรยศชาติ ภายหลังจากที่ พล.อ.เปรมระบุ เคยส่งคนไปเตือน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก่อนเข้าร่วมงานกับ พท.ให้ไตร่ตรองให้รอบคอบ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการกระทำที่ทรยศต่อชาติ
นายยงยุทธกล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจที่ พล.อ.จิรเดชมาร่วมงาน ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าพรรครักชาติ รักสถาบัน ไม่มีใครคิดทรยศต่อชาติแม้ผงธุลีเดียว และยืนยันว่าผู้เข้ามาร่วมงานกับ พท.ไม่ใช่ผู้ทรยศต่อชาติ
พล.อ.จิรเดชกล่าวว่า ตัดสินใจเข้าสู่การเมืองเพราะอยากใช้ประสบการณ์เข้ามาช่วยเหลือบ้านเมือง เหตุผลที่เลือก พท.เนื่องจากมีเพื่อนสนิทและผู้หลักผู้ใหญ่อยู่ในพรรคหลายคน และได้สัมผัสว่าประชาชนให้การยอมรับนโยบายและพรรคสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีมากขึ้น อีกทั้งญาติพี่น้องส่วนใหญ่ก็อยากให้ร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยและจะนำความรู้ความสามารถมาทำประโยชน์ให้ดีที่สุด
"จิรเดช"ขอเป็นกาวใจกองทัพ-พท.
"การที่ผมเป็นทหารที่อยู่ในเหตุการณ์มาโดยตลอดคงจะเป็นประโยชน์ ผมจะนำความรู้สึกของทหารมาแลกเปลี่ยนสร้างความเข้าใจกับสมาชิกพรรคเพื่อไทย และจะนำสิ่งที่ได้สัมผัสจากพรรคเพื่อไทยไปพูดคุยกับน้องๆ ทหารที่ยังรับราชการอยู่ให้เขาได้เข้าใจ เพื่อเป็นประโยชน์ในการสร้างความสมานฉันท์ เรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ผมยืนยันว่าผมมีความจงรักภักดี ชีวิตการทำงานของผมมีภารกิจเกี่ยวกับสถาบันมาโดยตลอด" พล.อ.จิรเดชกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การอยู่ร่วมคณะปฏิวัติและมาสมัครเป็นสมาชิก พท.เหมือนกับว่าได้กลับลำ 180 องศา พล.อ.จิรเดชกล่าวว่า ช่วงนั้นรับราชการเป็นรองแม่ทัพน้อย ไม่ได้เป็นผู้นำปฏิวัติ เมื่อเป็นข้าราชการทหารก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย
พล.อ.จิรเดชกล่าวตอบคำถามถึงคำพูด พล.อ.เปรม ที่เคยเตือน พล.อ.ชวลิต ว่า "ถึงแค่ท่าน ไม่ถึงผม" เมื่อถามว่า ที่บอกว่าต้องการสร้างความเข้าใจระหว่างทหารและ พท.นั้นหมายถึงเรื่องใด พล.อ.จิรเดชกล่าวว่า ทหารบางคนก็อาจจะไม่เข้าใจและต้องการคำอธิบาย เพราะบางเรื่องเมื่อได้รับฟังต่อๆ กันมาก็คิดว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็อยากจะเป็นผู้ทำความเข้าใจ เมื่อถามย้ำว่า ทหารมองพรรคเพื่อไทยอย่างไร พล.อ.จิรเดชนิ่งไปสักพักก่อนตอบว่า บางครั้งก็มองว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่หมิ่นเหม่ต่อบางเรื่อง ซึ่งไม่ได้หมายถึงนโยบายพรรค แต่หมายถึงตัวบุคคลหรือสมาชิกที่เกี่ยวข้อง ก็อยากจะช่วยทำความเข้าใจ
เมื่อถามว่า ก่อนตัดสินใจได้ปรึกษา พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร อดีตผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. และแม่ทัพภาคที่ 3 ซึ่งเคยเป็นผู้บังคับบัญชาก่อนหรือไม่ พล.อ.จิรเดชกล่าวว่า ได้พูดคุยสอบถามสารทุกข์ทั่วไปบ้าง ไม่ได้มีการพูดคุยกันในเรื่องดังกล่าว นอกจากนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
พล.ต.ต.ซบพท.ท่อง"ไม่ทรยศชาติ"
ต่อมาเวลา 10.30 น. คณะผู้บริหาร พท. แถลงเปิดตัวนายวิเชียร รัตนะพีระพงศ์ อดีตอธิบดีกรมที่ดิน และ พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าเป็นสมาชิกพรรค
ทั้งนี้ พล.ต.ต.ธวัชกล่าวว่า เป็นคนใต้แต่กำเนิด แต่ไม่ยอมรับการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์มาตลอด ดังนั้น จึงเลือกมาสมัคร พท.เพื่อทำงานให้บ้านเมือง และยืนยันว่าไม่ได้ทรยศชาติบ้านเมืองแต่รักชาติ โดยเฉพาะได้ยึดสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันอันสูงสุดตลอดไป อย่างไรก็ตาม จะขอเป็นหัวหอกในการทาบทามเพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 ในสายตำรวจให้เข้ามาร่วมงานกับ พท. โดยจะใช้งานเลี้ยงเกษียณอายุราชการ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 17-18 ตุลาคมนี้ ที่ จ.กาญจนบุรี
เด็กจิ๋วเผยคำ"ลูกป๋า"เตือนซบพท.
แหล่งข่าวจากแกนนำ พท.ใกล้ชิด พล.อ.ชวลิต แจ้งว่า ก่อนที่ พล.อ.ชวลิตแถลงข่าวเปิดตัวเข้าเป็นสมาชิก พท. เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม เวลา 09.00 น. ได้มีโทรศัพท์นายทหารใกล้ชิดกับ พล.อ.เปรม หรือที่เรียกกันว่า ลูกป๋าคนหนึ่ง และมีความสนิทสนมกับ พล.อ.ชวลิต ได้โทร.พูดคุยกับ พล.อ.ชวลิต เพื่อขอให้ทบทวนการสมัครเข้าเป็นสมาชิก พท. โดยระบุว่า "คุณทำอย่างนี้คุณจะทรยศชาติหรือ"โดย พล.อ.ชวลิตได้ตอบกลับไปว่า "ฝากไปบอกด้วยว่าผมรับทราบ" จากนั้นก็วางโทรศัพท์และเดินหน้าไปสมัครเข้าเป็นสมาชิก พท.
พท.ซัดชี้นำ-จี้ทำตัวเป็นกลาง
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษก พท. แถลงว่า ขอกราบเรียนไปยังผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง และคนที่มีตำแหน่งเป็นถึงประธานองคมนตรีโดยตามกฎหมายเป็นผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองไม่ได้ แต่ภาพที่เห็นวันนี้ประกอบกับบุคคลที่ยืนเป็นวอลเปเปอร์อยู่เบื้องหลัง พล.อ.เปรมวันแถลงข่าว เป็นบุคคลทั้งที่เป็นอดีตผู้นำและผู้นำของกองทัพในปัจจุบัน ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ซึ่งสิ่งนี้เป็นเรื่องที่สังคมประชาธิปไตยมีความกังวลจากการที่ระบอบประชาธิปไตยถูกแทรกแซง ขอเรียกร้องให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองควรทำตัวเป็นกลางไม่ชี้นำทางการเมือง
พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.นนทบุรี พท. กล่าวว่า เป็นมุมมองของ พล.อ.เปรมคงเห็นว่า พท.ทรยศต่อชาติ ซึ่งตนไม่สามารถไปว่ากล่าวได้ เพราะ พล.อ.เปรมอาจจะได้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องคิดว่า พท.เป็นพรรคการเมืองที่ไม่ดี ทั้งนี้ ยืนยันได้ว่าการที่ พล.อ.ชวลิตมองว่าการที่มาสังกัด พท.นั้นจะเป็นประโยชน์ต่อชาติ ซึ่งสมาชิก พท.ทุกคนมีความจงรักภักดี
เพื่อนตท.10ไม่แปลกใจฉายา"ป๋า"
พล.ท.มะ โพธิ์งาม ส.ส.กาญจนบุรี พท. เพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เมื่อ พล.อ.เปรม พูดเช่นนี้ตนมองว่า พล.อ.เปรมได้ปิดทางเจรจาแล้ว ขนาด พล.อ.ชวลิตไปขอขมาก่อนบวชยังไม่ให้เข้าพบ
พล.ท.มะยังกล่าวอ้างถึงบุคคลบางคนที่มีฉายา "นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา" เพราะหากลูกน้องคนไหนไม่ไปด้วยก็จะทำทุกอย่างเพื่อดิสเครดิต แต่วันนี้ ต้องถามว่า คำว่า "รัฐบุรุษ" มีคนเชื่อถือแค่ไหน
เมื่อถามว่า เหตุใดอดีตนายทหารและนายตำรวจจึงเลือกสังกัด พท.มากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ พล.ท.มะกล่าวว่า แนวทางของพรรคประชาธิปัตย์และทหารคนละแนวทางกัน เพราะทหารมีความจริงใจแต่พรรคเก่าแก่มีความจริงใจหรือไม่นั้นไม่ทราบ เพราะขนาด พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร อดีต ส.ส.สัดส่วน ยังลาออกจากพรรคเพราะอยู่ประชาธิปัตย์ไปไม่ได้แสดงความสามารถจึงกระโดดออกมาดีกว่า วันนี้ พท.เปิดรับนายทหารและนายตำรวจไม่จำกัดจำนวน ซึ่งทุกคนมาทำงานด้วยหัวใจไม่ต้องการลาภยศสรรเสริญใดๆ เพราะเห็นแก่บ้านเมือง
"วันนี้มีนายตำรวจและนายทหารติดต่อผ่านมายังผมเป็นจำนวนมากว่าต้องการเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่เฉพาะ ตท.10 เท่านั้น มีแสดงความจำนงตั้งแต่ ตท.5 ตท.6 จนถึง ตท.10 ที่เพิ่งเกษียณอายุราชการกัน" พล.ท.มะกล่าว
แกนแดงจี้พท.ประณาม"เปรม"
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พท. แกนนำคนเสื้อแดงกล่าวว่า การที่ พล.อ.เปรมออกมาพูดแบบนี้แสดงว่าหาก พล.อ.ชวลิตไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นๆ พล.อ.เปรมจะไม่ออกมาพูดเช่นนี้ใช่หรือไม่ ซึ่งวันนี้ พล.อ.เปรม คงคิดว่าชาติคือ พล.อ.เปรม ซึ่งคนอื่นไม่สามารถไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามได้ ถ้าอย่างนี้ พท.จะบอกบ้าง คนที่จะเข้าบ้านสี่เสาเทเวศร์นั้นจะต้องพิจารณาให้ดีเช่นกัน พล.อ.เปรมควรเคารพประชาชนที่เลือกพท.มา และพรรคก็เป็นพรรคใหญ่ที่มีประชาชนเลือกเข้ามามากที่สุดในขณะนี้ การที่ พล.อ.เปรมพูดอย่างนี้เท่ากับเป็นการกระทำที่เกินหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด ดังนั้น ในวันอังคารที่ 20 ตุลาคม พรรคควรขอมติ ส.ส.ของพรรคออกแถลงการณ์ประณามการออกมาเคลื่อนไหวของ พล.อ.เปรม เพราะการออกมาเคลื่อนไหวโดยมีขุนทหารล้อมรอบ ทำตัวเหมือนเป็นจอมทัพเสียเอง
ปชป.ได้ทียกคำพูด"ป๋า"แขวะ"จิ๋ว"
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า การให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.เปรมคิดว่าเป็นเรื่องที่เหลืออดเหลือทนต่อบุคคลบางกลุ่มที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง โดยออกมาบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งคำสัมภาษณ์ของ พล.อ.เปรมนั้น อยากให้สังคมได้ไปอ่านและไตร่ตรองดู โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องพระสยามเทวาธิราช คิดว่าทุกคนที่เป็นคนไทยก็เชื่อ และคิดว่าผลการกระทำของคนบางกลุ่มที่ทำลายชาติบ้านเมืองในวันนี้ พระสยามเทวาธิราชคงจะจัดการ
"สิ่งที่ พล.อ.เปรมได้พูดถึง พล.อ.ชวลิต ผมคิดว่า พล.อ.เปรมเป็นผู้ใหญ่ที่ให้เกียรติ พล.อ.ชวลิตเป็นอย่างยิ่ง โดยยกให้ พล.อ.ชวลิตในฐานะที่เคยเป็นลูกน้องเก่าเหมือนเพื่อน และคำพูดของ พล.อ.เปรมก็ไม่ได้ทำให้ พล.อ.ชวลิตเสียหายแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่ พล.อ.ชวลิตควรที่จะนำคำเตือน พล.อ.เปรมไปไตร่ตรองดู เพราะ พล.อ.ชวลิตมีวันนี้มาได้ และเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน จนได้รับตำแหน่งสูงสุดทางทหาร ก็เพราะอาศัยใบบุญของ พล.อ.เปรม และเมื่อ พล.อ.ชวลิตเข้ามาสังกัดพรรคเพื่อไทย ก็อยากให้ใช้ความเป็นผู้นำพรรค เตือนสติคนรอบข้องและสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่กล่าวพาดพิงทำให้ พล.อ.เปรมเสียหาย" นายเทพไทกล่าว
วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2552
เพื่อไทยเปิดตัว พล.อ.จิรเดช อดีดรอง ผบ.ทบ.ยุค คมช.

มติชน : เพื่อไทยเปิดตัวเพื่อนร่วม ตท.10 -พล.อ.จิรเดช อดีตรองผบ.ทบ.ยุค คมช.เข้าพรรค เมินคำพูด “ป๋าเปรม” ไม่ถึงตัว ยืนยันจงรักภักดี พร้อมรับงานสร้างความเข้าใจระหว่างกองทัพและพรรคเพื่อไทย “ยงยุทธ” กร้าวคนเข้าพรรคเพื่อไทยไม่มีใครคิดทรยศชาติแม้ผงธุลี ชี้ปักหลักมั่นคงได้
ส.ส.ปชป.ไม่หวั่น”คนดัง”ตบเท้าเข้า พท.เย้ยเป็นตัวของตัวเองแค่ไหน
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ข้าราชการเกษียณอายุ และคนบันเทิง สมัครเข้าพรรคเพื่อไทยเป็นจำนวนมาก ว่า เป็นเรื่องดีและเป็นธรรมดาของพรรคการเมือง ที่ต้องหาคนมาช่วยงานพรรค ซึ่งคนที่สมัครคงพิจารณาแล้วว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสม แต่อยากถามว่าเร็วไปหรือไม่เพราะตอนนี้ยังไม่ถึงช่วงเลือกตั้ง และไม่รู้สึกหนักใจ ถึงอย่างไรก็อยู่ที่ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ และคงต้องดูว่าคนที่มาสมัครเข้าพรรคเพื่อไทย จะเป็นตัวของตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน กล้าต่อสู้กับความไม่ถูกต้องไม่อยุติธรรมได้หรือไม่ หรือต้องทำตามพรรคโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรม ทุกคนที่ไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ก็คงรู้กันอยู่ว่าพรรคนี้ประกาศชัดเจนว่า ทำเพื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นนักโทษชายหนีคดี
ด้านนายธนา ชีรวินิจ ส.ส.กทม. กล่าวถึงกรณีที่นายสมบัติ เมทะนี ประกาศจะลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเดียวกับนายธนา ว่า ยินดีที่มีคนเสนอตัวมาเป็นนักการเมือง จะได้เป็นตัวเลือกให้ประชาชนได้พิจารณา ส่วนนายสมบัติเป็นอดีตนักแสดงจะสามารถดึงคะแนนเสียงมาให้พรรคเพื่อไทย เพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น ตนเชื่อว่าการเป็นดารา เป็นคนที่ประชาชนรู้จัก และได้รับความนิยมจากประชาชนมาก่อน แต่งานการเมืองไม่เหมือนกับงานแสดง เพราะต้องทุ่มเททำงาน ดูแลผลประโยชน์ให้ประชาชนและทำหน้าที่นิติบัญญัติ ท้ายที่สุดแล้วขึ้นอยู่กับการาตัดสินใจของประชาชน
เปิดตัว พล.อ.จิรเดช เข้าพรรคเพื่อไทย
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 16 ตุลาคม ที่พรรคเพื่อไทย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยพร้อมคณะผู้บริหารพรรค อาทิ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองหัวหน้าพรรค น.ส.สุนีย์ เหลืองวิจิตร เลขาธิการพรรค นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ส.ส.เชียงใหม่และคนสนิทนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภริยาอดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึงนายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิชย์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ร่วมให้การต้อนรับพร้อมแถลงข่าวเปิดตัว พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ อดีตรองผบ.ทบ.ในยุค คมช.และอดีตแม่ทัพภาค 3 เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย
หน.พรรคชี้เพื่อไทยเป็นบ้านปักหลักมั่นคง
นายยงยุทธ กล่าวว่า ช่วงเวลานี้พรรคเพื่อไทยเป็นบ้านที่ลงหลักปักฐานมั่นคง ใครมาอยู่อาศัยก็รู้สึกอบอุ่น มั่นคงและเป็นเจ้าของบ้านคนหนึ่งไม่ใช่แค่ผู้อยู่อาศัย โดยพรรคเพื่อไทยรู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจที่พล.อ.จิรเดชมาร่วมงาน ทั้งนี้ขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยรักชาติ รักสถาบัน ไม่มีใครคิดทรยศต่อชาติแม้ผงธุลีเดียว และยืนยันว่าท่านผู้เข้ามาร่วมงานพรรคเพื่อไทยไม่ใช่ผู้ทรยศต่อชาติ
จากนั้นพล.อ.จิรเดช กล่าวเปิดใจว่า เหตุผลของการเข้าสู่การเมือง เพราะคิดว่า 30 ปีที่รับราชการมานั้นยาวนานพอสมควร ในช่วงที่คนไทยใช้กำลังต่อสู้กันเองเพราะขัดแย้งทางอุดมการณ์ตนก็เริ่มชีวิตราชการพอดีแต่สุดท้ายก็จบลงด้วยการให้อภัยกัน และเมื่อทหารเข้ามาเกี่ยวข้องทางการเมืองก็ได้รู้ได้เห็นหลายครั้ง จนเมื่อเกษียณอายุราชการได้มีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนฝูงจากพรรคเพื่อไทยหลายคน แต่การพูดคุยกันอยู่เพียงข้างนอกก็ช่วยอะไรไมได้ จึงตัดสินใจเข้าสู่การเมืองเพราะอยากได้ใช้ประสบการณ์เข้ามาช่วยเหลือบ้านเมือง สำหรับเหตุผลที่เลือกพรรคเพื่อไทย เนื่องจากมีเพื่อนสนิทและผู้หลักผู้ใหญ่อยู่ในพรรคเพื่อไทยหลายคน และได้สัมผัสว่าประชาชนให้การยอมรับนโยบายและพรรคสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีมากขึ้น อีกทั้งญาติพี่น้องของตนส่วนใหญ่ก็อยากให้ร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยและจะนำความรู้ความสามารถมาทำประโยชน์ให้ดีที่สุด
ยอมรับเป็นแม่ทัพน้อยต้องปฏิบัติตามคำสั่ง
“การที่ผมเป็นทหารที่อยู่ในเหตุการณ์มาโดยตลอดคงจะเป็นประโยชน์ ผมจะนำความรู้สึกของทหารมาแลกเปลี่ยนสร้างความเข้าใจกับสมาชิกพรรคเพื่อไทย และจะนำสิ่งที่ได้สัมผัสจากพรรคเพื่อไทยไปพูดคุยกับน้องๆ ทหารที่ยังรับราชการอยู่ให้เขาได้เข้าใจ เพื่อเป็นประโยชน์ในการสร้างความสมานฉันท์ เรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ผมยืนยันว่าผมมีความจงรักภักดี ชีวิตการทำงานของผมมีภารกิจเกี่ยวกับสถาบันมาโดยตลอด ” พล.อ.จิรเดช กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการอยู่ร่วมคณะปฏิวัติและมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเหมือนกับว่าได้กลับลำ 180 องศา พล.อ.จิรเดช กล่าวว่า ช่วงนั้นตนรับราชการเป็นรองแม่ทัพน้อย ไม่ได้เป็นผู้นำปฏิวัติ เมื่อเป็นข้าราชการทหารก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย
ยอมรับบางคนในพรรคเพื่อไทยหมิ่นเหม่ต่อบางเรื่อง
เมื่อถามว่าคำพูดที่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษฝากถึงพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีจะกระทบถึงตัวท่านด้วยหรือไม่ พล.อ.จิรเดช กล่าวว่า ถึงแค่ท่าน ไม่ถึงผม เมื่อถามว่าที่บอกว่าต้องการสร้างความเข้าใจระหว่างทหารและพรรคเพื่อไทยนั้นหมายถึงเรื่องใด พล.อ.จริเดช กล่าวว่า ทหารบางคนก็อาจจะไม่เข้าใจและต้องการคำอธิบาย เพราะบางเรื่องเมื่อได้รับฟังต่อๆกันมาก็คิดว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ตนก็อยากจะเป็นผู้ทำความเข้าใจ เมื่อถามย้ำว่าทหารมองพรรคเพื่อไทยอย่างไร พล.อ.จิรเดช นิ่งไปสักพักก่อนตอบว่า บางครั้งก็มองว่าพรรคพื่อไทยเป็นพรรคที่หมิ่นเหม่ต่อบางเรื่อง ซึ่งไม่ได้หมายถึงนโยบายพรรค แต่หมายถึงตัวบุคคลหรือสมาชิกที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตนก็อยากจะช่วยทำความเข้าใจ
เมื่อถามว่าก่อนตัดสินใจได้ปรึกษาพล.อ.สะพรั่ง กัลยาณมิตร อดีตผู้ช่วยเลขาธิการ คมช.และแม่ทัพภาคที่ 3 ซึ่งเคยเป็นผู้บังคับบัญชาก่อนหรือไม่ พล.อ.จิรเดช กล่าวว่า ได้พูดคุยสอบถามสารทุกข์ทั่วไปบ้าง ไม่ได้มีการพูดคุยกันในเรื่องดังกล่าว และยังไม่ได้พูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ประกาศตัวหัวหอกประสานตท.10 ร่วมงานพท.
ต่อมาเวลา 10.30 น.คณะผู้บริหารพรรคเพื่อไทยได้เปิดแถลงเปิดตัวนายวิเชียร รัตนะพีระพงศ์ อดีตอธิบดีกรมที่ดิน และพล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง อดีตรองผู้บัญชาการภูธรภาค 8 เพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าเป็นสมาชิกพรรค ทั้งนี้พล.ต.ต.ธวัช กล่าวว่า ตนเป็นคนใต้แต่กำเนิด แต่ไม่ยอมรับการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์มาตลอด ดังนั้นจึงเลือกมาสมัครพรรคเพื่อไทยเพื่อทำงานให้บ้านเมือง และยืนยันว่าไม่ได้ทรยศชาติบ้านเมืองแต่รักชาติ โดยเฉพาะตนได้ยึดสภาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันอันสูงสุดตลอดไป อย่างไรก็ตามตนจะเป็นหัวหอกในการทาบทามเพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 ในสายตำรวจให้เข้ามาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย โดยจะใช้งานเลี้ยงเกษียณอายุราชการ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 17-18 ตุลาคมนี้ ที่ จ.กาญจนบุรี
วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2552
"ป๋าเปรม"เปิดใจยังเป็นเพื่อน"บิ๊กจิ๋ว"ปัดว่าเป็นคนทรยศชาติ แจงแนะ'ไตร่ตรองให้รอบคอบ'เข้าเพื่อไทย
มติชน : เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สโมสรทหารบกถนนวิภาวดีรังสิต พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้ รุ่นที่ 13 ซึ่งโครงการนี้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นที่ 5 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เยาวชนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีโอกาสเรียนรู้สภาพความเป็นอยู่ และวิถีชีวิตครอบครัวมุสลิมในกรุงเทพ ซึ่งรุ่นนี้มีเยาวชนเข้าร่วมจำนวน 239 คน ทั้งนี้ บรรยากาศการเปิดโครงการเป็นไปอย่างคึกคัก โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และคณธผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าร่วมพิธีพร้อมเพียง อาทิ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงษ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ รวมถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เดินทางมาเข้าร่วมพิธีตั้งแต่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารบก
จากนั้น พล.อ.เปรม เปิดใจถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ กล่าวพาดพิงถึงตัวพล.อ.เปรม ว่า ” จิ๋ว กับผม เป็นเพื่อนรักกันมานานหลายปีแล้ว และต่างคนก็ต่างทำงานให้กันและกันมาดังนั้นความเป็นเพื่อนระหว่าง ผมกับจิ๋วคงยังอยู่ ฉะนั้นที่มีคนพูดว่า ผมก็ไม่รู้ว่าใครพูดก็ไม่ทราบ อาจจะเป็นจิ๋วพูดเองก็ได้ ว่าเขาไปลาบวช แล้วผมก็ไม่ให้ลา อันนั้นมันไม่ใช่เพื่อนแล้วหละ เมื่อเพื่อนจะไปลาบวชก็จะต้องให้อโหสิกรรม เรื่องจริงๆ ผมไม่ทราบ ว่าเขาจะบวชจนปัจจุบันยังไม่รู้ว่า เขาบวชที่ไหนเมื่อไหร่
ดังนั้น ผมขอจะเรียนความจริงให้ทราบว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้ ส่วนเรื่องที่มีคนไปเขียนลงในหนังสือพิมพ์ในทำนองว่า ผมไปว่าเขาเป็นคนทรยศต่อชาติอันนี้ มันก็ไม่ถูกต้อง แต่สิ่งที่ถูกต้องคือ วันนั้นก่อนที่ จิ๋ว จะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยผมก็ให้คน ไปบอกเขาว่า จะทำอะไรก็ขอให้คิดให้รอบคอบ ไตร่ตรองให้รอบคอบ ซึ่งผมใช้คำว่า “ไตร่ตรองให้รอบคอบ” ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นการกระทำที่เป็นการทรยศต่อชาติ นี่เป็นข้อความที่ผมสื่อไป ไปถึงจิ๋ว ในตอนเช้าวันนั้น และผู้สื่อข่าวนี้ เขาก็มายืนยันว่า เขาสื่ออย่างที่ผมพูด เพราะว่าเขาจดที่ผมขอให้เขาสื่อ เพราะฉะนั้นผมไม่ได้กล่าวหาว่า เขาเป็นคนไม่ดีทรยศต่อชาติบ้านเมือง มันไม่ใช่
พล.อ.เปรม กล่าวอีกว่า มีเรื่องที่เกี่ยวกับ จิ๋ว ที่สำคัญมีอยู่แค่นี้ ผมขอย้ำว่า ความเป็นเพื่อนมันยังเป็นอยู่ตลอดไป คุณ(สื่อมวลชน) เข้าใจของความเป็นเพื่อนแค่ไหน ก็โปรดคิดเอาเอง เราเป็นเพื่อนกัน เคยทำงานด้วยกัน งานสำคัญ ๆ ก็เคยทำด้วยกัน และก็จบจากสถาบันเดียวกัน ที่เคยให้คำสัตย์ปฏิญาณเหมือนกันด้วย เมื่อเพื่อนจะทำอะไรผมก็เตือน เพราะผมคิดว่า มีสิทธิ์ที่จะเตือนได้ ก็เตือนเขาไปด้วยความเป็นเพื่อน ด้วยความปรารถนาดี ไม่ได้มีความต้องการที่ตำหนิ จิ๋ว เลย ซึ่งวันนี้ผมอยากพูดแค่นี้
เมื่อถามว่า หาก พล.อ.ชวลิตมาพบในฐานะเพื่อน และมาพูดคุยกันสามารถเข้ามาพบได้ใช่หรือไม่ พล.อ.เปรม กล่าวอย่างอารมณ์ดี ว่า ” อ้าว ! ได้แน่นอน แต่ต้องเวลาที่เหมาะ และต้องไม่พูดเรื่องการเมือง เพราะผมจะไม่พูดเรื่องการเมือง
จากนั้น พล.อ.เปรม เปิดใจถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ กล่าวพาดพิงถึงตัวพล.อ.เปรม ว่า ” จิ๋ว กับผม เป็นเพื่อนรักกันมานานหลายปีแล้ว และต่างคนก็ต่างทำงานให้กันและกันมาดังนั้นความเป็นเพื่อนระหว่าง ผมกับจิ๋วคงยังอยู่ ฉะนั้นที่มีคนพูดว่า ผมก็ไม่รู้ว่าใครพูดก็ไม่ทราบ อาจจะเป็นจิ๋วพูดเองก็ได้ ว่าเขาไปลาบวช แล้วผมก็ไม่ให้ลา อันนั้นมันไม่ใช่เพื่อนแล้วหละ เมื่อเพื่อนจะไปลาบวชก็จะต้องให้อโหสิกรรม เรื่องจริงๆ ผมไม่ทราบ ว่าเขาจะบวชจนปัจจุบันยังไม่รู้ว่า เขาบวชที่ไหนเมื่อไหร่
ดังนั้น ผมขอจะเรียนความจริงให้ทราบว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้ ส่วนเรื่องที่มีคนไปเขียนลงในหนังสือพิมพ์ในทำนองว่า ผมไปว่าเขาเป็นคนทรยศต่อชาติอันนี้ มันก็ไม่ถูกต้อง แต่สิ่งที่ถูกต้องคือ วันนั้นก่อนที่ จิ๋ว จะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยผมก็ให้คน ไปบอกเขาว่า จะทำอะไรก็ขอให้คิดให้รอบคอบ ไตร่ตรองให้รอบคอบ ซึ่งผมใช้คำว่า “ไตร่ตรองให้รอบคอบ” ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นการกระทำที่เป็นการทรยศต่อชาติ นี่เป็นข้อความที่ผมสื่อไป ไปถึงจิ๋ว ในตอนเช้าวันนั้น และผู้สื่อข่าวนี้ เขาก็มายืนยันว่า เขาสื่ออย่างที่ผมพูด เพราะว่าเขาจดที่ผมขอให้เขาสื่อ เพราะฉะนั้นผมไม่ได้กล่าวหาว่า เขาเป็นคนไม่ดีทรยศต่อชาติบ้านเมือง มันไม่ใช่
พล.อ.เปรม กล่าวอีกว่า มีเรื่องที่เกี่ยวกับ จิ๋ว ที่สำคัญมีอยู่แค่นี้ ผมขอย้ำว่า ความเป็นเพื่อนมันยังเป็นอยู่ตลอดไป คุณ(สื่อมวลชน) เข้าใจของความเป็นเพื่อนแค่ไหน ก็โปรดคิดเอาเอง เราเป็นเพื่อนกัน เคยทำงานด้วยกัน งานสำคัญ ๆ ก็เคยทำด้วยกัน และก็จบจากสถาบันเดียวกัน ที่เคยให้คำสัตย์ปฏิญาณเหมือนกันด้วย เมื่อเพื่อนจะทำอะไรผมก็เตือน เพราะผมคิดว่า มีสิทธิ์ที่จะเตือนได้ ก็เตือนเขาไปด้วยความเป็นเพื่อน ด้วยความปรารถนาดี ไม่ได้มีความต้องการที่ตำหนิ จิ๋ว เลย ซึ่งวันนี้ผมอยากพูดแค่นี้
เมื่อถามว่า หาก พล.อ.ชวลิตมาพบในฐานะเพื่อน และมาพูดคุยกันสามารถเข้ามาพบได้ใช่หรือไม่ พล.อ.เปรม กล่าวอย่างอารมณ์ดี ว่า ” อ้าว ! ได้แน่นอน แต่ต้องเวลาที่เหมาะ และต้องไม่พูดเรื่องการเมือง เพราะผมจะไม่พูดเรื่องการเมือง
แบงก์อิสลามฯผุดโปรเจคคนรากหญ้า

นายธีรศักดิ์ สุวรรณยศ กรรมการผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยได้จัดทำสินเชื่อจุลภาคขึ้นเพื่อช่วยเหลือกลุ่มชาวบ้านที่มีฐานะยากจนให้ได้มีโอกาสขอสินเชื่อเหมือนประชาชนทั่วไป ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสที่จะขยายการประกอบอาชีพให้กับประชาชนที่มีฐานะยากจนและมีอาชีพอยู่แล้วโดยธนาคารจะพิจารณาจาก “ยากจน เป็นคนดี ตั้งใจทำงาน แต่ขาดแคลนทุน” อีกทั้งเปิดโอกาสให้มีการกู้เงินอย่างถูกกฎหมายและเป็นไปตามหลักศาสนาอิสลาม เพราะธนาคารอิสลามเองไม่ได้หาประโยชน์จากลุ่มลูกค้า เพียงแต่ยึดหลักลูกค้าได้ประโยชน์และธนาคารสามารถอยู่ได้เท่านั้น และสำหรับโปรเจคนี้ได้เริ่มนำร่องที่จังหวัดนราธิวาสเป็นจังหวัดแรกก่อนที่จะขยายไปยังจังหวัดอื่นๆ
การจัดทำสินเชื่อจุลภาคนั้นเป็นอีกโครงการหนึ่งที่ต่อยอดโครงการต้นกล้าอาชีพของรัฐบาล ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนได้ประกอบอาชีพ และรายได้ และทางธนาคารเตรียมแต่งตั้งผู้ประสานงานธนาคารขึ้นในแต่ละพื้นที่ เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างประชาชนและธนาคาร ซึ่งกลุ่มผู้ประสานงานนั้นจะมีการหารือร่วมกับจังหวัดเพื่อกำหนดกลุ่มที่จะร่วมทำงานให้ธนาคาร ทั้งนี้ถือเป็นการสร้างงานให้กับประชาชนในพื้นที่อีกทางหนึ่งด้วย
ธนาคารอิสลามนั้นถือว่าได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างมาก เพราะจากโครงการ “ ยิ้มสู้ กู้วิกฤต ” ที่ได้ดำเนินการไปนั้นมีประชาชนในพื้นที่ร่วมขอสินเชื่อกว่า 5 - 6 พันล้านบาท และทางธนาคารได้อนุมัติวงเงินไปแล้วกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ และสำหรับโปรเจคสินเชื่อจุลภาคนี้เป็นอีกโปรเจคหนึ่งที่ตอกย้ำความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และหลังจากนี้ทางธนาคารจะดำเนินจัดทำโปรเจคใหม่ๆขึ้นอีก อย่างการรับจำนำทองแบบอิสลาม
กลุ่ม 40 ส.ว.แนะ มาร์ค ลัมกระดานแก้ รธน.! แฉ แม้ว ส่งสัญญาณให้เปลี่ยนจุดยืน
ปธ.วิปรัฐบาลแฉ"แม้ว"ส่งสัญญาณให้เปลี่ยนจุดยืน วิปฝ่ายค้านยังไม่ตอบประชุม 22 ต.ค. "กลุ่ม 40 ส.ว."แนะ"มาร์ค"ล้มกระดาน ชี้"เพื่อไทย"ไม่หนุน หวังให้ยุบสภา เพราะมั่นใจชนะเลือกตั้งแล้วกลับมารื้อ "ชทพ."เชื่อกลับลำเผยแค่แทคติคเพื่อต่อรอง
"ชัย"เมิน"พท."ให้ฟังเสียงปชช.
นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ถึงมติพรรคเพื่อไทย (พท.) ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ประเด็น ตามคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อปฏิรูปการเมืองและศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ควรนำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้ว่า เขาก็พูดในส่วนของเขา แต่ทุกอย่างตามระบอบประชาธิปไตยต้องใช้เสียงข้างมาก โดยใช้เสียงประมาณ 311 เสียงในสภาก็ทำได้แล้ว ส่วนที่มองว่ารัฐสภาไม่เป็นเอกภาพนั้นจะทำอย่างไรได้ ตอนประชามติได้ 14 ล้านเสียง ก็ยังไม่เป็นเอกภาพเลย เมื่อถามว่า แสดงว่าไม่ฟังเสียงจากฝ่ายค้านแล้ว นายชัยกล่าวว่า ต้องฟังประชาชน ประชาชนคือเสียงสวรรค์ เมื่อถามว่า ถ้าเสียงไม่ถึงเพราะฝ่ายค้านไม่เอาด้วยจะทำอย่างไร นายชัยกล่าวว่า รัฐสภามีเสียงทั้งหมด 600 กว่าเสียง ใช้จริงๆ 311 เสียง แต่ถ้าเสียงไม่พอก็ตกไป แต่ยังเก็บไว้เพื่อนำมาพิจารณาใหม่ได้
"มาร์ค"แบะท่าเสียงไม่พอล่ม
ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภาถึงการหารือล่าสุด กับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่บ้านพิษณุโลกเมื่อค่ำวันที่ 13 ตุลาคม ถึงกรณีการแก้ไขรับธรรมนูญ ว่า จุดขณะนี้ คือประธานรัฐสภาคงจะสั่งให้ยกร่างในกรอบเวลาที่ตกลงกัน จากนั้นจะนำกลับมาดู รัฐบาลยังยืนยันพร้อมที่จะทำตาม สิ่งที่เคยตกลงกันไว้คือ เมื่อยกร่างเสร็จจะจัดทำประชามติเมื่อมีกฎหมายประชามติเรียบร้อย แล้วยังเชิญชวนพรรคการเมืองที่เคยตกลงกันไว้ ควรจะมาร่วมในกระบวนการ ส่วนที่พรรคเพื่อไทย ปฏิเสธชัดเจนว่าไม่เอาด้วยนั้น เขาอาจจะเปลี่ยนใจได้อีก
เมื่อถามว่า ถ้าเสียงในสภาไม่พอจะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "ไม่พอก็ไม่ผ่าน แต่วันนี้อย่าเพิ่งไปสรุปว่า พรรคเพื่อไทยเขาจะไม่เอาด้วย อีกทั้งต้องมาดูว่า ทำอย่างไรจะเป็นไปตามวัตถุประสงค์ คือ แก้ปมปัญหาที่เป็นข้อขัดแย้งในเรื่องรัฐธรรมนูญ ส่วนท่าทีพรรคเพื่อไทยคงไปตอบแทนไม่ได้ แต่คิดว่าอาจจะเปลี่ยนแปลงได้อีกก็เท่านั้นเอง"
"วิทยา"ร้อนใจจี้ประชุมวิปแจ้งมติพท.
นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยมีมติไม่เห็นด้วยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามข้อตกลงของวิป 3 ฝ่าย โดยให้เหตุผลว่าพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ 2550 มาตั้งแต่ต้นว่า ขอให้ประธานวิปรัฐบาลนัดหารือกับวิปฝ่ายค้านในกรณีดังกล่าวได้ทันที ถ้านัดได้ในวันที่ 15 ตุลาคมนี้เลยจะยิ่งดี เพราะจะได้จบลงโดยเร็ว จะนำมติของพรรคเพื่อไทยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปแจ้งให้รับทราบ อย่างไรก็ตาม เสียงของรัฐบาล และวุฒิสภา เพียงพออยู่แล้วในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ให้รัฐบาลดำเนินการได้ โดยไม่ต้องทำให้พรรคเพื่อไทยกลายเป็นปัญหาของเรื่องนี้
ด้านนายพิษณุ หัตถสงเคาระห์ ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า เรื่องรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยจบลงด้วยดี โดยวิปฝ่ายค้านเคารพมติของพรรคตนจะขอทำหน้าที่เลขาฯวิปต่อไป โดยจะไม่ไขก๊อกตามที่ให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ วิปฝ่ายค้านจะนำมติของพรรคไปแจ้งให้วิปอีก 2 ฝ่ายรับทราบพร้อมกับเจรจาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากรัฐบาลเปลี่ยนใจยอมที่จะไม่ทำประชามติและแสดงความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ วิปฝ่ายค้านอาจจะร่วมพูดคุยกันต่อไปได้ แต่ถ้ารัฐบาลยังยืนยันว่าจะทำประชามติให้รัฐบาลดำเนินการไปเอง
ชี้"แม้ว"ส่งสัญญาณเปลี่ยนจุดยืนพท.
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล กล่าวว่า จะรอคำยืนยันจากวิปฝ่ายค้านถึงข้อสรุปของพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง เพราะหากฝ่ายค้านไม่เข้าร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วจะมีแนวทางอย่างไรต่อไป เนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาลมีจุดยืนชัดเจนแล้วว่าการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญตามแนวทางของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯจะเป็นจุดเริ่มต้นในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ เชื่อว่าการทำประชามติจะทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความเห็น ทั้งฝ่ายที่เห็นชอบและไม่เห็นชอบ
นายชินวรณ์กล่าวอีกว่า จุดเปลี่ยนแปลงพรรคเพื่อไทยเกิดจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีส่งสัญญาณมา โดยคำนึงถึงแต่ประโยชน์ส่วนตัว จึงยังหวังว่าพรรคเพื่อไทยจะทบทวนการตัดสินใจอีกครั้งว่าการคลี่คลายสถานการณ์ทางการเมืองได้ต้องไม่ยึดถือเพียงประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น อยากให้ทุกฝ่ายกลับมาใช้กลไกของรัฐสภาเป็นแนวทางแก้ไขปัญหา
ชี้พท.บอยคอยแก้รธน.ล่ม
นายชินวรณ์ยังกล่าวยอมรับว่า หากพรรคเพื่อไทยไม่ร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ กระบวนการก็คงจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ เพราะเสียงของรัฐบาลและ ส.ว.ที่มีอยู่มีไม่ถึง 312 เสียง เนื่องจาก ส.ว.บางส่วนไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะนี้วิปรัฐบาลก็จะประสานกับวิปฝ่ายค้านเพื่อให้กลับเข้าสู่กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป ส่วนตัวก็รู้สึกเห็นใจนายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน ที่ทำงานอย่างสร้างสรรค์ แตกต่างจากบางคนที่คิดแต่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและครอบครัว
วิปฝ่ายค้านยังไม่ตอบประชุม22ต.ค.
นายธนิตพล ไชยนันทน์ ส.ส.ตาก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล กล่าวว่า ขณะนี้วิปรัฐบาลยังประสานกับวิปฝ่ายค้านเป็นการภายในเพื่อให้กลับมาร่วมประชุมวิป 3 ฝ่าย ในวันที่ 22 ตุลาคมอยู่ แต่ยังไม่มีสัญญาณตอบรับกลับมาจะมาร่วมประชุมหรือไม่ โดยการประสานจะทำผ่านนายวิทยาเพราะประธานวิปเป็นผู้ที่ ส.ส.ในพรรคเลือกมา ส่วนปัญหาภายในพรรคเพื่อไทยก็ให้ไปแก้ไขกันเอง ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้นำรัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้ เชื่อว่าเป็นวิธีการต่อรองเท่านั้น เพราะถึงเวลาจริง ทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน และ ส.ว.ก็ต้องถอยกันคนละก้าว ไม่มีใครได้อย่างที่ตัวเองต้องการทั้งหมด พรรคประชาธิปัตย์เจ็บหนัก เพราะถูกขนาบจากหลายด้าน ทั้งพรรคร่วม ฝ่ายค้าน ส.ว. เสื้อเหลือง เสื้อแดง
ชทพ.เชื่อพท.กลับลำแค่แทคติค
นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า ชทพ.มีแนวทางว่าไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะเอาหรือไม่เอากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ชทพ.และพรรคร่วมรัฐบาลจะเดินหน้าต่อ เพราะเรายังมีเสียงพอสำหรับพรรคร่วมรัฐบาลและ ส.ว. อีกทั้ง ชทพ.ยังเชื่อมั่นว่าสุดท้ายแล้วพรรคเพื่อไทยจะกลับเข้าร่วมการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ เพราะพรรคเพื่อไทยอาจใช้แทคติคเพื่อต่อรองมากกว่า ในส่วน ชทพ.ยังยืนยันชัดเจนว่าจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญใน 6 ประเด็นต่อไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นการคืนสภาพให้ใกล้เคียงรัฐธรรมนูญปี 2540 ด้วย เมื่อแก้ไขแล้วยังคิดด้วยว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ประโยชน์มากกว่า ชทพ. และนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย เป็นผู้ใหญ่ทางการเมืองคงไม่รบกวนให้เป็นกลาง
"สุเทพ"บอกอย่าฝืนกระแสปชช.
ด้านนายสุเทพกล่าวว่า ยังไม่ชัดเจนกรณีท่าทีพรรคเพื่อไทยและไม่รีบในการตัดสินใจ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ต้องดูให้ชัด เพราะเขาตัดสินใจกลับไปกลับมาหลายครั้ง ถ้าเขาไม่เอาจริงก็เดินหน้าไม่ได้ นายกรัฐมนตรีก็ประกาศเอาไว้ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องแก้ไขด้วยกันทั้ง 3 ฝ่าย ทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน วุฒิสภา แต่ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดถอนตัวไปเหลือ 2 ฝ่าย ไม่สมานฉันท์ แต่ยังไม่ฟันธงไปถึงขนาดนั้น จึงขอไม่วิจารณ์ ถ้าวิจารณ์ไปก็ไม่สมานฉันท์ เมื่อถามว่า การกลับมาเล่นการเมืองของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย รู้สึกหวั่นไหวอะไรหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่หวั่นไหว เรามีหน้าที่แก้ปัญหาก็ทำไป เหมือนกับประชาชนขอให้อย่าตื่นตระหนก อย่าตกใจกับสถานการณ์กับความเปลี่ยนแปลงผันผวนทางการเมือง แต่ให้ตระหนักว่าเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคนที่จะแสดงออกว่าจริงๆ แล้วประชาชนต้องการอะไร ฝ่ายอื่นจะได้รู้สึกสำนึกว่าอย่าฝืนกระแสของประชาชน
ด้านนายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ขณะนี้ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ประกอบด้วยฝ่ายกฎหมายทั้ง 2 สภา จำนวน 9 คน โดยมีนายจเร พันธุ์เปลื่อง รองเลขาธิการสภา เป็นประธานคณะทำงาน โดยยึดหลักดำเนินการตามข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์ และที่ประชุมวิปทั้ง 3 ฝ่ายจะต้องยกร่างให้เสร็จก่อนวันที่ 22 ตุลาคม เพื่อนำเข้าที่ประชุมวิป 3 ฝ่ายต่อไป
ซัด"ปชป."แก้237มีวาระซ่อนเร้น
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มีกระแสข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์จะถูกยุบจากกรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท และเงินสนับสนุนพรรค 29 ล้านบาท จึงเปลี่ยนจุดยืนของตัวเองมาแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 ซึ่งมีวาระซ่อนเร้น ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยมีจุดยืนที่แน่นอนคือไม่เอารัฐธรรมนูญปี พ.ศ.2550 ที่มาจากไข่ตัวเงินตัวทอง และมาตรา 309 ก็ไม่เป็นนิติรัฐที่รับรองการกระทำที่ผิดกฎหมายรับรองการกระทำของคณะรัฐประหารซึ่งทางพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยและไม่ร่วมสังฆกรรมเพราะรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 มาจากเผด็จการ
"40ส.ว."ให้"มาร์ค"ล้มกระดาน
นายคำนูญ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ในกลุ่ม 40 ส.ว.กล่าวว่า ทุกฝ่ายควรยุติเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เนื่องจากไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ ที่นายกรัฐมนตรีเคยประกาศในการประชุมร่วมรัฐสภา ที่ระบุว่า หากทุกฝ่ายเห็นพ้องในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเดินหน้าให้มีการแก้ไข แต่พรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับ 6 ประเด็นที่คณะกรรมการสมานฉันท์เสนอ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะเดินหน้าต่อไป แต่นายกรัฐมนตรีกลับประกาศยืนยันจะเดินหน้าแก้ไขต่อไป ดังนั้น ขอตั้งข้อสังเกตว่า การที่นายกรัฐมนตรียังยืนยันเดินหน้าต่อ เป็นเพราะถูกพรรคร่วมรัฐบาล ต้องการให้แก้ไขในประเด็นเกี่ยวกับเขตเลือกตั้งเป็นเขตเดียวเบอร์เดียวหรือไม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรี จะต้องตอบเรื่องนี้ให้ได้ เพราะหากยังดื้อดึง ไม่สามารถสร้างความสมานฉันท์ได้อย่างแน่นอน
พท.บี้ยุบสภามั่นใจรีเทิร์นรบ.
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองอย่างไรที่พรรคเพื่อไทยกลับลำไม่เข้าร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายคำนูญกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยต้องการให้มีการยุบสภามากกว่า เพราะมั่นใจว่าจะได้กลับมาเป็นรัฐบาลเสียงเกินกึ่งหนึ่ง แล้วค่อยมาผลักดันใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ตามความต้องการ แต่หากเข้าร่วมแก้รัฐธรรมนูญตามวิป 3 ฝ่าย ฝ่ายค้านไม่มั่นใจว่าจะยุบสภาหลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะระหว่างการแก้ไขต้องใช้เวลา 9 เดือน รัฐบาลอาจจะอ้างได้ว่าไม่มีความขัดแย้ง และหาความชอบธรรมในการต่ออายุรัฐบาลต่อไป ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อพรรคเพื่อไทย ดังนั้นเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะทำทุกวิถีทางในการกดดันให้มีการยุบสภาโดยเร็วที่สุด เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลมีช่องโหว่เรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นโครงการชุมชนพอเพียงและโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งล้วนแต่ไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล จึงอาจทำให้ต้องยุบสภาก่อน 9 เดือน
สอบ"มาร์ค-บิ๊กพรรคร่วม"ฝืนศาลรธน.ชี้
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ประธานะคณะกรรมการตรวจสอบอำนาจรัฐของสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ กกต. ขอให้ตรวจสอบนายอภิสิทธิ์ และพรรคร่วมรัฐบาล กรณีนายกรัฐมนตรีเชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมาหารือเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่บ้านพิษณุโลก เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง โดยได้นำหลักฐานเป็นสำเนาข่าวหนังสือพิมพ์หลายฉบับมามอบไว้เป็นหลักฐาน
พล.ร.อ.บรรณวิทย์กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์และแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้เกรงกลัวต่อคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปีกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล จึงขอให้ดำเนินการตรวจสอบและพิจารณายุบพรรคการเมืองทั้ง 6 พรรค ทั้งนี้ หากภายใน 2 สัปดาห์นี้ กกต.ยังไม่ดำเนินการตรวจสอบและมีผลการพิจารณาออกมา ตนจะเดินทางเข้าแจ้งความกับ กกต. ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมทั้งจะไปร้องเรียนกับสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินอีกครั้ง
"ชัย"เมิน"พท."ให้ฟังเสียงปชช.
นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ถึงมติพรรคเพื่อไทย (พท.) ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ประเด็น ตามคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อปฏิรูปการเมืองและศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ควรนำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้ว่า เขาก็พูดในส่วนของเขา แต่ทุกอย่างตามระบอบประชาธิปไตยต้องใช้เสียงข้างมาก โดยใช้เสียงประมาณ 311 เสียงในสภาก็ทำได้แล้ว ส่วนที่มองว่ารัฐสภาไม่เป็นเอกภาพนั้นจะทำอย่างไรได้ ตอนประชามติได้ 14 ล้านเสียง ก็ยังไม่เป็นเอกภาพเลย เมื่อถามว่า แสดงว่าไม่ฟังเสียงจากฝ่ายค้านแล้ว นายชัยกล่าวว่า ต้องฟังประชาชน ประชาชนคือเสียงสวรรค์ เมื่อถามว่า ถ้าเสียงไม่ถึงเพราะฝ่ายค้านไม่เอาด้วยจะทำอย่างไร นายชัยกล่าวว่า รัฐสภามีเสียงทั้งหมด 600 กว่าเสียง ใช้จริงๆ 311 เสียง แต่ถ้าเสียงไม่พอก็ตกไป แต่ยังเก็บไว้เพื่อนำมาพิจารณาใหม่ได้
"มาร์ค"แบะท่าเสียงไม่พอล่ม
ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภาถึงการหารือล่าสุด กับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่บ้านพิษณุโลกเมื่อค่ำวันที่ 13 ตุลาคม ถึงกรณีการแก้ไขรับธรรมนูญ ว่า จุดขณะนี้ คือประธานรัฐสภาคงจะสั่งให้ยกร่างในกรอบเวลาที่ตกลงกัน จากนั้นจะนำกลับมาดู รัฐบาลยังยืนยันพร้อมที่จะทำตาม สิ่งที่เคยตกลงกันไว้คือ เมื่อยกร่างเสร็จจะจัดทำประชามติเมื่อมีกฎหมายประชามติเรียบร้อย แล้วยังเชิญชวนพรรคการเมืองที่เคยตกลงกันไว้ ควรจะมาร่วมในกระบวนการ ส่วนที่พรรคเพื่อไทย ปฏิเสธชัดเจนว่าไม่เอาด้วยนั้น เขาอาจจะเปลี่ยนใจได้อีก
เมื่อถามว่า ถ้าเสียงในสภาไม่พอจะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "ไม่พอก็ไม่ผ่าน แต่วันนี้อย่าเพิ่งไปสรุปว่า พรรคเพื่อไทยเขาจะไม่เอาด้วย อีกทั้งต้องมาดูว่า ทำอย่างไรจะเป็นไปตามวัตถุประสงค์ คือ แก้ปมปัญหาที่เป็นข้อขัดแย้งในเรื่องรัฐธรรมนูญ ส่วนท่าทีพรรคเพื่อไทยคงไปตอบแทนไม่ได้ แต่คิดว่าอาจจะเปลี่ยนแปลงได้อีกก็เท่านั้นเอง"
"วิทยา"ร้อนใจจี้ประชุมวิปแจ้งมติพท.
นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยมีมติไม่เห็นด้วยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามข้อตกลงของวิป 3 ฝ่าย โดยให้เหตุผลว่าพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ 2550 มาตั้งแต่ต้นว่า ขอให้ประธานวิปรัฐบาลนัดหารือกับวิปฝ่ายค้านในกรณีดังกล่าวได้ทันที ถ้านัดได้ในวันที่ 15 ตุลาคมนี้เลยจะยิ่งดี เพราะจะได้จบลงโดยเร็ว จะนำมติของพรรคเพื่อไทยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปแจ้งให้รับทราบ อย่างไรก็ตาม เสียงของรัฐบาล และวุฒิสภา เพียงพออยู่แล้วในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ให้รัฐบาลดำเนินการได้ โดยไม่ต้องทำให้พรรคเพื่อไทยกลายเป็นปัญหาของเรื่องนี้
ด้านนายพิษณุ หัตถสงเคาระห์ ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า เรื่องรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยจบลงด้วยดี โดยวิปฝ่ายค้านเคารพมติของพรรคตนจะขอทำหน้าที่เลขาฯวิปต่อไป โดยจะไม่ไขก๊อกตามที่ให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ วิปฝ่ายค้านจะนำมติของพรรคไปแจ้งให้วิปอีก 2 ฝ่ายรับทราบพร้อมกับเจรจาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากรัฐบาลเปลี่ยนใจยอมที่จะไม่ทำประชามติและแสดงความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ วิปฝ่ายค้านอาจจะร่วมพูดคุยกันต่อไปได้ แต่ถ้ารัฐบาลยังยืนยันว่าจะทำประชามติให้รัฐบาลดำเนินการไปเอง
ชี้"แม้ว"ส่งสัญญาณเปลี่ยนจุดยืนพท.
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล กล่าวว่า จะรอคำยืนยันจากวิปฝ่ายค้านถึงข้อสรุปของพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง เพราะหากฝ่ายค้านไม่เข้าร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วจะมีแนวทางอย่างไรต่อไป เนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาลมีจุดยืนชัดเจนแล้วว่าการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญตามแนวทางของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯจะเป็นจุดเริ่มต้นในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ เชื่อว่าการทำประชามติจะทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความเห็น ทั้งฝ่ายที่เห็นชอบและไม่เห็นชอบ
นายชินวรณ์กล่าวอีกว่า จุดเปลี่ยนแปลงพรรคเพื่อไทยเกิดจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีส่งสัญญาณมา โดยคำนึงถึงแต่ประโยชน์ส่วนตัว จึงยังหวังว่าพรรคเพื่อไทยจะทบทวนการตัดสินใจอีกครั้งว่าการคลี่คลายสถานการณ์ทางการเมืองได้ต้องไม่ยึดถือเพียงประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น อยากให้ทุกฝ่ายกลับมาใช้กลไกของรัฐสภาเป็นแนวทางแก้ไขปัญหา
ชี้พท.บอยคอยแก้รธน.ล่ม
นายชินวรณ์ยังกล่าวยอมรับว่า หากพรรคเพื่อไทยไม่ร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ กระบวนการก็คงจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ เพราะเสียงของรัฐบาลและ ส.ว.ที่มีอยู่มีไม่ถึง 312 เสียง เนื่องจาก ส.ว.บางส่วนไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะนี้วิปรัฐบาลก็จะประสานกับวิปฝ่ายค้านเพื่อให้กลับเข้าสู่กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป ส่วนตัวก็รู้สึกเห็นใจนายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน ที่ทำงานอย่างสร้างสรรค์ แตกต่างจากบางคนที่คิดแต่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและครอบครัว
วิปฝ่ายค้านยังไม่ตอบประชุม22ต.ค.
นายธนิตพล ไชยนันทน์ ส.ส.ตาก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล กล่าวว่า ขณะนี้วิปรัฐบาลยังประสานกับวิปฝ่ายค้านเป็นการภายในเพื่อให้กลับมาร่วมประชุมวิป 3 ฝ่าย ในวันที่ 22 ตุลาคมอยู่ แต่ยังไม่มีสัญญาณตอบรับกลับมาจะมาร่วมประชุมหรือไม่ โดยการประสานจะทำผ่านนายวิทยาเพราะประธานวิปเป็นผู้ที่ ส.ส.ในพรรคเลือกมา ส่วนปัญหาภายในพรรคเพื่อไทยก็ให้ไปแก้ไขกันเอง ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้นำรัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้ เชื่อว่าเป็นวิธีการต่อรองเท่านั้น เพราะถึงเวลาจริง ทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน และ ส.ว.ก็ต้องถอยกันคนละก้าว ไม่มีใครได้อย่างที่ตัวเองต้องการทั้งหมด พรรคประชาธิปัตย์เจ็บหนัก เพราะถูกขนาบจากหลายด้าน ทั้งพรรคร่วม ฝ่ายค้าน ส.ว. เสื้อเหลือง เสื้อแดง
ชทพ.เชื่อพท.กลับลำแค่แทคติค
นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า ชทพ.มีแนวทางว่าไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะเอาหรือไม่เอากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ชทพ.และพรรคร่วมรัฐบาลจะเดินหน้าต่อ เพราะเรายังมีเสียงพอสำหรับพรรคร่วมรัฐบาลและ ส.ว. อีกทั้ง ชทพ.ยังเชื่อมั่นว่าสุดท้ายแล้วพรรคเพื่อไทยจะกลับเข้าร่วมการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ เพราะพรรคเพื่อไทยอาจใช้แทคติคเพื่อต่อรองมากกว่า ในส่วน ชทพ.ยังยืนยันชัดเจนว่าจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญใน 6 ประเด็นต่อไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นการคืนสภาพให้ใกล้เคียงรัฐธรรมนูญปี 2540 ด้วย เมื่อแก้ไขแล้วยังคิดด้วยว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ประโยชน์มากกว่า ชทพ. และนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย เป็นผู้ใหญ่ทางการเมืองคงไม่รบกวนให้เป็นกลาง
"สุเทพ"บอกอย่าฝืนกระแสปชช.
ด้านนายสุเทพกล่าวว่า ยังไม่ชัดเจนกรณีท่าทีพรรคเพื่อไทยและไม่รีบในการตัดสินใจ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ต้องดูให้ชัด เพราะเขาตัดสินใจกลับไปกลับมาหลายครั้ง ถ้าเขาไม่เอาจริงก็เดินหน้าไม่ได้ นายกรัฐมนตรีก็ประกาศเอาไว้ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องแก้ไขด้วยกันทั้ง 3 ฝ่าย ทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน วุฒิสภา แต่ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดถอนตัวไปเหลือ 2 ฝ่าย ไม่สมานฉันท์ แต่ยังไม่ฟันธงไปถึงขนาดนั้น จึงขอไม่วิจารณ์ ถ้าวิจารณ์ไปก็ไม่สมานฉันท์ เมื่อถามว่า การกลับมาเล่นการเมืองของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย รู้สึกหวั่นไหวอะไรหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่หวั่นไหว เรามีหน้าที่แก้ปัญหาก็ทำไป เหมือนกับประชาชนขอให้อย่าตื่นตระหนก อย่าตกใจกับสถานการณ์กับความเปลี่ยนแปลงผันผวนทางการเมือง แต่ให้ตระหนักว่าเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคนที่จะแสดงออกว่าจริงๆ แล้วประชาชนต้องการอะไร ฝ่ายอื่นจะได้รู้สึกสำนึกว่าอย่าฝืนกระแสของประชาชน
ด้านนายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ขณะนี้ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ประกอบด้วยฝ่ายกฎหมายทั้ง 2 สภา จำนวน 9 คน โดยมีนายจเร พันธุ์เปลื่อง รองเลขาธิการสภา เป็นประธานคณะทำงาน โดยยึดหลักดำเนินการตามข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์ และที่ประชุมวิปทั้ง 3 ฝ่ายจะต้องยกร่างให้เสร็จก่อนวันที่ 22 ตุลาคม เพื่อนำเข้าที่ประชุมวิป 3 ฝ่ายต่อไป
ซัด"ปชป."แก้237มีวาระซ่อนเร้น
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มีกระแสข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์จะถูกยุบจากกรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท และเงินสนับสนุนพรรค 29 ล้านบาท จึงเปลี่ยนจุดยืนของตัวเองมาแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 ซึ่งมีวาระซ่อนเร้น ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยมีจุดยืนที่แน่นอนคือไม่เอารัฐธรรมนูญปี พ.ศ.2550 ที่มาจากไข่ตัวเงินตัวทอง และมาตรา 309 ก็ไม่เป็นนิติรัฐที่รับรองการกระทำที่ผิดกฎหมายรับรองการกระทำของคณะรัฐประหารซึ่งทางพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยและไม่ร่วมสังฆกรรมเพราะรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 มาจากเผด็จการ
"40ส.ว."ให้"มาร์ค"ล้มกระดาน
นายคำนูญ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ในกลุ่ม 40 ส.ว.กล่าวว่า ทุกฝ่ายควรยุติเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เนื่องจากไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ ที่นายกรัฐมนตรีเคยประกาศในการประชุมร่วมรัฐสภา ที่ระบุว่า หากทุกฝ่ายเห็นพ้องในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเดินหน้าให้มีการแก้ไข แต่พรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับ 6 ประเด็นที่คณะกรรมการสมานฉันท์เสนอ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะเดินหน้าต่อไป แต่นายกรัฐมนตรีกลับประกาศยืนยันจะเดินหน้าแก้ไขต่อไป ดังนั้น ขอตั้งข้อสังเกตว่า การที่นายกรัฐมนตรียังยืนยันเดินหน้าต่อ เป็นเพราะถูกพรรคร่วมรัฐบาล ต้องการให้แก้ไขในประเด็นเกี่ยวกับเขตเลือกตั้งเป็นเขตเดียวเบอร์เดียวหรือไม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรี จะต้องตอบเรื่องนี้ให้ได้ เพราะหากยังดื้อดึง ไม่สามารถสร้างความสมานฉันท์ได้อย่างแน่นอน
พท.บี้ยุบสภามั่นใจรีเทิร์นรบ.
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองอย่างไรที่พรรคเพื่อไทยกลับลำไม่เข้าร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายคำนูญกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยต้องการให้มีการยุบสภามากกว่า เพราะมั่นใจว่าจะได้กลับมาเป็นรัฐบาลเสียงเกินกึ่งหนึ่ง แล้วค่อยมาผลักดันใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ตามความต้องการ แต่หากเข้าร่วมแก้รัฐธรรมนูญตามวิป 3 ฝ่าย ฝ่ายค้านไม่มั่นใจว่าจะยุบสภาหลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะระหว่างการแก้ไขต้องใช้เวลา 9 เดือน รัฐบาลอาจจะอ้างได้ว่าไม่มีความขัดแย้ง และหาความชอบธรรมในการต่ออายุรัฐบาลต่อไป ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อพรรคเพื่อไทย ดังนั้นเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะทำทุกวิถีทางในการกดดันให้มีการยุบสภาโดยเร็วที่สุด เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลมีช่องโหว่เรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นโครงการชุมชนพอเพียงและโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งล้วนแต่ไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล จึงอาจทำให้ต้องยุบสภาก่อน 9 เดือน
สอบ"มาร์ค-บิ๊กพรรคร่วม"ฝืนศาลรธน.ชี้
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ประธานะคณะกรรมการตรวจสอบอำนาจรัฐของสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ กกต. ขอให้ตรวจสอบนายอภิสิทธิ์ และพรรคร่วมรัฐบาล กรณีนายกรัฐมนตรีเชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมาหารือเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่บ้านพิษณุโลก เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง โดยได้นำหลักฐานเป็นสำเนาข่าวหนังสือพิมพ์หลายฉบับมามอบไว้เป็นหลักฐาน
พล.ร.อ.บรรณวิทย์กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์และแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้เกรงกลัวต่อคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปีกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล จึงขอให้ดำเนินการตรวจสอบและพิจารณายุบพรรคการเมืองทั้ง 6 พรรค ทั้งนี้ หากภายใน 2 สัปดาห์นี้ กกต.ยังไม่ดำเนินการตรวจสอบและมีผลการพิจารณาออกมา ตนจะเดินทางเข้าแจ้งความกับ กกต. ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมทั้งจะไปร้องเรียนกับสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินอีกครั้ง
กัมพูชาหรือมหาอำมาตย์

เขาหาเหตุกัมพูชาน่าสนเท่ห์
ใครเกเรงานนี้มีความหมาย
เรื่องดินแดนโดดเด่นเพราะเป็นตาย
ชีวาวายก็ยังยอมเข้าพร้อมพลี
ชาตินิยมสมศักดิ์เพราะรักชาติ
ใครบังอาจเราก็รบไม่หลบหนี
แต่คำถามอึดอัดเป็นปรัศนี
วิกฤติการณ์งานนี้ใครชี้นำ
เรื่องปราสาทพระวิหารเหตุการณ์เก่า
ไปปลุกเอาขึ้นมาใหม่ใส่กระหน่ำ
แปลกประธานอาเซียนวนเวียนทำ
ชูปัญหาขึ้นนำไปทำไม
อะไรคือเบื้องหลังในครั้งนี้
ผลประโยชน์หากมีอยู่ที่ไหน
บ้าสมบัติถ้วนทั้งผองจิตของใคร
อาฆาตแค้นจากยุคใดถึงไล่ตาม
ทุกดินแดนทับซ้อนไม่ซ่อนเงื่อน
เห็นเป็นเพื่อนผูกมิตรไม่คิดหยาม
ใช้การทูตชี้นำไม่ต่ำทราม
ถึงเป็นความกี่คดีก็มีทาง
เริ่มจากตั้งรัฐมนตรีต่างประเทศ
หนักกิเลสเกรดหยาบก็สาบสาง
เจรจาที่ใดแทบวายวาง
เหมือนเป็นลางบอกเหตุประเทศไทย
จนถึงนายกรัฐมนตรีที่เขาเชิด
ต้นกำเนิดล้าหลังจากรังไข่
ใครไม่มาด้วยประชาธิปไตย
ประเทศไหนเขาก็รับแล้วหลับตา
แต่เหนือกว่าสิ่งใดเมืองไทยนี้
คือมือที่มองไม่เห็นคอยเข่นฆ่า
อาฆาตแค้นลึกล้ำกัมพูชา
ด้วยต่ำเตี้ยเสียหน้าในสากล
เราร่วมกันพัฒนาพาราร่วม
ผลประโยชน์มวลรวมก็เข้มข้น
หลังสงครามย่อยยับเขาปรับตน
สู่สากลชดเชยที่เคยพัง
เราเพื่อนบ้านยิ่งต้องร่วมควรรวมหนัก
ให้ความรักลอยข้ามแทนความหลัง
กลุ่มอาเซียนก้าวหน้าดาราดัง
เรื่องใดเราชิงชังนั่งเจรจา
แต่อำมาตย์อึดอัดออกขัดข้อง
เพราะเขามองเพื่อนดีเหมือนขี้ข้า
พาลไปรอบสี่ทิศอนิจจา
นำโลกาวิบัติใหม่สู่ไทยเรา
เศรษฐกิจโลกเข้าเขากลัวล้ม
กลัวทรัพย์สินถูกข่มจนซมเศร้า
ทุนนิยมก้าวใหม่จึงไม่เอา
เอาทุนเก่าเข้าครองเพราะของตน
ทัศนะแบบอำมาตย์ชาติไม่รอด
ต้องเข้าจอดเหมือนอาชาม้าตีนต้น
ทะเลาะเขารอบด้านเป็นพาลชน
จะอับจนไปอีกนานถ้าบานปลาย
กองทัพต้องหยุดกระทำตามอำมาตย์
เริ่มรักชาติกันเสียบ้างยังไม่สาย
เลิกเอาใจคนที่เห็นว่าเป็น “นาย”
สู่เป้าหมายอันสมควรคือ “มวลชน”
จักรภพ เพ็ญแข
ที่มา:คอลัมน์ “ร้อยรักอักษราเป็นอาวุธ”
วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2552
พรรคการเมืองใหม่..ผีเน่าที่แยกวงจากโลงผุ
ล่วงเลยไปแล้วหลายวัน แต่ฝุ่นควันยังไม่ยอมจางหายไปซักที สำหรับการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา นับเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่ได้รับความสนใจอย่างมืดฟ้ามัวดิน ชนิดที่ว่า แทบจะเหยียบกันตายที่ธันเดอร์โดม
เมื่อสนามกีฬาที่ออกแบบมาเพื่อรองรับผู้ชมแค่ 5 พัน ต้องมารับศึกหนักจากยอดพันธมิตร ที่แห่แหนกันเข้าไปอย่างล้นหลามถึง 2,000 คน
เป็นธรรมดาของผู้ยิ่งใหญ่อย่างเดอะแป๊ะ ที่ก้าวย่างแต่ละที แผ่นดินแทบจะทรุดลงไปซะให้ได้
แล้วก็เป็นไปตามคาด เมื่อการนับคะแนนซึ่งแสดงเจตนารมย์โดยการยกมือ ผลปรากฎว่าแป๊ะได้รับเลือกอย่างถล่มทลายถึง 1,700 เสียง ในขณะที่อีก 300 เสียง ไม่รู้ว่าผิดคิวอีท่าไหน ถึงไม่ยอมเลือกแป๊ะ
แต่ถึงยังไง มันก็เพียงพอที่จะทำให้แป๊ะเข้าป้ายไปอย่างลอยลำ ลืมไปเลยกับที่เคยถ่มน้ำลายไว้เลอะเทอะ ในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์เมื่อปี 2548 ว่า...
"ผมขอประกาศให้ทราบว่า ถ้าในอนาคตเห็นผมรับตำแหน่งทางการเมือง ถ้าเจอที่ไหนให้พ่อแม่พี่น้องถอดรองเท้าขว้างใส่หน้า หรือถ่มน้ำลายใส่หน้าผมได้เลย"
เป็นอันว่า สำหรับหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ สดๆซิงๆ ภารกิจอันหนักอึ้งนับจากนี้ไป คือการคอยหลบหลีกรองเท้า จากจอมตบหน้าอย่างป้าเสื้อแดงให้ดี เพราะผลงานจากการที่เคยถอดรองเท้าตบหน้ามาร์คมาแล้ว ถือว่าไม่ธรรมดาจริงๆ
เห็นไหมล่ะ! ปัญหานักการเมืองโกงกิน แก้ได้ง่ายๆด้วยการตั้งพรรคการเมืองใหม่ ถ้ายังไม่ดีขึ้นอีก อาจจะมีพรรคการเมืองใหม่กว่า ใหม่ที่สุด และใหม่กว่าของใหม่ที่สุด ตามมาอีกเป็นระลอก
คนเรายามเมื่อดวงตก แม้แต่เรียกหมามันยังไม่กระดิกหาง เมื่อทั้งเจ้ากุ๊ยกษิต เจ้าด่างบุญยอด กับเจ้าตูบสมเกียรติ ต่างออกอาการตาขวาง ไม่ยอมกลับเข้ากรงง่ายๆ ทั้งๆที่เจ้าของร้องเรียกโม่วๆจนปากฉีกถึงรูหู อุตส่าห์ร่วมแรงร่วมใจ ป่วนบ้านป่วนเมืองด้วยกันอยู่ได้ตั้งนาน จู่ๆอุดมการณ์มันดันไม่ตรงกันขึ้นมาดื้อๆ
ก็ไม่รู้ว่าอุดมการณ์อะไรของพวกมัน ถึงได้เปราะบางหลุดรุ่ย อย่างกับเส้นด้ายเปื่อยๆ ขนาดนั้น
ควันหลงตามมา ที่ต้องจับตาดูกันให้ดี คือพรรคการเมืองเก่าแก่ขี้อิจฉาอย่างประชาธิป่วน ที่โดนย้อนเกล็ดเข้าไปลูกนี้ เห็นทีจะทำใจลำบาก
เมื่อหมาหวงก้างอุตส่าห์ยอมกัดฟัน ส่งกระดูกชิ้นเดียวที่มีอยู่ไปให้หมาบ้ายืมแทะ หวังเพียงว่าจะได้มีแรงไปไล่กัดทักษิณ ที่เป็นคู่แค้นกันมาแต่ชาติปางก่อน ไม่คาดว่าพอแทะนานเข้า หมาบ้าชักจะมันปาก นึกว่ากระดูกชิ้นนั้น เป็นของมันไปซะฉิบ
สุนัขสองตัวไม่อาจแทะกระดูกชิ้นเดียวกันได้ฉันใด ศึกชิงกระดูกชิ้นใหญ่ ระหว่างพรรคการเมืองใหม่ กับพรรคการเมืองเก่าแก่โบร่ำโบราณ ก็ต้องเกิดขึ้นฉันนั้น
เล่นกะใครไม่เล่น มาเล่นกับแมลงสาบ แล้วแป๊ะจะรู้ ว่านรกนั้นมีจริง
อุตส่าห์สู้ถนอมน้ำใจ คำน้อยไม่เคยว่าให้เสียหาย มีไหมที่ใครมาด่าพรรคแมลงสาบแล้ว ไม่ถูกประสานเสียงเห่าหอนโต้ตอบ อย่างเอาเป็นเอาตาย จะมีก็แต่แป๊ะนี่แหละ ที่ได้รับสิทธิพิเศษ ปล่อยให้ด่าฟรีไม่มีชาร์จ แล้วยังจะเอายังไงอีก
ว่ากันว่า งานนี้มีสิทธิ์เจ๊งทั้งคู่ เมื่อพันธมิตรก็แผ่วปลายจนแทบไม่เหลือฟอร์มเดิมแล้ว เลือกตั้งเมื่อไหร่มีหวังม้วนเสื่อเก็บฉากเมื่อนั้น อะไรไม่ว่า จะพาลลากเอาแมลงสาบวอดวายไปด้วย อย่างช่วยไม่ได้
เพราะว่าช่วงหลายปี มานี้ พรรคสะตอก็โหนไข่เผด็จการจนเสียมวลชนไปไม่น้อย ซ้ำยังมาโชว์ฟอร์มห่วยแตก บริหารประเทศจนเละเทะอีก ไม่กล้าคิดเลยว่า เลือกตั้งครั้งหน้า ยังจะเหลือสาวกพันธุ์แท้จริงๆอยู่เท่าไหร่
ก็ในเมื่อฐานเสียงมันเป็นเนื้อเดียวกัน เหมือนผีเน่ากับโลงผุ เลือกตั้งครั้งต่อไป เชื่อขนมกินได้เลยว่ามีกัดกันเละเทะ ผลสุดท้ายคะแนนที่น้อยอยู่แล้ว ยังต้องมารวมพลังหารสองเข้าให้อีก แล้วมันจะไปมีอะไรเหลือ เขาถึงว่า งานนี้ตาอยู่สบายแฮ
เลิกคุยไปเลยเรื่อง 70/30 ตอนนี้แค่ประคองตัวให้รอด จากอาการเสียศูนย์แหกโค้งลงคูอย่างเสี่ยประชัยก็รากเลือดแล้ว
ในขณะที่การเมืองข้างถนน ถูกบีบเข้าตาจน ทำให้ต้องขึ้นมาวิ่งบนทางอย่างทุลักทุเล ส่วนพรรคการเมืองของอำมาตย์ ที่ใช้อภิสิทธิ์แล่นฉิวบนไฮเวย์ ก็กำลังจะซิ่งลงข้างถนน ด้วยฝีมือโชเฟอร์เด็กดื้อ มือใหม่หัดขับ อย่างเด็กชายเหงียนจอมกู้
งานนี้เล่นเอาแมลงสาบเฒ่าทั้งหลาย ต้องวิ่งกันตีนขวิด เพื่อหาทางดิสเบรคกันโดยด่วน ไม่งั้นเที่ยวนี้มีสิทธิ์ตายยกแก๊งค์
มาถึงขั้นนี้ คงต้องเอาใจช่วยแป๊ะกันสุดฤทธิ์สุดเดช คนเราลงว่าถึงขั้นแย่งสุนัขรับประทานแล้ว ต้องถือว่าเข้าตาจนสุดๆ จากผู้ยิ่งใหญ่ข้างถนน ที่หันไปทางไหนมีแต่คนชิ่งหลบกันวูบวาบ แต่หลังจากเจอปืนไปเที่ยวนั้น บารมีกลับวูบหายไม่เหลือหลอ ตอนนี้ขนาดจ้องหน้าสุนัข มันยังไม่ยอมหลบสายตา
ไม่รู้ว่าปราการด่านสุดท้าย คือพรรคการเมืองใหม่ จะคุ้มกะลาหัวแป๊ะได้ซักกี่น้ำ ในเมื่อหนทางข้างหน้า เห็นแล้วก็เข่าอ่อน ไหนจะคดีอาญาที่รออยู่เป็นกะตั้ก รวมกันแล้วไม่รู้ว่าจะเจอคุกกี่ปี เบาะๆที่หวยออกแล้วตอนนี้ ก็ 7 ปีกับอีก 3 เดือน ถึงขนาดหลบมุมไปทำปากกล้า แต่ขามันก็อดสั่นไม่ได้ งานนี้ต่อให้ไม่ตายคาคุก ก็ยังมีลุ้นยกสอง...
เจอยิงกบาลรอบใหม่
วโรทาห์: 14 ต.ค. 52
เมื่อสนามกีฬาที่ออกแบบมาเพื่อรองรับผู้ชมแค่ 5 พัน ต้องมารับศึกหนักจากยอดพันธมิตร ที่แห่แหนกันเข้าไปอย่างล้นหลามถึง 2,000 คน
เป็นธรรมดาของผู้ยิ่งใหญ่อย่างเดอะแป๊ะ ที่ก้าวย่างแต่ละที แผ่นดินแทบจะทรุดลงไปซะให้ได้
แล้วก็เป็นไปตามคาด เมื่อการนับคะแนนซึ่งแสดงเจตนารมย์โดยการยกมือ ผลปรากฎว่าแป๊ะได้รับเลือกอย่างถล่มทลายถึง 1,700 เสียง ในขณะที่อีก 300 เสียง ไม่รู้ว่าผิดคิวอีท่าไหน ถึงไม่ยอมเลือกแป๊ะ
แต่ถึงยังไง มันก็เพียงพอที่จะทำให้แป๊ะเข้าป้ายไปอย่างลอยลำ ลืมไปเลยกับที่เคยถ่มน้ำลายไว้เลอะเทอะ ในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์เมื่อปี 2548 ว่า...
"ผมขอประกาศให้ทราบว่า ถ้าในอนาคตเห็นผมรับตำแหน่งทางการเมือง ถ้าเจอที่ไหนให้พ่อแม่พี่น้องถอดรองเท้าขว้างใส่หน้า หรือถ่มน้ำลายใส่หน้าผมได้เลย"
เป็นอันว่า สำหรับหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ สดๆซิงๆ ภารกิจอันหนักอึ้งนับจากนี้ไป คือการคอยหลบหลีกรองเท้า จากจอมตบหน้าอย่างป้าเสื้อแดงให้ดี เพราะผลงานจากการที่เคยถอดรองเท้าตบหน้ามาร์คมาแล้ว ถือว่าไม่ธรรมดาจริงๆ
เห็นไหมล่ะ! ปัญหานักการเมืองโกงกิน แก้ได้ง่ายๆด้วยการตั้งพรรคการเมืองใหม่ ถ้ายังไม่ดีขึ้นอีก อาจจะมีพรรคการเมืองใหม่กว่า ใหม่ที่สุด และใหม่กว่าของใหม่ที่สุด ตามมาอีกเป็นระลอก
คนเรายามเมื่อดวงตก แม้แต่เรียกหมามันยังไม่กระดิกหาง เมื่อทั้งเจ้ากุ๊ยกษิต เจ้าด่างบุญยอด กับเจ้าตูบสมเกียรติ ต่างออกอาการตาขวาง ไม่ยอมกลับเข้ากรงง่ายๆ ทั้งๆที่เจ้าของร้องเรียกโม่วๆจนปากฉีกถึงรูหู อุตส่าห์ร่วมแรงร่วมใจ ป่วนบ้านป่วนเมืองด้วยกันอยู่ได้ตั้งนาน จู่ๆอุดมการณ์มันดันไม่ตรงกันขึ้นมาดื้อๆ
ก็ไม่รู้ว่าอุดมการณ์อะไรของพวกมัน ถึงได้เปราะบางหลุดรุ่ย อย่างกับเส้นด้ายเปื่อยๆ ขนาดนั้น
ควันหลงตามมา ที่ต้องจับตาดูกันให้ดี คือพรรคการเมืองเก่าแก่ขี้อิจฉาอย่างประชาธิป่วน ที่โดนย้อนเกล็ดเข้าไปลูกนี้ เห็นทีจะทำใจลำบาก
เมื่อหมาหวงก้างอุตส่าห์ยอมกัดฟัน ส่งกระดูกชิ้นเดียวที่มีอยู่ไปให้หมาบ้ายืมแทะ หวังเพียงว่าจะได้มีแรงไปไล่กัดทักษิณ ที่เป็นคู่แค้นกันมาแต่ชาติปางก่อน ไม่คาดว่าพอแทะนานเข้า หมาบ้าชักจะมันปาก นึกว่ากระดูกชิ้นนั้น เป็นของมันไปซะฉิบ
สุนัขสองตัวไม่อาจแทะกระดูกชิ้นเดียวกันได้ฉันใด ศึกชิงกระดูกชิ้นใหญ่ ระหว่างพรรคการเมืองใหม่ กับพรรคการเมืองเก่าแก่โบร่ำโบราณ ก็ต้องเกิดขึ้นฉันนั้น
เล่นกะใครไม่เล่น มาเล่นกับแมลงสาบ แล้วแป๊ะจะรู้ ว่านรกนั้นมีจริง
อุตส่าห์สู้ถนอมน้ำใจ คำน้อยไม่เคยว่าให้เสียหาย มีไหมที่ใครมาด่าพรรคแมลงสาบแล้ว ไม่ถูกประสานเสียงเห่าหอนโต้ตอบ อย่างเอาเป็นเอาตาย จะมีก็แต่แป๊ะนี่แหละ ที่ได้รับสิทธิพิเศษ ปล่อยให้ด่าฟรีไม่มีชาร์จ แล้วยังจะเอายังไงอีก
ว่ากันว่า งานนี้มีสิทธิ์เจ๊งทั้งคู่ เมื่อพันธมิตรก็แผ่วปลายจนแทบไม่เหลือฟอร์มเดิมแล้ว เลือกตั้งเมื่อไหร่มีหวังม้วนเสื่อเก็บฉากเมื่อนั้น อะไรไม่ว่า จะพาลลากเอาแมลงสาบวอดวายไปด้วย อย่างช่วยไม่ได้
เพราะว่าช่วงหลายปี มานี้ พรรคสะตอก็โหนไข่เผด็จการจนเสียมวลชนไปไม่น้อย ซ้ำยังมาโชว์ฟอร์มห่วยแตก บริหารประเทศจนเละเทะอีก ไม่กล้าคิดเลยว่า เลือกตั้งครั้งหน้า ยังจะเหลือสาวกพันธุ์แท้จริงๆอยู่เท่าไหร่
ก็ในเมื่อฐานเสียงมันเป็นเนื้อเดียวกัน เหมือนผีเน่ากับโลงผุ เลือกตั้งครั้งต่อไป เชื่อขนมกินได้เลยว่ามีกัดกันเละเทะ ผลสุดท้ายคะแนนที่น้อยอยู่แล้ว ยังต้องมารวมพลังหารสองเข้าให้อีก แล้วมันจะไปมีอะไรเหลือ เขาถึงว่า งานนี้ตาอยู่สบายแฮ
เลิกคุยไปเลยเรื่อง 70/30 ตอนนี้แค่ประคองตัวให้รอด จากอาการเสียศูนย์แหกโค้งลงคูอย่างเสี่ยประชัยก็รากเลือดแล้ว
ในขณะที่การเมืองข้างถนน ถูกบีบเข้าตาจน ทำให้ต้องขึ้นมาวิ่งบนทางอย่างทุลักทุเล ส่วนพรรคการเมืองของอำมาตย์ ที่ใช้อภิสิทธิ์แล่นฉิวบนไฮเวย์ ก็กำลังจะซิ่งลงข้างถนน ด้วยฝีมือโชเฟอร์เด็กดื้อ มือใหม่หัดขับ อย่างเด็กชายเหงียนจอมกู้
งานนี้เล่นเอาแมลงสาบเฒ่าทั้งหลาย ต้องวิ่งกันตีนขวิด เพื่อหาทางดิสเบรคกันโดยด่วน ไม่งั้นเที่ยวนี้มีสิทธิ์ตายยกแก๊งค์
มาถึงขั้นนี้ คงต้องเอาใจช่วยแป๊ะกันสุดฤทธิ์สุดเดช คนเราลงว่าถึงขั้นแย่งสุนัขรับประทานแล้ว ต้องถือว่าเข้าตาจนสุดๆ จากผู้ยิ่งใหญ่ข้างถนน ที่หันไปทางไหนมีแต่คนชิ่งหลบกันวูบวาบ แต่หลังจากเจอปืนไปเที่ยวนั้น บารมีกลับวูบหายไม่เหลือหลอ ตอนนี้ขนาดจ้องหน้าสุนัข มันยังไม่ยอมหลบสายตา
ไม่รู้ว่าปราการด่านสุดท้าย คือพรรคการเมืองใหม่ จะคุ้มกะลาหัวแป๊ะได้ซักกี่น้ำ ในเมื่อหนทางข้างหน้า เห็นแล้วก็เข่าอ่อน ไหนจะคดีอาญาที่รออยู่เป็นกะตั้ก รวมกันแล้วไม่รู้ว่าจะเจอคุกกี่ปี เบาะๆที่หวยออกแล้วตอนนี้ ก็ 7 ปีกับอีก 3 เดือน ถึงขนาดหลบมุมไปทำปากกล้า แต่ขามันก็อดสั่นไม่ได้ งานนี้ต่อให้ไม่ตายคาคุก ก็ยังมีลุ้นยกสอง...
เจอยิงกบาลรอบใหม่
วโรทาห์: 14 ต.ค. 52
วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552
ศาสดาโกเต๊กซ์ลิ้ม"ขึ้นศาลคดีลงข้อความเท็จในเอกสาร

มติชน : เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ที่ห้องพิจารณาคดี 808 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยคดีที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ในเครือผู้จัดการ และ ASTV, นายสุรเดช มุขยางกูร, น.ส.เสาวลักษ์ณ์ ธีรานุจรรยงค์, น.ส.ยุพิน จันทนา ในความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ จากกรณี ระหว่างวันที่ 29 เมษายน 2539 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2540 จำเลยที่ 1-2 ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท เมเนเจอร์มีเดียกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ร่วมกันลงข้อความเท็จในเอกสารของบริษัท เพื่อค้ำประกันหนี้ให้กับบริษัทในเครือเดอะเอ็ม กรุ๊ป แต่ไม่ได้รายงานเรื่องดังกล่าวไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเมื่อระหว่างวันที่ 8-31 ตุลาคม 2539 จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 4 ร่วมกันลงข้อความเท็จในเอกสารของบริษัท
โดยวันนี้จำเลยทั้ง 4 มาศาลตามนัด ศาลได้อ่านอธิบายคำฟ้องให้จำเลยฟังจนเป็นที่เข้าใจแล้วสอบคำให้การ จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ทั้งนี้อัยการโจทก์ แถลงขอนำสืบพยานจำนวน 5 นัด ขณะที่ ทนายจำเลยที่ 1, 3 และ 4 แถลงขอนำสืบพยานจำนวน 6 นัด ทนายจำเลยที่ 2 ขอนำพยานเข้าต่อสู้รวม 4 นัด โดยศาลนัดสืบพยานโจทก์ปากแรก ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2553
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)