--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เพื่อไทยเปิดตัว พล.อ.จิรเดช อดีดรอง ผบ.ทบ.ยุค คมช.


มติชน : เพื่อไทยเปิดตัวเพื่อนร่วม ตท.10 -พล.อ.จิรเดช อดีตรองผบ.ทบ.ยุค คมช.เข้าพรรค เมินคำพูด “ป๋าเปรม” ไม่ถึงตัว ยืนยันจงรักภักดี พร้อมรับงานสร้างความเข้าใจระหว่างกองทัพและพรรคเพื่อไทย “ยงยุทธ” กร้าวคนเข้าพรรคเพื่อไทยไม่มีใครคิดทรยศชาติแม้ผงธุลี ชี้ปักหลักมั่นคงได้

ส.ส.ปชป.ไม่หวั่น”คนดัง”ตบเท้าเข้า พท.เย้ยเป็นตัวของตัวเองแค่ไหน

นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ข้าราชการเกษียณอายุ และคนบันเทิง สมัครเข้าพรรคเพื่อไทยเป็นจำนวนมาก ว่า เป็นเรื่องดีและเป็นธรรมดาของพรรคการเมือง ที่ต้องหาคนมาช่วยงานพรรค ซึ่งคนที่สมัครคงพิจารณาแล้วว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสม แต่อยากถามว่าเร็วไปหรือไม่เพราะตอนนี้ยังไม่ถึงช่วงเลือกตั้ง และไม่รู้สึกหนักใจ ถึงอย่างไรก็อยู่ที่ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ และคงต้องดูว่าคนที่มาสมัครเข้าพรรคเพื่อไทย จะเป็นตัวของตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน กล้าต่อสู้กับความไม่ถูกต้องไม่อยุติธรรมได้หรือไม่ หรือต้องทำตามพรรคโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรม ทุกคนที่ไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ก็คงรู้กันอยู่ว่าพรรคนี้ประกาศชัดเจนว่า ทำเพื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นนักโทษชายหนีคดี

ด้านนายธนา ชีรวินิจ ส.ส.กทม. กล่าวถึงกรณีที่นายสมบัติ เมทะนี ประกาศจะลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเดียวกับนายธนา ว่า ยินดีที่มีคนเสนอตัวมาเป็นนักการเมือง จะได้เป็นตัวเลือกให้ประชาชนได้พิจารณา ส่วนนายสมบัติเป็นอดีตนักแสดงจะสามารถดึงคะแนนเสียงมาให้พรรคเพื่อไทย เพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น ตนเชื่อว่าการเป็นดารา เป็นคนที่ประชาชนรู้จัก และได้รับความนิยมจากประชาชนมาก่อน แต่งานการเมืองไม่เหมือนกับงานแสดง เพราะต้องทุ่มเททำงาน ดูแลผลประโยชน์ให้ประชาชนและทำหน้าที่นิติบัญญัติ ท้ายที่สุดแล้วขึ้นอยู่กับการาตัดสินใจของประชาชน

เปิดตัว พล.อ.จิรเดช เข้าพรรคเพื่อไทย

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 16 ตุลาคม ที่พรรคเพื่อไทย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยพร้อมคณะผู้บริหารพรรค อาทิ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองหัวหน้าพรรค น.ส.สุนีย์ เหลืองวิจิตร เลขาธิการพรรค นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ส.ส.เชียงใหม่และคนสนิทนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภริยาอดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึงนายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิชย์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ร่วมให้การต้อนรับพร้อมแถลงข่าวเปิดตัว พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ อดีตรองผบ.ทบ.ในยุค คมช.และอดีตแม่ทัพภาค 3 เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย

หน.พรรคชี้เพื่อไทยเป็นบ้านปักหลักมั่นคง

นายยงยุทธ กล่าวว่า ช่วงเวลานี้พรรคเพื่อไทยเป็นบ้านที่ลงหลักปักฐานมั่นคง ใครมาอยู่อาศัยก็รู้สึกอบอุ่น มั่นคงและเป็นเจ้าของบ้านคนหนึ่งไม่ใช่แค่ผู้อยู่อาศัย โดยพรรคเพื่อไทยรู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจที่พล.อ.จิรเดชมาร่วมงาน ทั้งนี้ขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยรักชาติ รักสถาบัน ไม่มีใครคิดทรยศต่อชาติแม้ผงธุลีเดียว และยืนยันว่าท่านผู้เข้ามาร่วมงานพรรคเพื่อไทยไม่ใช่ผู้ทรยศต่อชาติ

จากนั้นพล.อ.จิรเดช กล่าวเปิดใจว่า เหตุผลของการเข้าสู่การเมือง เพราะคิดว่า 30 ปีที่รับราชการมานั้นยาวนานพอสมควร ในช่วงที่คนไทยใช้กำลังต่อสู้กันเองเพราะขัดแย้งทางอุดมการณ์ตนก็เริ่มชีวิตราชการพอดีแต่สุดท้ายก็จบลงด้วยการให้อภัยกัน และเมื่อทหารเข้ามาเกี่ยวข้องทางการเมืองก็ได้รู้ได้เห็นหลายครั้ง จนเมื่อเกษียณอายุราชการได้มีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนฝูงจากพรรคเพื่อไทยหลายคน แต่การพูดคุยกันอยู่เพียงข้างนอกก็ช่วยอะไรไมได้ จึงตัดสินใจเข้าสู่การเมืองเพราะอยากได้ใช้ประสบการณ์เข้ามาช่วยเหลือบ้านเมือง สำหรับเหตุผลที่เลือกพรรคเพื่อไทย เนื่องจากมีเพื่อนสนิทและผู้หลักผู้ใหญ่อยู่ในพรรคเพื่อไทยหลายคน และได้สัมผัสว่าประชาชนให้การยอมรับนโยบายและพรรคสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีมากขึ้น อีกทั้งญาติพี่น้องของตนส่วนใหญ่ก็อยากให้ร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยและจะนำความรู้ความสามารถมาทำประโยชน์ให้ดีที่สุด

ยอมรับเป็นแม่ทัพน้อยต้องปฏิบัติตามคำสั่ง

“การที่ผมเป็นทหารที่อยู่ในเหตุการณ์มาโดยตลอดคงจะเป็นประโยชน์ ผมจะนำความรู้สึกของทหารมาแลกเปลี่ยนสร้างความเข้าใจกับสมาชิกพรรคเพื่อไทย และจะนำสิ่งที่ได้สัมผัสจากพรรคเพื่อไทยไปพูดคุยกับน้องๆ ทหารที่ยังรับราชการอยู่ให้เขาได้เข้าใจ เพื่อเป็นประโยชน์ในการสร้างความสมานฉันท์ เรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ผมยืนยันว่าผมมีความจงรักภักดี ชีวิตการทำงานของผมมีภารกิจเกี่ยวกับสถาบันมาโดยตลอด ” พล.อ.จิรเดช กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าการอยู่ร่วมคณะปฏิวัติและมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเหมือนกับว่าได้กลับลำ 180 องศา พล.อ.จิรเดช กล่าวว่า ช่วงนั้นตนรับราชการเป็นรองแม่ทัพน้อย ไม่ได้เป็นผู้นำปฏิวัติ เมื่อเป็นข้าราชการทหารก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย

ยอมรับบางคนในพรรคเพื่อไทยหมิ่นเหม่ต่อบางเรื่อง

เมื่อถามว่าคำพูดที่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษฝากถึงพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีจะกระทบถึงตัวท่านด้วยหรือไม่ พล.อ.จิรเดช กล่าวว่า ถึงแค่ท่าน ไม่ถึงผม เมื่อถามว่าที่บอกว่าต้องการสร้างความเข้าใจระหว่างทหารและพรรคเพื่อไทยนั้นหมายถึงเรื่องใด พล.อ.จริเดช กล่าวว่า ทหารบางคนก็อาจจะไม่เข้าใจและต้องการคำอธิบาย เพราะบางเรื่องเมื่อได้รับฟังต่อๆกันมาก็คิดว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ตนก็อยากจะเป็นผู้ทำความเข้าใจ เมื่อถามย้ำว่าทหารมองพรรคเพื่อไทยอย่างไร พล.อ.จิรเดช นิ่งไปสักพักก่อนตอบว่า บางครั้งก็มองว่าพรรคพื่อไทยเป็นพรรคที่หมิ่นเหม่ต่อบางเรื่อง ซึ่งไม่ได้หมายถึงนโยบายพรรค แต่หมายถึงตัวบุคคลหรือสมาชิกที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตนก็อยากจะช่วยทำความเข้าใจ

เมื่อถามว่าก่อนตัดสินใจได้ปรึกษาพล.อ.สะพรั่ง กัลยาณมิตร อดีตผู้ช่วยเลขาธิการ คมช.และแม่ทัพภาคที่ 3 ซึ่งเคยเป็นผู้บังคับบัญชาก่อนหรือไม่ พล.อ.จิรเดช กล่าวว่า ได้พูดคุยสอบถามสารทุกข์ทั่วไปบ้าง ไม่ได้มีการพูดคุยกันในเรื่องดังกล่าว และยังไม่ได้พูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

ประกาศตัวหัวหอกประสานตท.10 ร่วมงานพท.

ต่อมาเวลา 10.30 น.คณะผู้บริหารพรรคเพื่อไทยได้เปิดแถลงเปิดตัวนายวิเชียร รัตนะพีระพงศ์ อดีตอธิบดีกรมที่ดิน และพล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง อดีตรองผู้บัญชาการภูธรภาค 8 เพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าเป็นสมาชิกพรรค ทั้งนี้พล.ต.ต.ธวัช กล่าวว่า ตนเป็นคนใต้แต่กำเนิด แต่ไม่ยอมรับการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์มาตลอด ดังนั้นจึงเลือกมาสมัครพรรคเพื่อไทยเพื่อทำงานให้บ้านเมือง และยืนยันว่าไม่ได้ทรยศชาติบ้านเมืองแต่รักชาติ โดยเฉพาะตนได้ยึดสภาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันอันสูงสุดตลอดไป อย่างไรก็ตามตนจะเป็นหัวหอกในการทาบทามเพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 ในสายตำรวจให้เข้ามาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย โดยจะใช้งานเลี้ยงเกษียณอายุราชการ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 17-18 ตุลาคมนี้ ที่ จ.กาญจนบุรี

วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2552

"ป๋าเปรม"เปิดใจยังเป็นเพื่อน"บิ๊กจิ๋ว"ปัดว่าเป็นคนทรยศชาติ แจงแนะ'ไตร่ตรองให้รอบคอบ'เข้าเพื่อไทย

มติชน : เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สโมสรทหารบกถนนวิภาวดีรังสิต พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้ รุ่นที่ 13 ซึ่งโครงการนี้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นที่ 5 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เยาวชนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีโอกาสเรียนรู้สภาพความเป็นอยู่ และวิถีชีวิตครอบครัวมุสลิมในกรุงเทพ ซึ่งรุ่นนี้มีเยาวชนเข้าร่วมจำนวน 239 คน ทั้งนี้ บรรยากาศการเปิดโครงการเป็นไปอย่างคึกคัก โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และคณธผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าร่วมพิธีพร้อมเพียง อาทิ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงษ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ รวมถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เดินทางมาเข้าร่วมพิธีตั้งแต่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารบก

จากนั้น พล.อ.เปรม เปิดใจถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ กล่าวพาดพิงถึงตัวพล.อ.เปรม ว่า ” จิ๋ว กับผม เป็นเพื่อนรักกันมานานหลายปีแล้ว และต่างคนก็ต่างทำงานให้กันและกันมาดังนั้นความเป็นเพื่อนระหว่าง ผมกับจิ๋วคงยังอยู่ ฉะนั้นที่มีคนพูดว่า ผมก็ไม่รู้ว่าใครพูดก็ไม่ทราบ อาจจะเป็นจิ๋วพูดเองก็ได้ ว่าเขาไปลาบวช แล้วผมก็ไม่ให้ลา อันนั้นมันไม่ใช่เพื่อนแล้วหละ เมื่อเพื่อนจะไปลาบวชก็จะต้องให้อโหสิกรรม เรื่องจริงๆ ผมไม่ทราบ ว่าเขาจะบวชจนปัจจุบันยังไม่รู้ว่า เขาบวชที่ไหนเมื่อไหร่

ดังนั้น ผมขอจะเรียนความจริงให้ทราบว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้ ส่วนเรื่องที่มีคนไปเขียนลงในหนังสือพิมพ์ในทำนองว่า ผมไปว่าเขาเป็นคนทรยศต่อชาติอันนี้ มันก็ไม่ถูกต้อง แต่สิ่งที่ถูกต้องคือ วันนั้นก่อนที่ จิ๋ว จะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยผมก็ให้คน ไปบอกเขาว่า จะทำอะไรก็ขอให้คิดให้รอบคอบ ไตร่ตรองให้รอบคอบ ซึ่งผมใช้คำว่า “ไตร่ตรองให้รอบคอบ” ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นการกระทำที่เป็นการทรยศต่อชาติ นี่เป็นข้อความที่ผมสื่อไป ไปถึงจิ๋ว ในตอนเช้าวันนั้น และผู้สื่อข่าวนี้ เขาก็มายืนยันว่า เขาสื่ออย่างที่ผมพูด เพราะว่าเขาจดที่ผมขอให้เขาสื่อ เพราะฉะนั้นผมไม่ได้กล่าวหาว่า เขาเป็นคนไม่ดีทรยศต่อชาติบ้านเมือง มันไม่ใช่

พล.อ.เปรม กล่าวอีกว่า มีเรื่องที่เกี่ยวกับ จิ๋ว ที่สำคัญมีอยู่แค่นี้ ผมขอย้ำว่า ความเป็นเพื่อนมันยังเป็นอยู่ตลอดไป คุณ(สื่อมวลชน) เข้าใจของความเป็นเพื่อนแค่ไหน ก็โปรดคิดเอาเอง เราเป็นเพื่อนกัน เคยทำงานด้วยกัน งานสำคัญ ๆ ก็เคยทำด้วยกัน และก็จบจากสถาบันเดียวกัน ที่เคยให้คำสัตย์ปฏิญาณเหมือนกันด้วย เมื่อเพื่อนจะทำอะไรผมก็เตือน เพราะผมคิดว่า มีสิทธิ์ที่จะเตือนได้ ก็เตือนเขาไปด้วยความเป็นเพื่อน ด้วยความปรารถนาดี ไม่ได้มีความต้องการที่ตำหนิ จิ๋ว เลย ซึ่งวันนี้ผมอยากพูดแค่นี้

เมื่อถามว่า หาก พล.อ.ชวลิตมาพบในฐานะเพื่อน และมาพูดคุยกันสามารถเข้ามาพบได้ใช่หรือไม่ พล.อ.เปรม กล่าวอย่างอารมณ์ดี ว่า ” อ้าว ! ได้แน่นอน แต่ต้องเวลาที่เหมาะ และต้องไม่พูดเรื่องการเมือง เพราะผมจะไม่พูดเรื่องการเมือง

แบงก์อิสลามฯผุดโปรเจคคนรากหญ้า


นายธีรศักดิ์ สุวรรณยศ กรรมการผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยได้จัดทำสินเชื่อจุลภาคขึ้นเพื่อช่วยเหลือกลุ่มชาวบ้านที่มีฐานะยากจนให้ได้มีโอกาสขอสินเชื่อเหมือนประชาชนทั่วไป ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสที่จะขยายการประกอบอาชีพให้กับประชาชนที่มีฐานะยากจนและมีอาชีพอยู่แล้วโดยธนาคารจะพิจารณาจาก “ยากจน เป็นคนดี ตั้งใจทำงาน แต่ขาดแคลนทุน” อีกทั้งเปิดโอกาสให้มีการกู้เงินอย่างถูกกฎหมายและเป็นไปตามหลักศาสนาอิสลาม เพราะธนาคารอิสลามเองไม่ได้หาประโยชน์จากลุ่มลูกค้า เพียงแต่ยึดหลักลูกค้าได้ประโยชน์และธนาคารสามารถอยู่ได้เท่านั้น และสำหรับโปรเจคนี้ได้เริ่มนำร่องที่จังหวัดนราธิวาสเป็นจังหวัดแรกก่อนที่จะขยายไปยังจังหวัดอื่นๆ

การจัดทำสินเชื่อจุลภาคนั้นเป็นอีกโครงการหนึ่งที่ต่อยอดโครงการต้นกล้าอาชีพของรัฐบาล ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนได้ประกอบอาชีพ และรายได้ และทางธนาคารเตรียมแต่งตั้งผู้ประสานงานธนาคารขึ้นในแต่ละพื้นที่ เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างประชาชนและธนาคาร ซึ่งกลุ่มผู้ประสานงานนั้นจะมีการหารือร่วมกับจังหวัดเพื่อกำหนดกลุ่มที่จะร่วมทำงานให้ธนาคาร ทั้งนี้ถือเป็นการสร้างงานให้กับประชาชนในพื้นที่อีกทางหนึ่งด้วย

ธนาคารอิสลามนั้นถือว่าได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างมาก เพราะจากโครงการ “ ยิ้มสู้ กู้วิกฤต ” ที่ได้ดำเนินการไปนั้นมีประชาชนในพื้นที่ร่วมขอสินเชื่อกว่า 5 - 6 พันล้านบาท และทางธนาคารได้อนุมัติวงเงินไปแล้วกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ และสำหรับโปรเจคสินเชื่อจุลภาคนี้เป็นอีกโปรเจคหนึ่งที่ตอกย้ำความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และหลังจากนี้ทางธนาคารจะดำเนินจัดทำโปรเจคใหม่ๆขึ้นอีก อย่างการรับจำนำทองแบบอิสลาม

กลุ่ม 40 ส.ว.แนะ มาร์ค ลัมกระดานแก้ รธน.! แฉ แม้ว ส่งสัญญาณให้เปลี่ยนจุดยืน

ปธ.วิปรัฐบาลแฉ"แม้ว"ส่งสัญญาณให้เปลี่ยนจุดยืน วิปฝ่ายค้านยังไม่ตอบประชุม 22 ต.ค. "กลุ่ม 40 ส.ว."แนะ"มาร์ค"ล้มกระดาน ชี้"เพื่อไทย"ไม่หนุน หวังให้ยุบสภา เพราะมั่นใจชนะเลือกตั้งแล้วกลับมารื้อ "ชทพ."เชื่อกลับลำเผยแค่แทคติคเพื่อต่อรอง

"ชัย"เมิน"พท."ให้ฟังเสียงปชช.

นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ถึงมติพรรคเพื่อไทย (พท.) ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ประเด็น ตามคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อปฏิรูปการเมืองและศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ควรนำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้ว่า เขาก็พูดในส่วนของเขา แต่ทุกอย่างตามระบอบประชาธิปไตยต้องใช้เสียงข้างมาก โดยใช้เสียงประมาณ 311 เสียงในสภาก็ทำได้แล้ว ส่วนที่มองว่ารัฐสภาไม่เป็นเอกภาพนั้นจะทำอย่างไรได้ ตอนประชามติได้ 14 ล้านเสียง ก็ยังไม่เป็นเอกภาพเลย เมื่อถามว่า แสดงว่าไม่ฟังเสียงจากฝ่ายค้านแล้ว นายชัยกล่าวว่า ต้องฟังประชาชน ประชาชนคือเสียงสวรรค์ เมื่อถามว่า ถ้าเสียงไม่ถึงเพราะฝ่ายค้านไม่เอาด้วยจะทำอย่างไร นายชัยกล่าวว่า รัฐสภามีเสียงทั้งหมด 600 กว่าเสียง ใช้จริงๆ 311 เสียง แต่ถ้าเสียงไม่พอก็ตกไป แต่ยังเก็บไว้เพื่อนำมาพิจารณาใหม่ได้

"มาร์ค"แบะท่าเสียงไม่พอล่ม

ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภาถึงการหารือล่าสุด กับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่บ้านพิษณุโลกเมื่อค่ำวันที่ 13 ตุลาคม ถึงกรณีการแก้ไขรับธรรมนูญ ว่า จุดขณะนี้ คือประธานรัฐสภาคงจะสั่งให้ยกร่างในกรอบเวลาที่ตกลงกัน จากนั้นจะนำกลับมาดู รัฐบาลยังยืนยันพร้อมที่จะทำตาม สิ่งที่เคยตกลงกันไว้คือ เมื่อยกร่างเสร็จจะจัดทำประชามติเมื่อมีกฎหมายประชามติเรียบร้อย แล้วยังเชิญชวนพรรคการเมืองที่เคยตกลงกันไว้ ควรจะมาร่วมในกระบวนการ ส่วนที่พรรคเพื่อไทย ปฏิเสธชัดเจนว่าไม่เอาด้วยนั้น เขาอาจจะเปลี่ยนใจได้อีก

เมื่อถามว่า ถ้าเสียงในสภาไม่พอจะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "ไม่พอก็ไม่ผ่าน แต่วันนี้อย่าเพิ่งไปสรุปว่า พรรคเพื่อไทยเขาจะไม่เอาด้วย อีกทั้งต้องมาดูว่า ทำอย่างไรจะเป็นไปตามวัตถุประสงค์ คือ แก้ปมปัญหาที่เป็นข้อขัดแย้งในเรื่องรัฐธรรมนูญ ส่วนท่าทีพรรคเพื่อไทยคงไปตอบแทนไม่ได้ แต่คิดว่าอาจจะเปลี่ยนแปลงได้อีกก็เท่านั้นเอง"

"วิทยา"ร้อนใจจี้ประชุมวิปแจ้งมติพท.

นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยมีมติไม่เห็นด้วยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามข้อตกลงของวิป 3 ฝ่าย โดยให้เหตุผลว่าพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ 2550 มาตั้งแต่ต้นว่า ขอให้ประธานวิปรัฐบาลนัดหารือกับวิปฝ่ายค้านในกรณีดังกล่าวได้ทันที ถ้านัดได้ในวันที่ 15 ตุลาคมนี้เลยจะยิ่งดี เพราะจะได้จบลงโดยเร็ว จะนำมติของพรรคเพื่อไทยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปแจ้งให้รับทราบ อย่างไรก็ตาม เสียงของรัฐบาล และวุฒิสภา เพียงพออยู่แล้วในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ให้รัฐบาลดำเนินการได้ โดยไม่ต้องทำให้พรรคเพื่อไทยกลายเป็นปัญหาของเรื่องนี้

ด้านนายพิษณุ หัตถสงเคาระห์ ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า เรื่องรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยจบลงด้วยดี โดยวิปฝ่ายค้านเคารพมติของพรรคตนจะขอทำหน้าที่เลขาฯวิปต่อไป โดยจะไม่ไขก๊อกตามที่ให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ วิปฝ่ายค้านจะนำมติของพรรคไปแจ้งให้วิปอีก 2 ฝ่ายรับทราบพร้อมกับเจรจาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากรัฐบาลเปลี่ยนใจยอมที่จะไม่ทำประชามติและแสดงความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ วิปฝ่ายค้านอาจจะร่วมพูดคุยกันต่อไปได้ แต่ถ้ารัฐบาลยังยืนยันว่าจะทำประชามติให้รัฐบาลดำเนินการไปเอง

ชี้"แม้ว"ส่งสัญญาณเปลี่ยนจุดยืนพท.

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล กล่าวว่า จะรอคำยืนยันจากวิปฝ่ายค้านถึงข้อสรุปของพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง เพราะหากฝ่ายค้านไม่เข้าร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วจะมีแนวทางอย่างไรต่อไป เนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาลมีจุดยืนชัดเจนแล้วว่าการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญตามแนวทางของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯจะเป็นจุดเริ่มต้นในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ เชื่อว่าการทำประชามติจะทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความเห็น ทั้งฝ่ายที่เห็นชอบและไม่เห็นชอบ

นายชินวรณ์กล่าวอีกว่า จุดเปลี่ยนแปลงพรรคเพื่อไทยเกิดจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีส่งสัญญาณมา โดยคำนึงถึงแต่ประโยชน์ส่วนตัว จึงยังหวังว่าพรรคเพื่อไทยจะทบทวนการตัดสินใจอีกครั้งว่าการคลี่คลายสถานการณ์ทางการเมืองได้ต้องไม่ยึดถือเพียงประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น อยากให้ทุกฝ่ายกลับมาใช้กลไกของรัฐสภาเป็นแนวทางแก้ไขปัญหา

ชี้พท.บอยคอยแก้รธน.ล่ม

นายชินวรณ์ยังกล่าวยอมรับว่า หากพรรคเพื่อไทยไม่ร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ กระบวนการก็คงจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ เพราะเสียงของรัฐบาลและ ส.ว.ที่มีอยู่มีไม่ถึง 312 เสียง เนื่องจาก ส.ว.บางส่วนไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะนี้วิปรัฐบาลก็จะประสานกับวิปฝ่ายค้านเพื่อให้กลับเข้าสู่กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป ส่วนตัวก็รู้สึกเห็นใจนายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน ที่ทำงานอย่างสร้างสรรค์ แตกต่างจากบางคนที่คิดแต่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและครอบครัว

วิปฝ่ายค้านยังไม่ตอบประชุม22ต.ค.

นายธนิตพล ไชยนันทน์ ส.ส.ตาก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล กล่าวว่า ขณะนี้วิปรัฐบาลยังประสานกับวิปฝ่ายค้านเป็นการภายในเพื่อให้กลับมาร่วมประชุมวิป 3 ฝ่าย ในวันที่ 22 ตุลาคมอยู่ แต่ยังไม่มีสัญญาณตอบรับกลับมาจะมาร่วมประชุมหรือไม่ โดยการประสานจะทำผ่านนายวิทยาเพราะประธานวิปเป็นผู้ที่ ส.ส.ในพรรคเลือกมา ส่วนปัญหาภายในพรรคเพื่อไทยก็ให้ไปแก้ไขกันเอง ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้นำรัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้ เชื่อว่าเป็นวิธีการต่อรองเท่านั้น เพราะถึงเวลาจริง ทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน และ ส.ว.ก็ต้องถอยกันคนละก้าว ไม่มีใครได้อย่างที่ตัวเองต้องการทั้งหมด พรรคประชาธิปัตย์เจ็บหนัก เพราะถูกขนาบจากหลายด้าน ทั้งพรรคร่วม ฝ่ายค้าน ส.ว. เสื้อเหลือง เสื้อแดง

ชทพ.เชื่อพท.กลับลำแค่แทคติค

นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า ชทพ.มีแนวทางว่าไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะเอาหรือไม่เอากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ชทพ.และพรรคร่วมรัฐบาลจะเดินหน้าต่อ เพราะเรายังมีเสียงพอสำหรับพรรคร่วมรัฐบาลและ ส.ว. อีกทั้ง ชทพ.ยังเชื่อมั่นว่าสุดท้ายแล้วพรรคเพื่อไทยจะกลับเข้าร่วมการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ เพราะพรรคเพื่อไทยอาจใช้แทคติคเพื่อต่อรองมากกว่า ในส่วน ชทพ.ยังยืนยันชัดเจนว่าจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญใน 6 ประเด็นต่อไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นการคืนสภาพให้ใกล้เคียงรัฐธรรมนูญปี 2540 ด้วย เมื่อแก้ไขแล้วยังคิดด้วยว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ประโยชน์มากกว่า ชทพ. และนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย เป็นผู้ใหญ่ทางการเมืองคงไม่รบกวนให้เป็นกลาง

"สุเทพ"บอกอย่าฝืนกระแสปชช.

ด้านนายสุเทพกล่าวว่า ยังไม่ชัดเจนกรณีท่าทีพรรคเพื่อไทยและไม่รีบในการตัดสินใจ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ต้องดูให้ชัด เพราะเขาตัดสินใจกลับไปกลับมาหลายครั้ง ถ้าเขาไม่เอาจริงก็เดินหน้าไม่ได้ นายกรัฐมนตรีก็ประกาศเอาไว้ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องแก้ไขด้วยกันทั้ง 3 ฝ่าย ทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน วุฒิสภา แต่ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดถอนตัวไปเหลือ 2 ฝ่าย ไม่สมานฉันท์ แต่ยังไม่ฟันธงไปถึงขนาดนั้น จึงขอไม่วิจารณ์ ถ้าวิจารณ์ไปก็ไม่สมานฉันท์ เมื่อถามว่า การกลับมาเล่นการเมืองของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย รู้สึกหวั่นไหวอะไรหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่หวั่นไหว เรามีหน้าที่แก้ปัญหาก็ทำไป เหมือนกับประชาชนขอให้อย่าตื่นตระหนก อย่าตกใจกับสถานการณ์กับความเปลี่ยนแปลงผันผวนทางการเมือง แต่ให้ตระหนักว่าเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคนที่จะแสดงออกว่าจริงๆ แล้วประชาชนต้องการอะไร ฝ่ายอื่นจะได้รู้สึกสำนึกว่าอย่าฝืนกระแสของประชาชน

ด้านนายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ขณะนี้ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ประกอบด้วยฝ่ายกฎหมายทั้ง 2 สภา จำนวน 9 คน โดยมีนายจเร พันธุ์เปลื่อง รองเลขาธิการสภา เป็นประธานคณะทำงาน โดยยึดหลักดำเนินการตามข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์ และที่ประชุมวิปทั้ง 3 ฝ่ายจะต้องยกร่างให้เสร็จก่อนวันที่ 22 ตุลาคม เพื่อนำเข้าที่ประชุมวิป 3 ฝ่ายต่อไป

ซัด"ปชป."แก้237มีวาระซ่อนเร้น

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มีกระแสข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์จะถูกยุบจากกรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท และเงินสนับสนุนพรรค 29 ล้านบาท จึงเปลี่ยนจุดยืนของตัวเองมาแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 ซึ่งมีวาระซ่อนเร้น ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยมีจุดยืนที่แน่นอนคือไม่เอารัฐธรรมนูญปี พ.ศ.2550 ที่มาจากไข่ตัวเงินตัวทอง และมาตรา 309 ก็ไม่เป็นนิติรัฐที่รับรองการกระทำที่ผิดกฎหมายรับรองการกระทำของคณะรัฐประหารซึ่งทางพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยและไม่ร่วมสังฆกรรมเพราะรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 มาจากเผด็จการ

"40ส.ว."ให้"มาร์ค"ล้มกระดาน

นายคำนูญ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ในกลุ่ม 40 ส.ว.กล่าวว่า ทุกฝ่ายควรยุติเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เนื่องจากไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ ที่นายกรัฐมนตรีเคยประกาศในการประชุมร่วมรัฐสภา ที่ระบุว่า หากทุกฝ่ายเห็นพ้องในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเดินหน้าให้มีการแก้ไข แต่พรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับ 6 ประเด็นที่คณะกรรมการสมานฉันท์เสนอ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะเดินหน้าต่อไป แต่นายกรัฐมนตรีกลับประกาศยืนยันจะเดินหน้าแก้ไขต่อไป ดังนั้น ขอตั้งข้อสังเกตว่า การที่นายกรัฐมนตรียังยืนยันเดินหน้าต่อ เป็นเพราะถูกพรรคร่วมรัฐบาล ต้องการให้แก้ไขในประเด็นเกี่ยวกับเขตเลือกตั้งเป็นเขตเดียวเบอร์เดียวหรือไม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรี จะต้องตอบเรื่องนี้ให้ได้ เพราะหากยังดื้อดึง ไม่สามารถสร้างความสมานฉันท์ได้อย่างแน่นอน

พท.บี้ยุบสภามั่นใจรีเทิร์นรบ.

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองอย่างไรที่พรรคเพื่อไทยกลับลำไม่เข้าร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายคำนูญกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยต้องการให้มีการยุบสภามากกว่า เพราะมั่นใจว่าจะได้กลับมาเป็นรัฐบาลเสียงเกินกึ่งหนึ่ง แล้วค่อยมาผลักดันใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ตามความต้องการ แต่หากเข้าร่วมแก้รัฐธรรมนูญตามวิป 3 ฝ่าย ฝ่ายค้านไม่มั่นใจว่าจะยุบสภาหลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะระหว่างการแก้ไขต้องใช้เวลา 9 เดือน รัฐบาลอาจจะอ้างได้ว่าไม่มีความขัดแย้ง และหาความชอบธรรมในการต่ออายุรัฐบาลต่อไป ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อพรรคเพื่อไทย ดังนั้นเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะทำทุกวิถีทางในการกดดันให้มีการยุบสภาโดยเร็วที่สุด เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลมีช่องโหว่เรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นโครงการชุมชนพอเพียงและโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งล้วนแต่ไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล จึงอาจทำให้ต้องยุบสภาก่อน 9 เดือน

สอบ"มาร์ค-บิ๊กพรรคร่วม"ฝืนศาลรธน.ชี้

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ประธานะคณะกรรมการตรวจสอบอำนาจรัฐของสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ กกต. ขอให้ตรวจสอบนายอภิสิทธิ์ และพรรคร่วมรัฐบาล กรณีนายกรัฐมนตรีเชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมาหารือเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่บ้านพิษณุโลก เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง โดยได้นำหลักฐานเป็นสำเนาข่าวหนังสือพิมพ์หลายฉบับมามอบไว้เป็นหลักฐาน

พล.ร.อ.บรรณวิทย์กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์และแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้เกรงกลัวต่อคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปีกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล จึงขอให้ดำเนินการตรวจสอบและพิจารณายุบพรรคการเมืองทั้ง 6 พรรค ทั้งนี้ หากภายใน 2 สัปดาห์นี้ กกต.ยังไม่ดำเนินการตรวจสอบและมีผลการพิจารณาออกมา ตนจะเดินทางเข้าแจ้งความกับ กกต. ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมทั้งจะไปร้องเรียนกับสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินอีกครั้ง

กัมพูชาหรือมหาอำมาตย์


เขาหาเหตุกัมพูชาน่าสนเท่ห์
ใครเกเรงานนี้มีความหมาย
เรื่องดินแดนโดดเด่นเพราะเป็นตาย
ชีวาวายก็ยังยอมเข้าพร้อมพลี

ชาตินิยมสมศักดิ์เพราะรักชาติ
ใครบังอาจเราก็รบไม่หลบหนี
แต่คำถามอึดอัดเป็นปรัศนี
วิกฤติการณ์งานนี้ใครชี้นำ

เรื่องปราสาทพระวิหารเหตุการณ์เก่า
ไปปลุกเอาขึ้นมาใหม่ใส่กระหน่ำ
แปลกประธานอาเซียนวนเวียนทำ
ชูปัญหาขึ้นนำไปทำไม

อะไรคือเบื้องหลังในครั้งนี้
ผลประโยชน์หากมีอยู่ที่ไหน
บ้าสมบัติถ้วนทั้งผองจิตของใคร
อาฆาตแค้นจากยุคใดถึงไล่ตาม

ทุกดินแดนทับซ้อนไม่ซ่อนเงื่อน
เห็นเป็นเพื่อนผูกมิตรไม่คิดหยาม
ใช้การทูตชี้นำไม่ต่ำทราม
ถึงเป็นความกี่คดีก็มีทาง

เริ่มจากตั้งรัฐมนตรีต่างประเทศ
หนักกิเลสเกรดหยาบก็สาบสาง
เจรจาที่ใดแทบวายวาง
เหมือนเป็นลางบอกเหตุประเทศไทย

จนถึงนายกรัฐมนตรีที่เขาเชิด
ต้นกำเนิดล้าหลังจากรังไข่
ใครไม่มาด้วยประชาธิปไตย
ประเทศไหนเขาก็รับแล้วหลับตา

แต่เหนือกว่าสิ่งใดเมืองไทยนี้
คือมือที่มองไม่เห็นคอยเข่นฆ่า
อาฆาตแค้นลึกล้ำกัมพูชา
ด้วยต่ำเตี้ยเสียหน้าในสากล

เราร่วมกันพัฒนาพาราร่วม
ผลประโยชน์มวลรวมก็เข้มข้น
หลังสงครามย่อยยับเขาปรับตน
สู่สากลชดเชยที่เคยพัง

เราเพื่อนบ้านยิ่งต้องร่วมควรรวมหนัก
ให้ความรักลอยข้ามแทนความหลัง
กลุ่มอาเซียนก้าวหน้าดาราดัง
เรื่องใดเราชิงชังนั่งเจรจา

แต่อำมาตย์อึดอัดออกขัดข้อง
เพราะเขามองเพื่อนดีเหมือนขี้ข้า
พาลไปรอบสี่ทิศอนิจจา
นำโลกาวิบัติใหม่สู่ไทยเรา

เศรษฐกิจโลกเข้าเขากลัวล้ม
กลัวทรัพย์สินถูกข่มจนซมเศร้า
ทุนนิยมก้าวใหม่จึงไม่เอา
เอาทุนเก่าเข้าครองเพราะของตน

ทัศนะแบบอำมาตย์ชาติไม่รอด
ต้องเข้าจอดเหมือนอาชาม้าตีนต้น
ทะเลาะเขารอบด้านเป็นพาลชน
จะอับจนไปอีกนานถ้าบานปลาย

กองทัพต้องหยุดกระทำตามอำมาตย์
เริ่มรักชาติกันเสียบ้างยังไม่สาย
เลิกเอาใจคนที่เห็นว่าเป็น “นาย”
สู่เป้าหมายอันสมควรคือ “มวลชน”


จักรภพ เพ็ญแข
ที่มา:คอลัมน์ “ร้อยรักอักษราเป็นอาวุธ”

วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2552

พรรคการเมืองใหม่..ผีเน่าที่แยกวงจากโลงผุ

ล่วงเลยไปแล้วหลายวัน แต่ฝุ่นควันยังไม่ยอมจางหายไปซักที สำหรับการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา นับเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่ได้รับความสนใจอย่างมืดฟ้ามัวดิน ชนิดที่ว่า แทบจะเหยียบกันตายที่ธันเดอร์โดม

เมื่อสนามกีฬาที่ออกแบบมาเพื่อรองรับผู้ชมแค่ 5 พัน ต้องมารับศึกหนักจากยอดพันธมิตร ที่แห่แหนกันเข้าไปอย่างล้นหลามถึง 2,000 คน

เป็นธรรมดาของผู้ยิ่งใหญ่อย่างเดอะแป๊ะ ที่ก้าวย่างแต่ละที แผ่นดินแทบจะทรุดลงไปซะให้ได้

แล้วก็เป็นไปตามคาด เมื่อการนับคะแนนซึ่งแสดงเจตนารมย์โดยการยกมือ ผลปรากฎว่าแป๊ะได้รับเลือกอย่างถล่มทลายถึง 1,700 เสียง ในขณะที่อีก 300 เสียง ไม่รู้ว่าผิดคิวอีท่าไหน ถึงไม่ยอมเลือกแป๊ะ

แต่ถึงยังไง มันก็เพียงพอที่จะทำให้แป๊ะเข้าป้ายไปอย่างลอยลำ ลืมไปเลยกับที่เคยถ่มน้ำลายไว้เลอะเทอะ ในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์เมื่อปี 2548 ว่า...

"ผมขอประกาศให้ทราบว่า ถ้าในอนาคตเห็นผมรับตำแหน่งทางการเมือง ถ้าเจอที่ไหนให้พ่อแม่พี่น้องถอดรองเท้าขว้างใส่หน้า หรือถ่มน้ำลายใส่หน้าผมได้เลย"

เป็นอันว่า สำหรับหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ สดๆซิงๆ ภารกิจอันหนักอึ้งนับจากนี้ไป คือการคอยหลบหลีกรองเท้า จากจอมตบหน้าอย่างป้าเสื้อแดงให้ดี เพราะผลงานจากการที่เคยถอดรองเท้าตบหน้ามาร์คมาแล้ว ถือว่าไม่ธรรมดาจริงๆ

เห็นไหมล่ะ! ปัญหานักการเมืองโกงกิน แก้ได้ง่ายๆด้วยการตั้งพรรคการเมืองใหม่ ถ้ายังไม่ดีขึ้นอีก อาจจะมีพรรคการเมืองใหม่กว่า ใหม่ที่สุด และใหม่กว่าของใหม่ที่สุด ตามมาอีกเป็นระลอก

คนเรายามเมื่อดวงตก แม้แต่เรียกหมามันยังไม่กระดิกหาง เมื่อทั้งเจ้ากุ๊ยกษิต เจ้าด่างบุญยอด กับเจ้าตูบสมเกียรติ ต่างออกอาการตาขวาง ไม่ยอมกลับเข้ากรงง่ายๆ ทั้งๆที่เจ้าของร้องเรียกโม่วๆจนปากฉีกถึงรูหู อุตส่าห์ร่วมแรงร่วมใจ ป่วนบ้านป่วนเมืองด้วยกันอยู่ได้ตั้งนาน จู่ๆอุดมการณ์มันดันไม่ตรงกันขึ้นมาดื้อๆ

ก็ไม่รู้ว่าอุดมการณ์อะไรของพวกมัน ถึงได้เปราะบางหลุดรุ่ย อย่างกับเส้นด้ายเปื่อยๆ ขนาดนั้น

ควันหลงตามมา ที่ต้องจับตาดูกันให้ดี คือพรรคการเมืองเก่าแก่ขี้อิจฉาอย่างประชาธิป่วน ที่โดนย้อนเกล็ดเข้าไปลูกนี้ เห็นทีจะทำใจลำบาก

เมื่อหมาหวงก้างอุตส่าห์ยอมกัดฟัน ส่งกระดูกชิ้นเดียวที่มีอยู่ไปให้หมาบ้ายืมแทะ หวังเพียงว่าจะได้มีแรงไปไล่กัดทักษิณ ที่เป็นคู่แค้นกันมาแต่ชาติปางก่อน ไม่คาดว่าพอแทะนานเข้า หมาบ้าชักจะมันปาก นึกว่ากระดูกชิ้นนั้น เป็นของมันไปซะฉิบ

สุนัขสองตัวไม่อาจแทะกระดูกชิ้นเดียวกันได้ฉันใด ศึกชิงกระดูกชิ้นใหญ่ ระหว่างพรรคการเมืองใหม่ กับพรรคการเมืองเก่าแก่โบร่ำโบราณ ก็ต้องเกิดขึ้นฉันนั้น

เล่นกะใครไม่เล่น มาเล่นกับแมลงสาบ แล้วแป๊ะจะรู้ ว่านรกนั้นมีจริง

อุตส่าห์สู้ถนอมน้ำใจ คำน้อยไม่เคยว่าให้เสียหาย มีไหมที่ใครมาด่าพรรคแมลงสาบแล้ว ไม่ถูกประสานเสียงเห่าหอนโต้ตอบ อย่างเอาเป็นเอาตาย จะมีก็แต่แป๊ะนี่แหละ ที่ได้รับสิทธิพิเศษ ปล่อยให้ด่าฟรีไม่มีชาร์จ แล้วยังจะเอายังไงอีก

ว่ากันว่า งานนี้มีสิทธิ์เจ๊งทั้งคู่ เมื่อพันธมิตรก็แผ่วปลายจนแทบไม่เหลือฟอร์มเดิมแล้ว เลือกตั้งเมื่อไหร่มีหวังม้วนเสื่อเก็บฉากเมื่อนั้น อะไรไม่ว่า จะพาลลากเอาแมลงสาบวอดวายไปด้วย อย่างช่วยไม่ได้

เพราะว่าช่วงหลายปี มานี้ พรรคสะตอก็โหนไข่เผด็จการจนเสียมวลชนไปไม่น้อย ซ้ำยังมาโชว์ฟอร์มห่วยแตก บริหารประเทศจนเละเทะอีก ไม่กล้าคิดเลยว่า เลือกตั้งครั้งหน้า ยังจะเหลือสาวกพันธุ์แท้จริงๆอยู่เท่าไหร่

ก็ในเมื่อฐานเสียงมันเป็นเนื้อเดียวกัน เหมือนผีเน่ากับโลงผุ เลือกตั้งครั้งต่อไป เชื่อขนมกินได้เลยว่ามีกัดกันเละเทะ ผลสุดท้ายคะแนนที่น้อยอยู่แล้ว ยังต้องมารวมพลังหารสองเข้าให้อีก แล้วมันจะไปมีอะไรเหลือ เขาถึงว่า งานนี้ตาอยู่สบายแฮ

เลิกคุยไปเลยเรื่อง 70/30 ตอนนี้แค่ประคองตัวให้รอด จากอาการเสียศูนย์แหกโค้งลงคูอย่างเสี่ยประชัยก็รากเลือดแล้ว

ในขณะที่การเมืองข้างถนน ถูกบีบเข้าตาจน ทำให้ต้องขึ้นมาวิ่งบนทางอย่างทุลักทุเล ส่วนพรรคการเมืองของอำมาตย์ ที่ใช้อภิสิทธิ์แล่นฉิวบนไฮเวย์ ก็กำลังจะซิ่งลงข้างถนน ด้วยฝีมือโชเฟอร์เด็กดื้อ มือใหม่หัดขับ อย่างเด็กชายเหงียนจอมกู้

งานนี้เล่นเอาแมลงสาบเฒ่าทั้งหลาย ต้องวิ่งกันตีนขวิด เพื่อหาทางดิสเบรคกันโดยด่วน ไม่งั้นเที่ยวนี้มีสิทธิ์ตายยกแก๊งค์

มาถึงขั้นนี้ คงต้องเอาใจช่วยแป๊ะกันสุดฤทธิ์สุดเดช คนเราลงว่าถึงขั้นแย่งสุนัขรับประทานแล้ว ต้องถือว่าเข้าตาจนสุดๆ จากผู้ยิ่งใหญ่ข้างถนน ที่หันไปทางไหนมีแต่คนชิ่งหลบกันวูบวาบ แต่หลังจากเจอปืนไปเที่ยวนั้น บารมีกลับวูบหายไม่เหลือหลอ ตอนนี้ขนาดจ้องหน้าสุนัข มันยังไม่ยอมหลบสายตา

ไม่รู้ว่าปราการด่านสุดท้าย คือพรรคการเมืองใหม่ จะคุ้มกะลาหัวแป๊ะได้ซักกี่น้ำ ในเมื่อหนทางข้างหน้า เห็นแล้วก็เข่าอ่อน ไหนจะคดีอาญาที่รออยู่เป็นกะตั้ก รวมกันแล้วไม่รู้ว่าจะเจอคุกกี่ปี เบาะๆที่หวยออกแล้วตอนนี้ ก็ 7 ปีกับอีก 3 เดือน ถึงขนาดหลบมุมไปทำปากกล้า แต่ขามันก็อดสั่นไม่ได้ งานนี้ต่อให้ไม่ตายคาคุก ก็ยังมีลุ้นยกสอง...

เจอยิงกบาลรอบใหม่

วโรทาห์: 14 ต.ค. 52

วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ศาสดาโกเต๊กซ์ลิ้ม"ขึ้นศาลคดีลงข้อความเท็จในเอกสาร


มติชน : เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ที่ห้องพิจารณาคดี 808 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยคดีที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ในเครือผู้จัดการ และ ASTV, นายสุรเดช มุขยางกูร, น.ส.เสาวลักษ์ณ์ ธีรานุจรรยงค์, น.ส.ยุพิน จันทนา ในความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ จากกรณี ระหว่างวันที่ 29 เมษายน 2539 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2540 จำเลยที่ 1-2 ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท เมเนเจอร์มีเดียกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ร่วมกันลงข้อความเท็จในเอกสารของบริษัท เพื่อค้ำประกันหนี้ให้กับบริษัทในเครือเดอะเอ็ม กรุ๊ป แต่ไม่ได้รายงานเรื่องดังกล่าวไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเมื่อระหว่างวันที่ 8-31 ตุลาคม 2539 จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 4 ร่วมกันลงข้อความเท็จในเอกสารของบริษัท

โดยวันนี้จำเลยทั้ง 4 มาศาลตามนัด ศาลได้อ่านอธิบายคำฟ้องให้จำเลยฟังจนเป็นที่เข้าใจแล้วสอบคำให้การ จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ทั้งนี้อัยการโจทก์ แถลงขอนำสืบพยานจำนวน 5 นัด ขณะที่ ทนายจำเลยที่ 1, 3 และ 4 แถลงขอนำสืบพยานจำนวน 6 นัด ทนายจำเลยที่ 2 ขอนำพยานเข้าต่อสู้รวม 4 นัด โดยศาลนัดสืบพยานโจทก์ปากแรก ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2553

ขำขันวันตำรวจ

โฆษกตำรวจ พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ บอกว่า พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผบ.ตร. จะเป็นผู้ทำหน้าที่ประธานงานวันตำรวจ ซึ่งจะมีในวันนี้ ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ สามพราน
ปกติงานวันตำรวจ 13 ต.ค.ของทุกปี ก็จะเป็นเรื่องภายในองค์กรสีกากี มีภาพข่าวออกมาบ้างตามสมควร
แต่ปีนี้ กลายเป็นหัวข้อพูดจาขบขันสะท้อนปัญหาของตำรวจ!
กลายเป็นปีที่ ตำรวจไร้หัว


เพราะนายกฯทำให้เป็นเรื่องยาก จนเดินเข้าตาอับ หาทางออกไม่ได้
สงสัยชีวิตนี้ ไม่เคยมีคำว่ารู้สึกผิดพลาดแล้วยอมถอย หรือคิดอะไรไม่เหมือนคนส่วนใหญ่ แต่ก็ต้องยอมรับเพราะเราอยู่ในสังคมประชาธิปไตย และไม่ผูกขาดความถูกต้อง
ถ้าคนเรามีมุมมองอย่างนี้จะไม่สร้างปัญหาให้ส่วนรวม


ถึงวันนี้ยังตั้งผบ.ตร.ไม่ได้ ซึ่งก็คงรู้แล้วว่าเพราะอะไร แต่ก็ถอยไม่เป็นเสียอีก


อีกอย่างตกอยู่ใต้อิทธิพลของคนอื่นมากเกินไป จนเอาผลประโยชน์ขององค์กรราชการไปผูกไว้กับกลุ่มเล่นเกมอำนาจนอกระบบ
เมื่อตั้งไม่ได้ เลยใช้วิธี ซื้อเวลาไปเรื่อยๆ
ตอนนี้ก็โยนภาระไปที่รองนายกฯเทพเทือก ให้ไปจัดการแต่งตั้งตำรวจระดับรองผบ.ตร.ลงไป ซึ่งขณะนี้ว่างหลายร้อยเก้าอี้เพราะเขาเกษียณกันไปตามวาระประจำปี
แต่ยังไม่มีหัว ก็เลยติดขัดถึงลำตัวกระทบไปยังแขนขา!


นี่เริ่มปีงบประมาณใหม่ไปแล้ว เก้าอี้นายพลยังว่างโหว่ กระทบต่อประสิทธิภาพขององค์กร
ถ้าตำรวจไม่เต็มร้อย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของชาวบ้านยิ่งหนักหน่วง


น่าคิดว่า เทพเทือกจะสามารถเจรจากับก.ตร.ที่มีมติไปก่อนนี้ว่า ต้องให้ผบ.ตร.คนใหม่ เป็นผู้ทำบัญชีโยกย้ายประจำปี ได้หรือไม่
ถ้าก.ตร.ยังยืนยันให้นายกฯไปตั้งผบ.ตร.มาให้ได้ก่อน ก็คงทำบัญชีนายพลประจำปีไม่ได้!!
แต่คนอย่างเทพเทือกซึ่งเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก เข้าใจศิลปะการทำงานร่วมกับผู้อื่น
รู้จักให้เกียรติ และเคารพในธรรมเนียมประเพณีขององค์กรมากกว่า เช่น ไปกินข้าวคุยกันนอกรอบมาแล้ว
อาจจะหาทางออกในเรื่องนี้ได้ ซึ่งคงต้องรอดูการประชุมก.ตร.อย่างเป็นทางการอีกที
ถ้าตัดสินใจในเรื่องตำรวจแล้วประโยชน์ไปตกกับกลุ่มอำนาจนอกระบบ แบบนายกฯทำ


ถ้าตัดสินใจด้วยจุดยืนแบบนี้ ก็ยากจะสำเร็จ
ถ้าเทพเทือกคิดต่างจากนี้ อะไรก็ง่ายขึ้น!

โดย: วงค์ ตาวัน คอลัมน์ ชกไม่มีมุม

วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2552

พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี ไขปม 'กฐินสามัคคี'โค่นบัลลังก์ ทักษิณ


โดย จำนง ศรีนคร, อัครพงษ์ นครแก้ว

"กลุ่มทุนเคยให้เงินพรรคการเมืองทุกพรรค แล้วถอนทุนคืนได้ แต่ปรากฏว่ามาให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ท่านไม่เอา ทำให้เกิดความคลางแคลงใจ เกิดความกลัว นำมาสู่การลงขันกัน..."

ถ้าเอ่ยถึง "เพื่อนตาย" พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เวลานี้คงเหลือไม่กี่คน

แต่ผู้ที่ยังยืนยงและคอยช่วยเหลือทั้ง "ยามสุขและทุกข์" มาตลอด เชื่อว่าต้องมีชื่อของ "บิ๊กเมธ" พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร (ตท.) 10 และเป็นคนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไว้ใจให้ "คุมกำลังรบ" ของกองทัพอากาศยุคก่อน 19 กันยายน 2549

พล.อ.อ.สุเมธ เกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา

ด้วยความที่คลุกคลี "วงการเมือง" มาไม่น้อย ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจเป็น "หัวหอก ตท.10" นำพาพวกพ้องพาเหรดเข้าพรรคเพื่อไทย

"มติชน" มีโอกาสพูดคุยกับ พล.อ.อ.สุเมธ ถึงมูลเหตุที่ตัดสินใจเดินบนถนนการเมือง และเงื่อนปมสำคัญที่ "เพื่อนรัก" ต้องประสบเจอ

สนใจงานการเมืองหรือไม่

สมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา เพราะเชื่อสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณทำเป็นสิ่งที่ดี และประชาชนจะอยู่ได้ รับราชการมาคิดว่าประเทศมีบุญคุณกับเรา เมื่อเกษียณยังมีกำลังช่วยบ้านเมืองได้ก็ยินดี แต่การเข้าไปเล่นการเมืองต้องดูว่าทำเพื่ออะไร คุยกับเพื่อนว่าเรามาทำความดีกัน หากทำไม่ดีมันตรวจสอบง่าย ยังไงก็ลงไม่สวย แต่ถ้าทำความดี ทำคุณกับประเทศชาติก็สบายใจ เชื่อว่าหากทำไม่ดียังไงก็ตรวจสอบได้ ชีวิตบั่นปลายก็ต้องมีปัญหาแน่นอน

จุดยืนการเมืองคืออะไร

คือการเข้าไปช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าไปช่วยพรรคเพื่อไทย เพื่อคงนโยบายพรรค โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ คิดว่าต่อไปนี้ต้องสู้กันที่เศรษฐกิจ ความอยู่ดีกินดีของประชาชน และเชื่อว่าคนที่ทำได้ คือ พ.ต.ท.ทักษิณ แม้ท่านจะไม่ได้เป็นนายกฯ แต่สามารถช่วยประสานต่างประเทศได้ เพราะมีเพื่อนฝูงมาก ใครเป็นนายกฯของพรรคเพื่อไทย ท่านก็เป็นที่ปรึกษา ประเทศไทยไม่ได้ใหญ่มาก หากหลายประเทศมารุมลงทุน ประเทศไทยก็ฟื้นได้ และคนที่ทำอย่างนี้ได้มีคนเดียว คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะนี้ประชาชนเริ่มแย่แล้ว ทำอย่างไรให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน สิ่งแรกคือแก้รัฐธรรมนูญ แล้วสร้างความยุติธรรม เพื่อให้คนกล้าเข้ามาลงทุน

เป้าหมายทางการเมืองหวังสูงถึงขั้นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยหรือไม่

การจะเป็นอะไรในพรรคไม่เคยคิด ขอเพียงแค่ให้ได้ช่วยให้ได้ทำ ไม่ได้เข้ามาเพื่อล้างแค้น เอาคืน หรือหวังตำแหน่งอะไร ต้องการอยากให้ประเทศอยู่ดีกินดีเท่านั้น

พ.ต.ท.ทักษิณเคยบอกให้เพื่อน ตท.10 เข้ามาทำงานการเมืองหรือไม่

ท่านเคยพูดว่า เราหลายคนเป็นเด็กต่างจังหวัด การสอบเข้ามาในโรงเรียนเตรียมทหารได้ ถือว่าอยู่ในระดับหัวกะทิ ท่านเคยบอกให้รวบรวมเพื่อนให้มาช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ท่านเชื่อว่าเพื่อนมีความสามารถ ขณะนี้ก็มีหลายคนที่จะเข้ามา แต่อยู่ที่พรรคจะพิจารณา

ยุคหนึ่ง ตท.10 เคยถูกมองว่ายิ่งใหญ่ที่สุด แต่รัฐประหาร 19 กันยาฯ ทำให้ ตท.10 ตกต่ำที่สุดเช่นกัน

เรายอมรับอยู่แล้ว ถ้าเขาปฏิวัติเราก็ต้องตกต่ำ แต่ไม่เคยคิดอะไรและไม่เคยกลัว เป็นเรื่องธรรมชาติ ที่เสียใจคือประเทศไทยควรรุ่งโรจน์มากกว่านี้ ตท.10 ไม่กลัวอะไร อย่างน้อยก็มีเงินเดือน แต่ห่วงญาติพี่น้องไปไหนก็เจอคนอดอยาก แล้วเราจะสบายใจได้อย่างไร ด้วยความสัตย์จริงเรานึกอย่างนี้ตลอด ไม่ว่าจะบีบจะบี้ขนาดไหน เราก็ยังอยู่ในระดับปานกลาง แต่ชาวบ้านเดือดร้อนไม่รู้จะมีอะไรกินหรือไม่ เขาลำบาก

การเข้าพรรคเพื่อไทยของท่านถือเป็นสายตรง พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่

ส่วนใหญ่ก็เป็นสายตรงกันทั้งนั้น ผมเข้าไปเป็นสมาชิกพรรคเท่านั้น

มาร่วมทุกข์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในเวลาที่คนอื่นถอยห่างถือว่าได้ใจกันหรือไม่

เป็นเพื่อนกันดูแลกันมาตลอด เขาช่วยเราในตำแหน่ง แม้เรามาตามไลน์ แต่ถ้าไม่ใช่นายกฯทักษิณ อาจจะผิดเพี้ยนไป เราฝังใจว่าท่านทำถูก โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ อยากเห็นประเทศกลับมาดีเหมือนเดิม นายกฯทักษิณเคยเล่าให้ฟังตั้งแต่ครั้งเล่นการเมืองใหม่ๆ ว่าหากท่านจะค้าขาย ไม่ต้องมาเล่นการเมือง พรรคไหนดีก็ให้ไปพรรคละ 500 ล้านบาท เขาก็สู้กันไป เขาชนะก็ทำการค้าขายได้ แต่มีผู้ใหญ่คนหนึ่งมาขอร้องท่าน ท่านไม่บอกว่าใคร เขาบอกว่าทักษิณช่วยบ้านเมืองหน่อย ยอมเสียเงินสักก้อนตั้งพรรคการเมือง ท่านก็รับปากตั้งพรรคการเมืองลงทุนไป 4,000 ล้านบาท ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะได้คืนหรือจะได้เป็นหรือไม่ ก็เป็นการเสี่ยง แต่ถ้าเอาเงินให้แต่ละพรรคไม่ถึง 4,000 ล้านบาท ก็ทำได้ เหมือนที่บริษัทใหญ่ๆ เขาทำกัน

แต่จุดที่ท่านถูกกล่าวหาหรือถูกลงขัน เพราะการที่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่รับเงินคนอื่น กลุ่มทุนเคยให้เงินพรรคการเมืองทุกพรรค แล้วถอนทุนคืนได้ แต่ปรากฏว่ามาให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ท่านไม่เอา ทำให้เกิดความคลางแคลงใจ เกิดความกลัว นำมาสู่การลงขันกัน ท่านก็คิดไม่ถึง เพราะคล้ายว่าอยากเป็นอิสระไม่อยากให้ใครมาบีบ

แสดงว่า พ.ต.ท.ทักษิณถูกกลุ่มทุน ลักษณะกฐินสามัคคีทำให้หมดอำนาจ

(พยักหน้า) ตอนช่วงนั้นที่ถูกปฏิวัติ เพราะเขาเกิดความกลัว เขากลัวว่าทำไปแล้วครอบงำ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ แล้วเขาจะขออะไรไม่ได้ เพราะเขาเคยครอบงำการเมืองทุกพรรคได้ แต่พอเขาให้แล้วไม่รับ ก็เป็นสัญญาณว่าเขาครอบงำไม่ได้ ทำให้ท่านถูกมองเป็นตัวอันตราย จึงเกิดเช่นนี้ขึ้นมา ถือเป็นจุดที่ทำให้เขาเป็นอย่างนี้ ถามว่าทุกวันนี้กลุ่มทุนครอบงำหมดหรือไม่ สงครามหลายครั้งในต่างประเทศที่ประชาชนลุกฮือ คือ 1.เขาไม่ได้รับความยุติธรรม 2.ประชาชนอึดอัด จะปล่อยให้เป็นอย่างนั้นหรือ หากเขาอดอยากก็จะลุกฮือ ไม่ได้รับความยุติธรรมก็จะเกิดการต่อสู้ ขณะนี้เงินในประเทศกระจุกอยู่กับคนไม่กี่กลุ่ม ขณะเดียวกันคนก็จนลง แล้วจะให้เขาทำอย่างไร

เคยคุยกับผู้ใหญ่หลายคนว่า การปฏิวัติทำให้บ้านเมืองเสียหาย แต่สุดท้ายเขาก็ทำ ทุกคนรู้ว่าปฏิวัติแล้วประเทศเสียหายแต่ก็ทำ อาจจะเกิดความกลัวจะถูกโยกย้าย หรือมีแรงหนุนจากผู้ใหญ่ ในโลกนี้ไม่มีประเทศไหนปฏิวัติแล้วเจริญ ประเทศไทยตั้งแต่ปฏิวัติมาก็เสื่อมโทรมไปเรื่อย บ้านเมืองย่ำแย่มาตลอด ช่วงก่อนปฏิวัติ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นรัฐบาล ประเทศ กำลังจะก้าวหน้า ไม่ว่าในเอเชียหรือในโลก

ผ่านการรัฐประหาร 19 กันยาฯ 3 ปีการเมืองไทยได้อะไรบ้าง

ไม่มีอะไรดีขึ้น มีแต่แย่ลงทุกอย่าง เทียบประเทศเพื่อนบ้านเรายังแย่กว่า พูดได้ว่าการปฏิวัติไม่ใช่สิ่งที่ทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง การปฏิวัติทำสิ่งที่ไม่ควรหลายเรื่อง เช่น การออกกฎหมายย้อนหลัง ต่างชาติไม่ยอมรับ คนไทยเคยพูดว่าไม่กล้าจะไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน เพราะไม่รู้ว่าวันดีคืนดีจะริบเงินเรา ขณะนี้เป็นแล้วกับประเทศไทย แล้วใครจะกล้ามาลงทุน หากมาลงทุนโดนกฎหมายย้อนหลัง ริบเงินแล้วเขาจะทำอย่างไร คณะปฏิวัติทำอะไรหลายอย่างเพื่อต้อนนายกฯทักษิณคนเดียว ลงทุนทำจนบ้านเมืองย่อยยับหมด

ทุกวันนี้หลายคนทำความผิดอะไรก็ได้ แต่ไม่ผิด อีกฝ่ายทำอะไรก็เป็นความผิด ประชาชนเขารู้และเข้าใจ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร วันนี้ประชาชนไม่ได้ถูกหลอก แต่กำลังถูกโกง เขากำลังโกงประเทศ เขาทำให้เรารู้แต่จะทำอะไรเขาได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตั้งรัฐบาล หรือหลายเรื่อง เขาไปมาหาสู่กันได้ แต่พอพรรคเพื่อไทยทำก็ผิด

มองสภาพการเมืองไทยมีธงให้เดินไปในทิศทางที่ต้องการ

คงมีการตั้งธงมาระดับหนึ่ง แต่ถึงตอนนี้คงใช้ไม่ได้ เพราะความจริงปรากฏ แล้วการสื่อสารก็ทำให้ประชาชนรู้ คนไม่ได้โง่ คนเริ่มฉลาด เขารู้อะไรมากขึ้น คนที่ทำก็ไม่แคร์สังคม จะโกงจะทำอะไรไม่แคร์สังคม คนเริ่มรู้สึกต่อต้านมากขึ้น ดังนั้นก็จะไปไม่รอด ขณะนี้ประชาชนมีความรู้ แล้วมาดูถูกเขา ด้วยการทำอะไรก็ได้ ทำให้เขาไม่ยอมรับ มีทางเดียวคือต้องมาเริ่มต้นใหม่ มาคุยกัน แล้วทำการเมืองต่อไป ต้องทำให้ดี มีความยุติธรรม เพื่อบ้านเมือง เพราะการมาโกงมาหลอกกันทำไม่ได้แล้ว ประชาชนสามารถรับรู้ได้

ที่น่าเป็นห่วง คือ หากปล่อยไว้นานแล้วยังใช้ระบบนี้อยู่ ประเทศจะแย่ไปหมดแล้วแก้ไม่ได้ ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ของประเทศแย่ไปหมด เชื่อว่าหากปล่อยให้คาราคาซังอย่างนี้ ประเทศหมดแน่ เพราะหากเป็นอย่างนี้ใครจะมาลงทุน ถามว่านายกฯอภิสิทธิ์ (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี) ไปสหรัฐอเมริกาได้อะไรมาบ้าง ไม่ได้อะไรเลย หากได้อะไรคงตั้งโพเดียมแถลงไปแล้ว ไปมาหลายประเทศไม่เคยได้อะไรกลับมาเลย แล้วประเทศจะได้อะไร ขณะนี้ประชาชนลำบาก

แสดงว่าภาพลักษณ์ของไทยในสายตาโลกไม่น่าเชื่อถือ

ไม่น่าเชื่อถือ คิดดูเราไปลงทุนที่ไหนวันดีคืนดีมายึดของเรา ใครจะกล้าลงทุน มันไม่มีมาตรฐาน และความยุติธรรมแทนที่จะตัดสินบนตัวบทกฎหมาย แต่กลับใช้ความคิดเห็นส่วนตัวพิจารณา บางเรื่องทำบอกผิด บางเรื่องบอกไม่ผิด แต่คดีคล้ายกันทำให้เห็นชัดเจนมาก วันนี้ไม่ใช่ว่ามี 2 มาตรฐาน แต่ไม่มีมาตรฐานเลย สมัยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ยึดอำนาจบ้านเมืองเสียหายน้อยกว่าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เพราะ รสช.เป็นระยะสั้นแล้วคืนอำนาจ และนายกฯชาติชาย (พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี) เป็นคนเรียบๆ ไม่ได้สร้างอะไร คนไม่กล่าวถึง ปฏิวัติแล้วท่านก็หายไป ไม่เหมือนกับนายกฯทักษิณ เพราะท่านสร้างอะไรให้คนไทยเยอะ ดังนั้น ปฏิวัติแล้วจะทำให้ชื่อเสียงหายไปเป็นไปไม่ได้ ช่วงปฏิวัติใหม่ๆ มีผู้ใหญ่พูดว่า เดี๋ยวคนก็ลืม เป็นไปไม่ได้ เขาคิดอย่างเดียวกับนายกฯชาติชาย ปฏิวัติแล้วก็จบกันไป แต่ประชาชนเขารู้ เขาได้อะไรจากนายกฯทักษิณเยอะ ทำให้ท่านอยู่มาได้ถึงวันนี้ หากไม่เคยทำความดีก็คงจบไปแล้ว

คมช.คิดง่ายเกินไป พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. และอดีตผู้บัญชาการทหารบก ก็บอกว่าท่านมีอำนาจอยู่ 14 วัน มันมีอะไรนอกเหนือจากนั้นเข้ามา ถามว่าวันนี้ไล่บี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทุกคณะกรรมการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเอาผิดท่าน แล้วลงโทษอะไรได้ ยังทำอะไรท่านไม่ได้ ได้มาคดีเดียว คือ ที่ดินรัชดาฯ เขางงกันหมด คนซื้อไม่ผิด คนเซ็นผิด ชาวบ้านเขารู้ ถ้าเขามีความผิดจริงวันนี้ติดคุกหลายคดีแล้ว ทำมา 3 ปี ไม่เห็นได้อะไร แต่คนที่ยืนเชิดหน้าอยู่ในปัจจุบัน หากไล่บี้เช่นเดียวกันไม่รู้ติดคุกกี่คดี

แต่คนมองว่าเหตุการณ์บ้านเมืองวุ่นวายส่วนหนึ่งเป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่หยุดเคลื่อนไหว

ไม่ใช่ คนทำงานหลายอย่างต้องมีผิดพลาดบ้าง แต่คนเอาเฉพาะข้อผิดมาพูดตลอด คนก็อิน อย่างเอเอสทีวีพูดว่าผิดตรงนั้นตรงนี้ แต่วนอยู่เท่านี้ ถามว่าผลรวมของประเทศเป็นอย่างไร เสียดายเวลา 3 ปี ต่างชาติและประเทศรอบบ้านยอมรับเราหมด ถนนทุกสายที่ พ.ต.ท.ทักษิณไปลงทุนสร้างมุ่งสู่บ้านเมืองเรา ทรัพยากรก็จะหลั่งไหลมาไทย แล้วเราจะเป็นฮับแทนสิงคโปร์ได้ สิงคโปร์ไม่มีอะไรยังทำได้ แต่ไทยถนนทุกสายเชื่อมหมด เพื่อนบ้านก็ยอมรับ ตอนนี้ไม่รู้เป็นเวรกรรมอะไร แต่ด้วยความที่ พ.ต.ท.ทักษิณทำหลายอย่างทำให้ไปขัดขา ถูกใจบางคน ซึ่งบางคนไม่ได้อย่างใจต้องการก็เลยโกรธ

รัฐบาลทักษิณ มีปัญหาหลายด้าน เหตุผลหนึ่งที่ คมช.อ้างคือความแตกแยก คิดว่าจริงหรือไม่

มองว่าทำหรือไม่ทำดีกว่าคงมองไม่ได้ เพราะไม่รู้รายละเอียด แต่ถ้าทำแล้วควรจะรีบคืนอำนาจให้กับประชาชน แล้วสร้างความยุติธรรม มีผู้ใหญ่ในกองทัพอากาศเรียกผมไปถามว่า การเมืองควรทำอย่างไร ตอนนั้นท่านเรียกมาหารือตอนตี 3 เวลานั้น คมช.กำลังจะเพลี่ยงพล้ำ ผมตอบว่าเมื่อท่านเป็นรักษาการประธาน คมช. ก็เรียกทุกพรรคการเมืองมา แล้วบอกให้เขาทราบว่า เราจะเลือกตั้งด้วยความยุติธรรม แล้วใครมาเป็นรัฐบาล ทหารก็จะกลับกองทัพ รัฐบาลก็ดูแลประเทศไป มาสู้กันด้วยการเลือกตั้ง ใครชนะก็เป็นรัฐบาล ทหารก็กลับกองทัพ อย่างนี้ทหารจะเป็นวีรบุรุษ แต่ก็ไม่ทำแล้วลากยาวกันมาถึงทุกวันนี้ เชื่อว่าแนวทางนี้ดีที่สุด วันนี้ความขัดแย้งยังไม่เปลี่ยนแปลงซ้ำรุนแรงกว่าเดิม

สิ่งที่ถูกหยิบมาต่อสู้ทางการเมือง คือ 1.การทุจริต 2.ความยุติธรรมในบ้านเมือง และ 3.สถาบันหลัก มองว่า 3 สิ่งนี้มีความอ่อนไหวทำให้คนไม่มีทางเลือกต้องมาสู้กันหรือไม่

ใช่ เรื่องทุจริตมีทุกสมัย ทุกรัฐบาล แม้แต่รัฐบาลปัจจุบันก็มี แต่จะควบคุมอย่างไร พูดตามตรงการค้าขายหากตรงไปตรงมา ประเทศไม่มีวันเจริญ อย่างเราเอาของไปค้าขายต่างประเทศ หากไม่มีเงินใต้โต๊ะ เขาก็ไม่ซื้อของเรา คู่แข่งเอาเงินมาให้เขาก็ซื้อของคู่แข่ง เป็นการทุจริตหรือไม่ ก็ใช่ แต่เป็นกลยุทธ์ที่ต้องทำให้ได้มาซึ่งการค้าขาย มองว่า พ.ต.ท.ทักษิณหวังดีต่อประเทศไทย แต่ไม่คิดรายละเอียด กฎหมายไทยเขียนไว้จุกจิกมาก แต่ท่านเป็นนักธุรกิจคิดว่าเรื่องนี้เสียเท่านี้ ควรได้เท่านั้น เป็นการคิดเร็วทำเร็วก็ไปขัดกฎหมาย แต่หากเชื่องช้าตามกฎหมายก็ไม่ทันกาล ค้าขายใครไม่ได้ สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯไปต่างประเทศกลับมาจะตั้งโพเดียมชี้แจงว่าได้อะไรมาบ้าง ซึ่งได้ตามนั้นและต่างประเทศก็ยอมรับ คือ คนมีความตั้งใจ คิดเร็ว อยากให้ประเทศรุ่งเรืองมีเงิน ทำไปทั้งที่บางอย่างจะขัดกฎหมาย แต่ความตั้งใจดีมี

เรื่องความยุติธรรมขณะนี้ทำอะไรนิดก็ไม่ได้เป็นประเด็นหมด อย่างนายกฯสมัคร (นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี) ชิมไปบ่นไปก็โดนประเด็นจนต้องถอย แต่คนอื่นคล้ายกันกลับไม่ผิด เช่น บอกว่าเป็นอาจารย์ไปสอนหนังสือเป็นวิทยาฐาน แต่รับเงินค่าสอน นี่คืออะไร กี่มาตรฐาน ความยุติธรรมสำคัญมาก ภาคใต้เคยพูดกันตลอดว่าไม่ได้รับความยุติธรรม จึงเกิดปัญหาขึ้นมา แต่ขณะนี้มันเกิดขึ้นทั่วประเทศ หากไม่รีบปรองดองคงไม่ดี ความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นในประเทศ ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมา

ประเด็นสถาบันหลัก ทุกคนไม่มีใครหรอก เราเป็นทหารเรารู้ และนายกฯทักษิณเคยคุยกับผมว่า ท่านเป็นนักเรียนทหารปฏิญาณเช้าปฏิญาณเย็นว่า ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่เคยคิดอะไรทั้งนั้น แต่คนพยายามจ้อง อะไรนิดก็มาปั้นแต่ง เอาไปเปรียบเทียบ ซึ่งไม่ใช่ พระองค์ท่านไม่มีใครกล้าคิดเช่นนั้นไม่มีทาง มีแต่คนที่รักพระองค์ท่าน ซึ่งทรงตรากตรำทำงานมาตลอด

ประเด็นหลักหนึ่งที่โจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ คือ ความไม่จงรักภักดี

(สีหน้าขึงขัง) ความจริงคือขณะนี้ใครทำอะไรที่ไม่เห็นด้วยกับเขา คือ ความไม่จงรักภักดี ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ถามว่าคนที่จงรักภักดีควรเอาสถาบันลงมาแปดเปื้อนหรือไม่ มีอะไรก็อ้างสถาบันตลอด เขาเอาข้ออ้างนี้มาตลอด ยืนยันได้ว่านักเรียนเตรียมทหารทุกคน ผ่านการปฏิญาณตนกันมา ผ่านการสวนสนามกันมา ไม่มีทาง ผมผ่านการเป็นทหารราชองครักษ์มา 24 ปี อยู่สวนสนามเป็นผู้พันในทหารรักษาพระองค์อยู่ 2 ปี ดังนั้น ทุกคนจงรักภักดีทั้งนั้น

เวลานี้การต่อสู้ของ พ.ต.ท.ทักษิณต้องการอะไร

ท่านห่วงประชาชน ห่วงบ้านเมือง ส่วนความคิดว่าไม่ได้รับความยุติธรรม ท่านก็คงคิด แต่แก้แค้นคงไม่มี เพราะแก้แค้นไปก็ไม่รู้จักจบ ท่านคงมีบทเรียนหลายอย่าง คือ ท่านทำเพื่อประชาชน แต่กลุ่มทุนพยายามกดท่านอยู่ ท่านไม่ได้คิดตรงนั้น คิดเพียงประชาชนอยู่ดีกินดี

พ.ต.ท.ทักษิณรู้ว่ากลุ่มทุนอยู่เบื้องหลังการเมือง ทำให้เป้าต่อสู้เวลานี้คือเดินเกมไปสู่การปฏิวัติโดยคนเสื้อแดง

ไม่ใช่ปฏิวัติโดยประชาชน แต่ถ้าประชาชนมีความคิดอย่างนี้ก็เป็นอีกเรื่อง

แล้วประเทศไทยเวลานั้นจะเป็นอย่างไร

เราไม่ได้มุ่งถึงจุดนั้น เรามุ่งให้ความรู้คนเสื้อแดง ใช้วิธีให้คนเสื้อแดงมาชุมนุม แล้วให้ความรู้ทั้งโฟนอินหรือพูด เพื่อให้เขากลับไปกระจายแนวคิด เราต้องสู้ทางนี้ให้ประชาชนรู้ข้อเท็จจริง ไม่ใช่เพื่อปฏิวัติโดยคนเสื้อแดง แต่เพื่อมีการเลือกตั้งแล้วคนจะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ผมให้แนวคิดนี้แก่แกนนำเสื้อแดงไปแล้วว่า การชุมนุมจากนี้ไปอย่ามาชุมนุมยาว เพราะมาหลายวันประชาชนเดือดร้อน ให้มาแค่วันเดียวจบ เราให้ความรู้แล้วเขานำไปกระจาย คนรู้ว่ามาวันเดียวก็จะมา เพราะใจรักอยากมา แต่มาลำบากเขาก็ไม่มา และบนเวทีต้องพูดข้อเท็จจริง อย่าพูดในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง มีอะไรต้องกลั่นกรองก่อนที่จะไปบอกนายกฯทักษิณ อย่างเหตุการณ์สงกรานต์ไปบอกท่านว่ามีคนตาย พอไม่ตายท่านก็เสียหาย

นี่เป็นแนวทางการต่อสู้จากนี้ไป แล้วมาต้องอยู่อย่างสันติ อย่าไปทำให้เกิดเงื่อนไขให้เขาใส่ร้ายคนเสื้อแดง แล้วเกิดความชอบธรรมในการปราบปราม วันนี้เสื้อแดงพูดความจริงก็พอ เพราะรัฐบาลมีรอยร้าวกันเยอะ ผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์เขาก็คิดกันเยอะเวลานี้ ว่าเหมือนพายเรือให้โจรนั่งมาระยะหนึ่งแล้ว เขาเป็นพรรคเก่าแก่คิดดีต่อบ้านเมืองก็มี ผู้ใหญ่ในพรรคเขาก็ไม่แฮปปี้ในเวลานี้

ทางออกต้องมาเจรจาสมานฉันท์อย่างที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี สะท้อนเจตนารมณ์

การนำ พล.อ.ชวลิตเข้ามาเป็นการผ่อนคลายสถานการณ์ และท่านต้องให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่มีการแก้แค้น เพราะแก้แค้นไม่ได้เด็ดขาดจะสร้างปัญหาต่อไปอีก ครั้งแรกทุกคนคิดว่ากำจัดนายกฯทักษิณได้ แล้วเขาก็ครอบงำต่อไป เขาคิดว่ากำจัดนายกฯทักษิณได้ รูปแบบเดิมก็กลับมา แต่ตอนนี้ทำไม่ได้ก็ต้องหาทางลง แล้วจะลงมาอย่างไร เขารู้ว่าทำอะไร พ.ต.ท. ทักษิณไม่ได้ ต้องค่อยๆคุยกันแล้วจูนให้ตรงกัน อย่างไรก็ต้องปรองดอง หากไม่ปรองดองเขาก็อยู่ไม่ได้ ขณะนี้เสื้อแดงกำลังโตขึ้น บรรยากาศการเมืองขณะนี้ หากฝ่ายหนึ่งสงบ ฝ่ายหนึ่งก็หยุด ทุกวันนี้ต่างคนต่างสาดน้ำใส่กัน หากทั้งสองฝ่ายหยุด มันก็จบ แต่ถ้าเราหยุดโดยปล่อยเขาทำตลอด มันก็ไม่ได้ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งมันก็ต้องหยุดกัน จุดหลักคือโกหกและโกงประชาชนไม่ได้แล้ว

Exclusive Interview ศุภชัย เจียรวนนท์ Lastman Standing บนเกมเดิมพันอนาคต 3G


บิ๊กกลุ่มทรู"ศุภชัย เจียรวนนท์"เปิดเบื้องลึกเบื้องหลังการเปิดเกมดุ วิพากษ์ "กทช."กรณีเปิดประมูล3G ตั้งคำถามท้าทายความคิดว่าสมควรหรือไม่ที่เปิดทางให้ต่างชาติเข้ามาฮุบกิจการสื่อสารไทย ส่งผลต่อความมั่นคงของชาติ ขณะที่ประเทศอื่นๆ ทั้งเอเชีย-ยุโรปหรือแม้แต่อเมริกาล้วนโพรเท็กต์ตนเองทั้งสิ้น

เต็มไปด้วยคำถามและความประหลาดใจ พลันที่กลุ่มทรูนำโดยบิ๊กบอส "ศุภชัย เจียรวนนท์" เปิดเกมดุเดือดในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเดินเข้าสู่การเปิดประมูลคลื่นความถี่มือถือ 3G ด้วยการเปิดประเด็นท้าทายการทำงานของ "กทช." ต่อการกำหนดเงื่อนไขการประมูลความถี่ โดยระบุว่า อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ และเอื้อต่อยักษ์ข้ามชาติ โดยเฉพาะ "รัฐวิสาหกิจต่างชาติ" เข้ามาฮุบกิจการสื่อสารไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มทรู

"Lastman Standing" ในธุรกิจสื่อสาร (ในฐานะบริษัทไทย)
แม้สิ่งที่บิ๊กกลุ่มทรูตั้งใจส่งผ่านไปยัง "กทช., รัฐบาล หรือแม้แต่สังคมไทย" จะมีแง่มุมน่าสนใจ แต่การสวม 2 บทบาท พร้อมกันทั้งในฐานะคนไทย-บริษัทไทย และแม่ทัพธุรกิจกลุ่มทรูทำให้ "สาร" ที่ส่งผ่านก่อให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัย เพราะหลังพิงฝา หรือไม่มีทางสู้อื่นใดอีกแล้ว

บิ๊กบอสกลุ่มทรู "ศุภชัย เจียรวนนท์" มีคำตอบในทุกคำถามในบรรทัดถัดไป

@ทำไมหยิบประเด็นนี้มาพูดที่พูดเรื่องความมั่นคงของประเทศ ไม่ได้ตั้งใจว่า กทช. แต่ที่พูดแรงผมพูดว่า ถ้าคนต่างชาติมาเอาข้อมูลที่สำคัญหรือมีค่าของประเทศไปถือว่าเป็นฮีโร่ในประเทศเขา แต่ถ้าคนไทยเอาข้อมูลสำคัญของประเทศไปให้ต่างชาติถือเป็นคนทรยศชาติ ผมต้องการเน้นเรื่องของความมั่นคง ระหว่างความเป็นไทยที่ต้องรักษาไว้กับการปล่อยให้ธุรกิจเป็นของต่างชาติ

ตอนพูดก็น้อยใจเหมือนกัน ไม่เข้าใจว่าทำไมระหว่างที่พูดถึงรู้สึกว่าเป็นคนส่วนน้อย วันนั้นเป็นประชาพิจารณ์ ไม่ได้ด่าเขา แต่พูดว่าเป็นห่วงเรื่องนี้ อินดัสตรีนี้คนไทยหายไปเกือบหมดแล้ว
เราโพซิชั่น 2 ประเด็น ประเด็นแรก ทำยังไงไม่ให้ประมูลแบบยุโรปทำให้ต้นทุนสูง ภาระไปอยู่ที่ผู้บริโภค ไปอยู่ที่ผู้ประกอบการไทย ประเด็นที่ 2 ทำยังไงไม่ให้อุตสาหกรรมนี้ถูกควบคุมและครอบงำโดย ตปท. โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจ ตปท.

ถ้าประมูลสูงสุดเข้าว่าอย่างเดียว คนไทยสู้ไม่ได้ก็เท่ากับเชิญต่างชาติเข้ามา นำไปสู่ประเด็นที่ 2 โดยเฉพาะรัฐบาลต่างประเทศ

ถ้าเราหลับหูหลับตาเปิดจริง ๆ มาเลเซียจะเข้ามาประมูล ถามว่า เอกชนไทยจะไปประมูลแข่งกับรัฐมาเลเซียได้ยังไง

@ทำไมไม่พูดแต่แรก มาพูดตอนใกล้ประมูลแล้ว
เราพูดมาเยอะแล้ว แต่เขาไม่ฟัง พูดกับ กทช. พูดในการประชาพิจารณ์อื่น ๆ
ถามว่า ผมทำไปทำไม ถ้าจะให้ผมขาย ผมก็ขายได้กำไรนะ แต่ถ้าถามในสำนึกตอนนี้ ในฐานะผู้นำขององค์กร ผมคิดว่า

เราก็เป็นคนไทยคนสุดท้ายแล้วในแง่เอกชน ผมก็ทำใจลำบาก ขายก็ได้เงิน ก็อยู่สบาย
ในสำนึกของคนไทยคนหนึ่งไม่อยากให้ 3G ดีเลย์ ไม่อยากขวางให้เอไอเอส ดีแทค ไม่ได้ทำ 3G อยากให้เขาทำ แต่ตั้งคำถามว่า ควรให้เทเลนอร์ หรือเทมาเส็กควบคุมกิจการเหล่านี้หรือเปล่า
อย่าลืมนะครับ นี่คือจุดเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมนี้ ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองต้องคิดไหมกับจุดเปลี่ยนแปลงนี้ เขาเป็นเสืออยู่แล้ว จะให้ปีกเขาอีกไหม หรือจะเล็มปีกเขานิดนึง (อย่าโค้ดผมนะ)
ไม่ใช่ว่าเราไม่มีตังค์ เราเลยเกเร ไม่ใช่เลย ถ้ากับบริษัทไทยด้วยกัน หรือกับเอกชนต่างชาติ เรามีตังค์ประมูลสู้แน่นอน แต่ถ้าให้แข่งกับรัฐบาลต่างประเทศจะไปเทียบได้ยังไง ตังค์เขาดอกเบี้ยไม่หมุน และปั๊มเงินได้ด้วย

@ เขาก็ถือใน 2G อยู่แล้ว มาถือ 3G อีกต่างกันยังไง
3G เป็นโอกาสให้อุตสาหกรรมนี้เปิดเสรีอย่างแท้จริง แม้กระทั่งกรณีของเอไอเอสหรือดีแทคซึ่งมีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นรัฐวิสาหกิจของต่างประเทศ พูดตรง ๆ ถามผมในฐานะบริษัทผมยินดีแข่งกับเขา ในฐานะคนไทยตามหลัก เอไอเอสกับดีแทคควรได้ทำต่อ แต่ถามว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่ของเขาควรมีสิทธิถือหุ้นในจำนวนที่เป็นอยู่หรือเปล่า โดยผ่านโครงสร้างนอมินี

เป็นคำถามที่ใหญ่มากสำหรับประเทศไทยด้วย เพราะเขาเป็นรัฐต่างชาติ
ถ้าไม่อยากไปบีบให้เขาเกิดความเสียหายก็มีหลายวิธี คุณจะถือหุ้นก็ได้ แต่หุ้นของคุณเป็นแบบไทยทรัสต์ฟันด์ ไม่มีสิทธิโหวตเหมือนสมัยไอเอ็มเอฟได้ไหม

ถูกไหมครับ มีทางออกได้ แต่ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่คนระดับประเทศ เช่น กทช.ต้องคิด ต้องคิดว่าอยากเห็นอุตสาหกรรมนี้มีบทบาทสำคัญกับประเทศและลูกหลานอย่างไร ซึ่งจะมีอิทธิพลอย่างสูงต่อวิถีชีวิตคนไทยในอนาคต

บรอดแบนด์ไร้สาย 3G หรือ 4G 5G ก็คือสื่อ ไม่ใช่แค่โทรศัพท์เฉย ๆ อีกแล้ว ต่อไปคืออินเทอร์เน็ตดี ๆ นี่เอง ประเด็น คือ บริษัทสื่อที่ใหญ่ที่สุดในโลกปัจจุบันชื่อกูเกิล ชื่อยูทูบ ถ้าวันหนึ่งบริษัทที่คุมท่อส่งผ่านบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จะ 3 หรือ 4G เป็นต่างชาติหมดเลย ยูทูบ กูเกิลเผยแพร่อะไรที่กระเทือนความมั่นคงของประเทศ คุณไปหยุดเขาไม่ได้นะ ถ้า 2-3 บริษัทนี้จับมือกัน บอกว่า เอาวิดีโอคลิป ท่านนี้พูดแบบนี้ไปออก ไม่ว่าจะตัดต่อหรือไม่ก็แล้วแต่ ตกลงกันใน ตปท.เลยนะครับ มาถึงเมืองไทย โดยคนทั่ว ปท.เข้าถึงหมด เพราะ 3G จะเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้อาจยากที่จะเห็นภาพ แต่จะเป็นอย่างนั้น @จะมีต่างชาติเข้าประมูลเยอะไหม น่าจะสนใจเยอะ

@เขาน่าจะกังวลกับเรื่องนอมินี เทมาเส็กและเทเลนอร์ก็ต่างชาติ เป็นประเทศที่โปร่งใสที่สุดประเทศหนึ่งในยุโรป และเอเชียยังรับโครงสร้างนอมินีได้โดยไม่หวั่นเกรงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ในแง่การแข่งขันเราพร้อมแข่งกับเอกชนด้วยกัน เพราะวิธีคิดของเขาจะรีเทิร์น ออน อินเวสเมนต์ แต่ถ้าเป็นรัฐวิสาหกิจจะมีนโยบายมากกว่านั้น

มองในหมวกของคนไทย ไม่ใช่หน้าที่ผมคนเดียวที่จะทำ ถ้าเราไปถึงจุดที่คิดว่าได้ไลเซนส์มาในราคาที่แฟร์ และไม่ถูกวิธีการ ไม่ถูกล็อกโดยวิธีการที่เกินความจริงจนกลายเป็นต่างชาติหมด เราก็สู้ต่ออยู่แล้ว ใครจะถือหุ้นใครเท่าไร ไม่ใช่หน้าที่ผมคนเดียว เป็นหน้าที่ของคนที่เกี่ยวข้องด้วยที่ต้องดู
หน้าที่เราตอนนี้ คือ ยืนหยัดปักฐาน ทำยังไงให้ผ่านการประมูลครั้งนี้ไปแล้วเรายังเป็นโอเปอเรเตอร์ไทยอยู่ ไม่ถูกทรานฟอร์มไปเป็นต่างประเทศ

ถ้าต้นทุนการประมูลใช้ 2-3 หมื่นล้าน เป็นไปได้ที่ทรูมูฟจะต้องทรานฟอร์มไปเป็นของต่างประเทศ ต้องยอมนอมินีสตรักเจอร์ ผมคงไม่มีปัญญาทำ แคชโฟลว์ก็คงไม่มีเหลือแล้ว แล้วทำไงครับ เราก็ทำได้แค่นี้
ผมอาจสบายต่อไปก็ทำงานน้อย

แต่ต่อไปลูกหลานเราก็ต้องอยู่ในชีวิตใหม่ มีอินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ มีมือถือ บางทีเราบอกว่า คอนเทนต์ลักษณะนี้ไม่สมควรให้เด็กไทยเข้าถึง แต่ ตปท.อาจบอกว่า ไม่เห็นเป็นไร ประเทศผมไม่เห็นสนใจ ต่างกรรมต่างวาระ เขาอาจมีศาสนาไม่เหมือนเรา เขาก็ไม่แคร์ ไม่สนใจ คุณฟ้องเขา เขาก็ฟ้องกลับ ต่อสู้ในระดับประเทศเขาก็สู้ได้เพราะเขาเป็นรัฐวิสาหกิจ เวลาเจรจาอะไรยังส่งทูตมาเจรจานะ อำนาจต่อรองสูง
เป็นจุดเปลี่ยนที่คนไทยต้องคิด

@บริษัทเขาก็อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ลองดูครั้งสุดท้ายที่เขาเพิ่มทุน ดูซิว่ารัฐบาลใส่เงินลงไปให้เท่าไร รัฐบาลเขาถือหุ้นเกินกว่า 50%

ก็อย่างที่บอก เราก็สู้เต็มที่อยู่แล้ว แพ้ก็ยอมรับว่าแพ้ ไม่ได้หมายความว่า เราจะทำอะไรก็ได้ ถ้าชนะเราก็ไปเชิญพาร์ตเนอร์มาได้ แต่ต้องยอมรับว่า ถ้าแพงเกินไป ถ้าเราแพ้ก็ต้องไปร่วมกับต่างชาติเป็นผู้ถือหุ้นข้างน้อย ถ้าชนะก็ต้องไปดึงต่างชาติมาอยู่ดีเพราะใช้เงินเยอะ ก็ต้องเป็นผู้ถือหุ้นข้างน้อยอีก

@แบบนี้จะทำให้ 3G ดีเลย์ไปไหม ไม่ต้องดีเลย์ครับ ถ้า กทช.ปรับเงื่อนไขทุกอย่างให้ดี ทุกอย่างก็เดินต่อตามไทม์เฟรมได้

@ไม่ใช่เพราะมีปัญหาการเงิน ที่ผ่านมาเราลงทุนต่อเนื่อง ต้องใช้คำว่า หลายแสนล้านแล้ว ทรูมูฟดีขึ้นทุกปี ทรูคอร์ปก็เช่นกัน มีเงินสดระดับหนึ่ง ไปเรสต์ทุนไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องดูว่าแพงแค่ไหน ถ้าไม่แพงเกินไป และขอให้ชำระเป็นงวดสู้ได้แน่ แต่ถ้าระดับหมื่นถึงหลายหมื่นล้านคงไม่ไหว ในมุมของเราการประมูลหรือการประกวดควรวัดว่าคุณคอมมิตว่าจะลงทุนในประเทศนี้เท่าไร ความทั่วถึงครอบคลุม ไม่ควรบอกว่า ใครซื้อคลื่นแพงที่สุดไปถือว่าชนะ วันประชาพิจารณ์ที่ผ่านมาจะเห็นว่าทั้ง 2 เจ้า ขอเวลาโรลเอาต์เน็ตเวิร์กให้ยืดออกไป เพราะอะไร เพราะแรงผลักดันของเขามองในแง่ธุรกิจอย่างเดียวจึงมองว่าค่อย ๆ ลงดีกว่า แต่ กทช.น่าจะมองถึงสิ่งที่ประเทศจะได้รับมากกว่า ยิ่งลงเร็ว ความสามารถในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตทั่วประเทศก็ยิ่งเร็วขึ้น

@ก็มีเงื่อนไขตรงนี้อยู่แล้ว ถ้าถามผม ผมว่า ต้องให้ขยายเครือข่ายให้ได้ 90% ของพื้นที่ที่มีประชากร ภายใน 3 ปี ไม่ควรช้ากว่านี้ อย่างในจีนและญี่ปุ่นให้เวลา 2 ปี แต่รัฐบาลต้องซัพพอร์ต เช่น มีสติวเดนต์โลน ให้แบงก์ปล่อย รัฐบาลค้ำ อาจารย์หรือพ่อแม่เซ็นชื่อมาให้นักเรียนกู้ซื้อได้ ไม่ใช่ให้ฟรี เดี๋ยวตลาดพัง ให้เขาซื้อโน้ตบุ๊ก และผ่อนถูกที่สุดยาวที่สุด ปีเดียวคนรุ่นใหม่มีโน้ตบุ๊กทั่วประเทศ เสียบ 3G เข้าเน็ตความเร็วสูงได้เลย @มีแนวร่วมบ้างไหม มีทีโอทีกับ กสทฯ ก็มีคนให้กำลังใจ แต่ว่าจริง ๆ แล้วที่ให้กำลังใจมากที่สุด คือ ที่ท่านนายกฯมาพูดเมื่อวาน แม้จะไม่ได้บอกว่า ต้องทำอย่างไร แต่เขาก็เห็นว่ามีประเด็นอะไรบ้างที่ต้องพิจารณา ดีกว่าที่ผ่านมามีผู้ใหญ่บางคนบอกว่า ศุภชัยยังไงก็สู้ต่างประเทศไม่ได้ ขายไปเถอะ

ไม่มีที่บอกว่า คุณต้องยืนสู้ ต้องสู้ให้ได้ เราก็หนักเหมือนกันที่ไปชาลเลนจ์เรื่องนี้ กำลังสู้กับรัฐบาลประเทศอื่น ซึ่งผมยังไม่รู้ว่าจะเจอบูมเมอแรงอะไรกลับมา @ค่าบริการจะถูกหรือแพงขึ้น ราคาอยู่ที่ต้นทุน ถ้าต้นทุนเหมาะสมแล้วก็ต้องมีสเกลอีก ถ้าเกิดสเกลแล้วราคาถูกแน่นอน
@คนจะเปลี่ยนจาก 2G ไป 3G

เหมือน 800 เป็น 1800 ผมว่า 3G เกิดเมื่อไร คนจะเปลี่ยนจาก 2G ภายใน 8 ปี แต่ประเด็นของผม คือ ในที่สุดทุกอย่างต้องสะท้อนต้นทุน กทช.ต้องมากำกับต้นทุน ถ้าลงทุน 2 หมื่นล้าน ไปกับไลเซนส์ ถามว่า รัฐได้กินเปล่าหรือเปล่า ไม่ใช่ กลับไปชาร์จประชาชน ถ้าลงทุนเน็ตเวิร์กอีก 2 หมื่น ถามว่า ต้นทุนเท่าไร ก็ 4 หมื่น ซึ่งจะไปชาร์จที่ใคร ตามหลักธุรกิจต้องคำนวณ IR สุดท้ายไปชาร์จที่ผู้บริโภคอยู่ดี

@คู่แข่งพร้อมจ่ายแพง
ความพร้อมจ่ายในที่นี้มาจากความเหลื่อมล้ำในอดีต ประเด็นคือว่า ยิ่งประมูลยิ่งสูง เกมยิ่งเป็นของรายใหญ่ ถ้าไม่ใช่รายใหญ่ในประเทศ ก็ต้องเป็นรายใหญ่จากนอกประเทศหรือรัฐวิสาหกิจจากนอกประเทศที่มีความสนใจจะลงทุนในไทย ด้วยวัตถุประสงค์อะไรก็แล้วแต่ แต่เป็นที่ทราบกันดีว่า การล่าอาณานิคมทุกวันนี้ได้เปลี่ยนจากการยึดพื้นที่ยึดคนมาเป็นวัตถุดิบธรรมชาติของประเทศอื่น ซึ่งก็คือคลื่นความถี่

เหมือนกับน้ำ ต่อไปถ้ามีคนมาสัมปทานน้ำในบ้านเราได้หมด เรียบร้อยเลยนะครับ บางทีคนไทยจะหลงไปว่า ถ้าใครเอาเงินมาเยอะ ๆ ก็ให้เขาไป แต่ไม่ได้คิดต่อว่า เสร็จแล้วเขากลับมาชาร์จเรา

หรือถ้านำเข้าของมาได้ถูก ๆ แต่ลืมคิดไปว่าวัตถุดิบหรือของที่นำเข้ามาทำลายอุตสาหกรรมในประเทศ ประเทศอื่นที่เขาขายมาราคาถูก ๆ เป็นดัมปิ้งไพรซ์ เป็นของเกินสต๊อกเลยขายถูกมาก อุตสาหกรรมในประเทศพังในช่วง 2-3 ปี สุดท้ายค่อยมาขึ้นราคาเหมือนฟิลิปปินส์ ที่ทุกวันนี้ต้องนำเข้าอาหารและไม่มีเบสิกอินดัสตรีของตัวเอง เพราะเป็นดัมปิ้งโซนของอเมริกา ปัจจุบันเรื่องอาหารที่นั่นคุมโดยบริษัทไม่กี่แห่ง ถามว่า การเมืองจะมีเสถียรภาพไหม ถ้าราคาอาหารถูกกดปุ่มจาก ตปท.ให้ขึ้นลงได้ มีความมั่นคงไหม หมายความว่า ถ้าเราไม่ปกป้องเบสิกอินดัสตรีของบ้านเรา วันนึงจะมีปัญหา เพราะต้องไปพึ่งพา ตปท. แต่อิสดัสตรีในบ้านเราที่ต้องปกป้องก็ต้องเลือกว่า ตัวไหนที่ต้องป้องกันไว้ ตัวไหนปล่อยไปเลย

@ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนจะฟ้องให้เลื่อนประมูลไหม
การวางจุดยืนด้านกฎหมายจะเกิดขึ้นก่อนหรือหลังประมูลก็ได้ เพราะคำว่าผิดกฎหมาย ผิดรัฐธรรมนูญยังไงก็ผิด ไม่สำคัญว่าก่อนหรือหลังประมูล

แต่เชื่อว่า กทช.น่าจะรอบคอบ ไม่ให้ในวันข้างหน้าเกิดปัญหา
ผมเรียนตรง ๆ ว่า หมวดสื่อสารเป็นหมวดที่ประเทศในภาคพื้นเอเชีย หรือแม้ในยุโรปก็โพรเท็กต์ตัวเอง ไม่ให้อเมริกาเข้า ในอเมริกาบอกว่า เปิดก็จริง แต่เปิดในวันที่แข็งแรงมากแล้ว ทุกวันนี้มีแค่ดอยช์ เทเลคอมเข้าไป

ญี่ปุ่นเปิดประตูใหญ่ ปิดประตูเล็ก วันนี้ไม่เหลือต่างชาติสักราย สิงคโปร์มีโอเปอเรเตอร์ต่างประเทศไหม ไม่มี มาเลเซียไม่มี เกาหลีไม่มี อีกทั้งการประมูลที่เกิดในยุโรปทุกคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าล้มเหลว
ประเทศแถบเอเชียจึงใช้ "บิวตี้ คอนเทสต์" ในญี่ปุ่นให้ฟรีเลยด้วยซ้ำ เพราะประเมินว่าทำได้ แต่ต้องเสร็จใน 2 ปี ถ้าไทยทำตามยุโรปโดยการประมูลจะเป็นประเทศเดียวในเอเชียที่ทำ กทช.ในอนาคตจะดีเฟนด์ยังไง ถ้าอุตสาหกรรมตกในมือของต่างชาติทั้งหมด

@แต่วิธีประมูลโปร่งใสที่สุด
ขึ้นอยู่กับว่ามองมุมไหน ความโปร่งใส คือ คลื่นนี้ต้องได้ราคาสูงสุด หรือคือต้องรู้ต้นทุนที่ถูกต้องของระบบโครงข่าย ซึ่งต่อไปจะนำไปชาร์จผู้บริโภค

ความโปร่งใสอยู่ตรงไหน ถ้าอินดัสตรีถูกครอบงำโดยโอเปอเรเตอร์รายใหญ่และเป็นรัฐวิสาหกิจต่างประเทศอาจกลายเป็นว่า คุณทำงานนี้เพื่อรายใหญ่

ถ้าคิดในทางลบก็เท่ากับว่าทำประมูลแบบนี้เพื่อเซิร์ฟรายใหญ่ที่มีอยู่แล้วในประเทศ และมีโพรเทนเชียลที่จะเข้ามา วิธีการนี้ไม่เหมาะกับประเทศไทย ทั่วโลกบอกแล้วว่า ไม่ใช่วิธีที่ดี

ในเอเชียยังไม่ทำ ในยุโรปก็วิเคราะห์ว่า ล้มเหลว ยังจะทำอีกเหรอ ถ้าแพงมาก ๆ ถามว่า รัฐได้จริงหรือ ก็กลับคืนไปเป็นต้นทุนของประชาชนอยู่ดี สุดท้ายแล้วความโปร่งใสคืออะไร

@แต่บิวตี้คอนเทสต์อาจมองว่าเฟเวอร์รายใดรายหนึ่งได้
เฟเวอร์ธุรกิจคนไทยผิดตรงไหน แล้วทำไมต้องเฟเวอร์ต่างชาติ ขอให้ระหว่างคนไทยเท่าเทียมกัน ถ้าเท่าเทียมกันหรือถ้าเป็นเอกชนด้วยกันก็ยังสู้ได้เพราะเขาจะมุ่งในเชิงธุรกิจ

@บริษัทไทยควรได้แต้มต่อเทียบกับต่างชาติ
ผมไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้เลย ไม่เคยคิดว่าควรได้แต้มต่อ แต่มองว่าถ้าไม่สามารถที่จะบอกว่า ยกเลิกโครงสร้างนอมินีได้ แตะตรงนั้นไม่ได้ อย่าไปยุ่งเลย เราก็ต้องกลับมาบอกว่า คลื่นความถี่มีอยู่ ถ้ามีอยู่ 100 บริษัทที่มีคนไทยเป็นผู้กำกับดูแล ควรได้ไปมากกว่าครึ่งหนึ่งได้ไหม อย่างน้อยก็ยังเป็นเช็กแอนด์บาลานซ์กับบริษัทต่างประเทศ

บริษัทไทยไม่ได้หมายถึงทรูคนเดียว แต่หมายถึงบริษัทไทยทั้งหมดที่สนใจ
แต่ถ้ามีบริษัทต่างประเทศเป็นรัฐบาลด้วย กทช.ก็ต้องช่วยดูแลหน่อยละกัน อย่าให้เขาข่มเหงรังแก

@อยู่ในกลุ่มบริษัทไทยที่จะรวมตัวซื้อหุ้นชินจากเทมาเส็กด้วย
ไม่เป็นความจริงครับ แต่ถ้าเขาจะขายเราก็สนใจ ต้องเข้าใจการเงินนิดนึง การเงินเป็นเรื่องของทั้งเงินทุน เงินกู้ กระแสเงินสดที่มี รวมไปถึงการหาพันธมิตร เกิดขึ้นได้หมด ถ้าทำแล้วเมกเซนส์ทางธุรกิจ แต่ไม่ได้มีการคุยกัน เฉพาะตัวทรูมูฟเองมีโอเปอเรเตอร์ต่างประเทศมาติดต่อเป็นระยะ ๆ

@ทำไมสนใจ
ถ้าเขาจะขายเราก็สนใจ แต่ผมว่าเขาไม่ขาย ไปถามทีไรก็บอกไม่เป็นความจริง อาจมีคนพยายามเสนอเขา และกำลังหาวิธีการก็เป็นได้ แต่ผมยังไม่เคยคุยกับใครเรื่องแนวความคิดนี้

@ถ้าสุดท้ายราคาประมูลตั้งต้นไม่แพง ถือว่าผลักดันสำเร็จหรือยัง
เราก็อาจโอเคนะ แต่ถามว่า ประเทศไทยโอเคไหม ถ้าประเทศไทยโอเค ผมก็โอเค ผมไม่สามารถจะบอกว่า ผมผลักดันคนเดียว เป็นตะเข้ขวางคลองผมก็ไม่ทำ

วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2552

วีระ'ลั่นระดมแดง 1 ล้านคน ชุมนุมใหญ่ พ.ย. ชี้ อำมาตย์-มาร์ค-เสื้อเหลือง กำลังเสื่อมใหก้จุดล่มสลาย

มติชน : ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 10 ตุลาคม ที่ห้องชมวิว โรงแรมชาลีน่า ปริ๊นเซส ซอยรามคำแหง 65 เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ กลุ่ม นปช.- แดงทั้งแผ่นดิน จัดอบรมโรงเรียนผู้ปฏิบัติงาน นปช. “แดงทั้งแผ่นดิน” รุ่นที่ 3 จากภาคกลาง 26 จังหวัด มีนักเรียน นปช.กว่า 300 คน เข้าร่วมอบรมเป็นวันที่สอง โดยมีการแบ่งกลุ่มย่อยกำหนดยุทธศาสตร์การขยายเครือข่ายและการเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยเฉพาะการต่อต้านระบอบอำมาตยาธิปไตย มีข้อเสนอหลากหลาย อาทิ การไม่ใช้ความรุนแรงกลับฝ่ายที่มีความเห็นไม่ตรงกัน การงดการซื้อสินค้าและบริการ สถาบันการเงิน ที่เป็นของกลุ่มทุนสนับสนุนรัฐบาล การตั้งวิทยุชุมชนเพื่อเป็นช่องทางการสื่อสารของกลุ่ม การรวมตัวไล่ ขว้างไข่เน่า ปลาร้าใส่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ลงพื้นที่ การโจมตีบุคคลในเครือข่ายอำมาตย์ไม่ให้มามีอำนาจ การทอดผ้าป่าจานดาวเทียมดีสเตชั่น การลงพื้นที่ขยายความรู้ระดับหมู่บ้าน การหาเครือข่ายเพิ่ม 1 ต่อ 10 คนต่อเดือน การตั้งสหกรณ์เสื้อแดง

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกนปช. กล่าวว่า หลังจากนี้จะจัดสัมมนาที่ภาคต่างๆให้ครบถ้วน ก่อนที่แกนนำจะทำเป็นยุทธศาสตร์ทั่วประเทศเพื่อเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันและพร้อมกันต่อไป
นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานนปช.-แดงทั้งแผ่นดิน กล่าวปิดการอบรมว่า ประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน จะจัดชุมนุมใหญ่อีกครั้ง ให้แดงเต็มกรุงเทพฯ 1 ล้านคน ซึ่งไม่เกินวิสัยหากทำโรงเรียนอย่างนี้ทุกภาค และไม่เป็นงานยาก เพราะพวกเรายืนอยู่บนความถูกต้องและเป็นธรรม ยิ่งช่วงเวลานานขึ้น ยิ่งมีปริมาณคนมาสนับสนุนกลุ่มเสื้อแดงมากขึ้น

สำหรับฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์ ตอนนี้กำลังเสื่อม และใกล้ถึงจุดล่มสลาย ตนไม่ได้โฆษณาชวนเชื่อ เพราะมีสถิติอย่างเป็นทางการและวิทยาศาสตร์ มีเอกสารยืนยัน โดยการสำรวจครั้งสุดท้ายพบว่า คะแนนนิยมในตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ จาก 70 % ลงมาเหลือ 48 % และ คะแนนนิยม พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเหลือ 40 % เมื่อตอนปฏิวัติใหม่ๆ พลิกกลับมาเป็น 52 % ในช่วงเวลาเดียวกัน

ส่วนคะแนนนิยมในตัวมหาอำมาตย์ จาก 60 % เหลือ 40 % กว่าๆ ฉะนั้นถ้าทำงานต่อไปอีกหนึ่งเดือนเต็มคือในเดือนตุลาคม โดยยึดสันติ อหิงสา จะทำให้คนสนับสนุนเพิ่มขึ้นอีกเยอะไม่ยาก อีกด้าน กลุ่มเสื้อเหลือง ตอนนี้เสื่อมลงชัดจากการตั้งพรรคการเมือง ที่หาคนมาสนับสนุนยากมาก ดูจากการประชุมสมัชชาพรรคการเมืองใหม่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีคนร่วมน้อยมาก ที่สำคัญคดีความของกลุ่มเสื้อเหลือง กำลังมัดตัว และตอนนี้คนที่เป็นกลางทั้งหลายเห็นว่า กลุ่มเสื้อเหลือง ทำลายเศรษฐกิจของชาติ ไม่ใช่คนเสื้อแดง จึงขอให้คนเสื้อแดงเสียสละอดทน มาอบรม และกลับไปเป็นครูสอนเสื้อแดงในทุกภูมิภาค ให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

กอร์ปศักดิ์ปัดพัลวัน ไม่เคยรู้จักศาสดาโกเต๊กซ์ลิ้ม


โพสต์ทูเดย์ : นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางเอฟเอ็ม 100.5 เมกะเฮิรตซ์ ว่า ได้ตอบรับการรับตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แทนนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ ที่ลาออกไปแล้ว แต่ขั้นตอนจะต้องผ่านกระบวนการของพรรคก่อน นอกจากนี้ ยังต้องสะสางงานในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีให้เรียบร้อยก่อน ขณะนี้งานด้านนโยบายเสร็จหมดแล้ว สำหรับนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ที่จะมาแทนนั้นก็พร้อมสนับสนุนและจะให้คะแนนเสียง 1 เสียงในการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคด้วย

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าในวันที่นายกรัฐมนตรีไปพบที่บ้านเมื่อสัปดาห์ก่อน และนายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่อยู่ด้วยนั้น นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า นายสนธิบอกไปแล้วว่าเป็นเรื่องเหลวไหล
“ผมไม่เคยรู้จักกับนายสนธิเป็นการส่วนตัวมาก่อน แต่รู้จักจากเว็บไซต์ผู้จัดการ และเคยมีโอกาสได้เจอกันตอนที่ขึ้นเวทีในฐานะนักวิชาการเท่านั้น”