--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552

เด็จพี่ร้อง ปปช.สอบมาร์ค-ชวรัตน์ เอื้อ บ.ชิโนไทย

ข่าวสด : เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 ก.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และ นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูนพรรคเพื่อไทย ยื่นเอกสารร้องป.ป.ช.เพื่อให้สอบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในกรณีที่เอื้อประโยชน์และประโยชน์ทับซ้อน และผลประโยชน์ขัดกันของกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 267 ประกอบ 265 และกฎหมายป.ป.ช. มาตรา 100 (1),(3),(4) กรณีที่มีมติครม.เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2552 ที่อนุมัติให้มีการลงทุนโครงการแอร์พอร์ตลิงก์ วงเงิน 408 ล้าน และ 98 ล้านที่ทางสำนักงบประมาณท้วงติงไว้ว่าน่าจะมีการลงทุนร่วมกัน แต่ที่สุดครม.ก็มีการอนุมัติ ซึ่งเรื่องนี้ตนได้มีข้อเท็จจริงอยู่ในเอกสารที่ยื่นให้ป.ป.ช. ไปแล้ว

นายพร้อมพงษ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า บ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น นั้นมีผู้ถือหุ้น ประกอบด้วยบุตรและครอบครัวของนายชวรัตน์ แต่ยังได้รับการอนุมัติให้รับสัมปทานโครงการของรัฐตามมติครม.ของนายอภิสิทธิ์ด้วยทั้งที่กฎหมายระบุว่าคนที่เป็นรัฐมนตรี ข้าราชการเมือง ต้องไม่มีผลประโยชน์ขัดกันทางกฎหมาย หรือเอื้อประโยชน์ให้ครอบครัวและญาติ จึงต้องการให้ป.ป.ช.สอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้เพื่อเอาผิดนายอภิสิทธิ์ และนายชวรัตน์ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สังคมต้องตรวจสอบ เพื่อให้เห็นว่าเป็นเหมือนกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยถูกกล่าวหาว่าเอื้อประโยชน์ ตามรัฐธรรมนูญ 50 เช่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเอกสารที่นายพร้อมพงษ์ยื่นให้ป.ป.ช.แผ่นหนึ่งเป็นตารางโครงข่ายที่ชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างนายชวรัตน์ กับพรรคภูมิใจไทย รวมถึงกระทรวงต่างๆในความรับผิดชอบของพรรคภูมิใจไทย ที่ล้วนแต่มีเมกะโปรเจ็กต์แล้วเชื่อมโยงต่อไปยังบ.ซิโน-ไทยฯ ซึ่งมีภรรยาและครอบครัวชาญวีรกูล ของนายชวรัตน์เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งสิ้น เช่น นางสนองนุช นายอนุทิน นายมาศถวิน น.ส.อนิลรัตน์

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552

ทักษิณ โฟนอินบอกอยู่ใกล้ไทย-ไว้อาลัยแท็กซี่ฮีโร่ผูกคอตาย 19 ก.ย.ยอมไม่ได้ครอบครัว คนยืนข้างถูกกลั่นแกล้ง



มติชน : ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 19 กันยายน ที่ลานพระบรมรูปทรงม้ารัชกาลที่ 5 ในเวทีคนเสื้อแดงจัดงานรำลึก 3 ปีรัฐประหารโค่นล้มอำนาจพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีประชาชนคนเสื้อแดงเดินทางเข้าร่วมจำนวนมาก จากนั้นพ.ต.ท.ทักษิณได้โฟนอินเข้ามากล่าวว่า ตอนนี้อยู่ใกล้เสียงชัดดี ก่อนจะกล่าวถึง นายนวมทอง ไพรวัลย์ คนขับแท็กซี่ที่ฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอตายใต้สะพานลอยถนนวิภาวดีรังสิตต่อต้านการรัฐประหารและขอให้คนเสื้อแดงยืนไว้อาลัย นายนวมทองที่ยอมเสียสละชีวิตเพื่อรักษาประชาธิปไตย เห็นว่าอำนาจเผด็จการเป็นสิ่งเลวร้ายต่อแผ่นดิน ควรภูมิใจที่นายนวมทองได้เสียสละชีวิต ไม่มีใครเสียสละชีวิตเพื่อประชาธิปไตยและขอยืนไว้อาลัยให้กับนายนวมทอง และขอบริจาคเงินให้แก่ภรรยาลุงนวมทองเล็กน้อย จำนวน 5 หมื่นบาท

ขณะที่เวทีคนเสื้อแดงได้มอบเงินจำนวน 5 หมื่นบาทให้กับภรรยานายนวมทองถึงกับเป็นลม จนต้องหามลงจากเวที

วันนี้เป็นวันที่ครบ 3 ปีการปฏิวัติรัฐประหารศตวรรษที่ 21 คนทั้งโลกมองว่าประเทศไทยได้พัฒนาตัวเองเกือบจะพัฒนาแล้ว และได้ถอยหลังเข้าคลองสู่เผด็จการรัฐประหาร ผมเป็นห่วงคนทั้งประเทศบอบช้ำ การที่พยายามจะขจัดกันโดยอยู่ระบอบนอกประชาธิปไตย การต่อสู้ซึ่งสามารถที่จะใช้การพูดจาก็จบแต่ใช้อาวุธมากมายแม้แต่อาวุธนิวเคลียร์ก็ต้องใช้แล้วถูกสารกัมมันภาพรังสีตายไปเอง” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ถ้าถูกกลั่นแกล้งยอมไม่ได้ วันนี้ครอบครัว เสื้อแดงพรรคที่ยืนข้างผมถูกยุบแล้วยุบอีก

10 เหตุผลที่เราต้องขอบคุณ คณะรัฐประหาร 19 กันยา

ที่มา thaifreenews
แปลและเรียบเรียงจาก “10 Reasons to be Thankful to the 19 September, 2006 Coup Makers in Thailand.”
โดย ประวิตร โรจนพฤกษ์

เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วยิ่งนัก วันนี้เป็นวันครบครอบสามปีของการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 มีใครบ้างไหมที่คิดถึงวันวานเก่าๆ ของการออกไปมอบดอกไม้แก่ทหารและถ่ายรูปคู่กับรถถัง และคงมีอีกหลายๆ คนที่อย่างน้อยก็อยากจะมองในแง่ดีและขอบคุณต่อเหล่านายพลผู้ก่อรัฐประหาร ที่มอบบริการอันประมาณค่ามิได้แก่ “ประชาธิปไตยแบบไทยๆ”

1. ขอบคุณเหล่านายพลผู้ก่อรัฐประหาร ที่ช่วยปลุกให้เราตระหนักถึงความเป็นจริงที่ว่า การเมืองไทยยังหนีไม่พ้นการรัฐประหารและระบบอุปถัมภ์

2. ขอบคุณเหล่านายพลที่ช่วยทำให้เรารู้ว่า มีผู้นิยมชมชอบระบอบ “ประชาธิปไตยแบบตามใจฉัน” มากแค่ไหน (เช่น เหล่านักวิชาการ เอ็นจีโอ สื่อกระแสหลัก และนักการเมือง)

3. ขอบคุณเหล่านายพล ที่ช่วยเตือนเรารู้ว่า รัฐประหารนั้นยังเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในระบอบ “ประชาธิปไตยแบบไทยๆ”

4. ขอบคุณเหล่านายพลที่รัก ผู้ช่วยทำให้เหล่าอำมาตย์ไทยกลายเป็นตัวตลกของนานาชาติ -- ในยุคที่การรัฐประหารเปรียบเสมือนโบราณวัตถุ และเป็นเรื่องตลกทางการเมืองในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก

5. ขอบคุณเหล่านายพล ผู้ทำให้เราตระหนักว่า การมีรัฐธรรมนูญฉบับปากกระบอกปืน เป็นสิ่งสำคัญมากแค่ไหน

6. ขอบคุณเหล่านายพล ผู้ทำให้รู้ว่า สิ่งใดหายไปจากระบอบประชาธิปไตยของไทย

7. ขอบคุณเหล่านายพลผู้ช่วยให้เราได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของทักษิณ ชินวัตร รวมไปถึงตัวตนของขั้วตรงข้ามทางการเมืองของทักษิณ และยังทำให้เราเห็นว่า คนบางกลุ่มนั้นพร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อจะปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง

8. ขอบคุณเหล่านายพล ผู้ที่บอกเราอย่างจริงใจตั้งแต่ในวันแรกว่า พวกคุณทำรัฐประหารเพื่อใคร

9. ขอบคุณเหล่านายพล ผู้ที่ได้ทำให้ความยากลำบากในการต่อสู้ทางชนชั้นเป็นที่ปรากฏ

10. และขอบคุณเหล่านายพลอีกครั้ง ที่ทำให้เราตระหนักว่า ไม่ใช่ทุกผลลัพธ์ที่จะทำให้ “วิธีการ” ถูกต้อง และในขณะเดียวกัน “ผลลัพธ์” นั้นเองก็ไม่สามารถทำให้คำโกหกเป็นเรื่องถูกต้องได้ด้วย

วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552

ขอให้คนไทยไม่ใช้กำลังเคลื่อนไหว เรียกร้องให้รัฐบาลไทยและทหารไทย

คณะกรรมการปฏิบัติการจิตวิทยาแห่งชาติ กองบัญชาการกองทัพไทย ขอให้คนไทยไม่ใช้กำลังเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและทหารไทย ผลักดันทหารและประชาชนชาวกัมพูชา ออกไปจากบริเวณเขาพระวิหาร อาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา ตามที่เครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่น และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยให้คนไทย เข้าร่วมการชุมชนเรียกร้องให้รัฐบาลไทย และทหารไทย ผลักดันทหาร และประชาชนชาวกัมพูชา ออกจากบริเวณพื้นที่เขาพระวิหาร อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ

ซึ่งการเคลื่อนไหวในลักษณะที่รุนแรง อาจเกิดกระทบกระทั่งกับทหารและประชาชนชาวกัมพูชาในพื้นที่ อาจบานปลายเป็นเงื่อนไขที่กระทบต่อความสัมพันธ์ ระหว่างไทยกับกัมพูชา ดังนั้นการแก้ไขปัญหาเขตแดน ทุกฝ่ายควรยอมรับในหลักการที่ว่าการรักษาอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดน เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลทุกประเทศต้องยึดถือเป็นสำคัญ ด้วยการใช้คณะกรรมการซึ่งเป็นที่ยอมรับของทั้ง2 ฝ่าย เป็นผู้เจรจาหาข้อยุติ

ไม่ใช่จะมุ่งใช้อำนาจทางทหารกดดันหรือบีบบังคับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้ยินยอมตามที่ตนต้องการเพราะเท่ากับเป็นการสร้างศัตรูก่อสงครามละเมิดต่อกฎหมายระหว่างประเทศและไม่เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ ความรักชาติและรักแผ่นดินถิ่นเกิดเป็นสิ่งที่ถูกต้องแต่ควรระมัดระวังไม่ให้การแสดงออกซึ่งความรักชาติ ด้วยวิธีการอันไม่ถูกต้องหรือด้วยการใช้อารมณ์โดยไร้เหตุผลซึ่งจะกลายเป็นเงื่อนไขส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน

พธม.ลุยฝ่าด่าน ปะทะเดือด บุกผามออีแดง

ไทยรัฐ : กลุ่มพันธมิตรฯ ตะลุยฝ่าด่านเจ้าหน้าที่่ พยายามขึ้นไปยังผามออีแดง ทำให้ปะทะกันกับชาวบ้าน จนได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก แต่คนละเล็กละน้อย และมีเสียงดังเป็นระยะ …

เมื่อเวลาประมาณ 13.05 น. วันนี้ (19 ก.ย.) ทีมข่าวไทยรัฐที่ปักหลักอยู่ที่ทางขึ้นผามออีแดง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้รายงานว่า หลังจากที่นายวีระ สมความคิด เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ และพลเอกปรีชา เอี่ยมสุพรรณ นายทหารนอกราชการ แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เข้าเจรจากับ พล.ต.ต.อำนวย มหาผล รอง ผบช.ภ.3 นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พล.ต.ต.สมพงษ์ ทองวีระประเสริฐ ผบก.ภ.จ.ศรีสะเกษ และ พ.อ.ชัยนันท์ คำชุ่ม ผบ.กรมทหาราบที่ 16 เพื่อขอนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่เดินทางมาประมาณ 3,000 คน ขึ้นไปปักหลักบนผามออีแดงไม่เป็นผลสำเร็จ แกนนำของพันธมิตรฯ ก็ได้กลับไปบอกกับสมัครพรรคพวก ให้ช่วยกันตะลุยฝ่าด่านของกำลังฝ่ายปกครอง ซึ่งประกอบไปด้วยกำลัง อส. และ ตำรวจ ในพื้นที่ส่วนหนึ่งเข้าไปเป็นผลสำเร็จ เนื่องจาก กำลังของฝ่ายเจ้าหน้าที่มีน้อยกว่า เป็นเหตุให้ตำรวจ และ อส. ที่ตรึงกำลังอยู่ในด่านแรกได้รับบาดเจ็บกันคนละเล็กคนละน้อย

ในการลุยฝ่าด่านแรกเข้าไป กลุ่มพันธมิตรฯ ได้ยกรถยนต์สำหรับขังผู้ต้องหา ที่จอดเรียงรายกีดขวางอยู่จำนวน 4 คัน ลงไปไว้ข้างถนน แล้วขับรถยนต์ลุยประชิดเข้าไปยังด่านที่สองเป็นขบวน เป็นเหตุให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่งอยู่ด้านในกำแพงวัดภูมิซรอล และตามสองข้างทาง เกิดความไม่พอใจ ขว้างปาก้อนหินเข้าใส่กลุ่มพันธมิตรฯ บางคนศีรษะแตกเลือดไหลอาบ และ เกิดไล่ตีกัน และมีเสียงปะทัดดังขึ้นเป็นระยะ ๆ แต่กลุ่มพันธมิตรฯ ก็พยายามที่จะพากันลุยไปปักหลักบนผามออีแดงให้ได้ ซึ่งยังจะต้องฝ่าด่านของเจ้าหน้าที่ และประชาชนไปอีกถึง 4 ด่านด้วยกัน โดยมีผู้บาดเจ็บหลายคน และมีผู้สื่อข่าวของสถานีเอเอสทีวีด้วย

ต่อมาเวลา 14.00 น. กลุ่มพันธมิตรก็สามารถตะลุยฝ่าด่านทั้ง 4 ชั้น ของเจ้าหน้าที่และชาวบ้านภูมิซรอล เป็นผลสำเร็จ ซึ่งระยะทางจากด่านที่ตั้งไปถึงด่านสุดท้าย ซึ่งเป็นด่านของทหาร ทางขึ้นผามออีแดง หน้าอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ในช่วงที่กลุ่มพันธมิตรใช้รถยนต์ และการ์ดนำหน้าลุยฝ่าด่าน มีชาวบ้านภูมิซรอล ซึ่งส่วนมากเป็นกลุ่มวัยรุ่น ที่ใช้ผ้าขาวม้าคาดหน้า ปาก้อนหิน ค้อน หนังสติ๊กและ ระเบิดขวด จากสองข้างทาง เข้าใส่กลุ่มพันธมิตรเป็นระยะๆ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่จับกุม เมื่อตำรวจไปอีกทาง ก็พากันวิ่งไปปาอีกทาง จนกลุ่มพันธมิตรฯ ต้องใช้เต็นท์ที่ยกออกจากพื้นถนน เป็นโล่กำบัง และในที่สุดกลุ่มชาวบ้าน 5 ตำบล ที่รวมตัวกันตั้งด่าน โดยการนำของ นายวีระยุทธ ดวงแก้ว ต้องพากันถอนร่นเข้าไปในวัดภูมิซรอล ปล่อยให้กลุ่มพันธมิตรฯ ผ่านด่านเข้าไปอย่างง่ายดาย มีเพียงการต่อต้านของกลุ่มวัยรุ่น ที่ซุ่มโจมตีอยู่สองข้างทางเป็นระยะ ๆ จนไปถึงด่านสุดท้าย ซึ่งเป็นด่านของทหาร และพากันหยุดรวมพล ณ จุดนั้น

จากการปะทะกันของกลุ่มพันธมิตร และชาวบ้านภูมิซรอลครั้งนี้ เป็นเหตุให้การ์ดของพันธมิตรฯ ได้รับบาดเจ็บหลายคน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลกันทรลักษ์ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลรักษาความปลอดภัย เนื่องจาก เกรงว่าจะถูกชาวบ้านเข้ามาทำร้าย ชาวบ้านภูมิซรอลรายหนึ่งซึ่งไม่ขอเปิดเผยนาม กล่าวว่า พวกตนไม่พอใจกับการกระทำของกลุ่มพันธมิตร เพราะคนพวกนี้เข้ามาสร้างปัญหา แล้วก็พากันกลับไป ในขณะที่พวกตนเป็นคนในพื้นที่ กลับต้องมาได้รับผลกระทบจากการกระทำของคนนอกพื้นที่ พวกตนเคยอยู่กันมาอย่างสงบสุข ก็ต้องพากันเดือดร้อน เคยทำมาค้าขาย ก็ทำไม่ได้ เคยเข้าไปหาของป่ามาขายก็ทำไม่ได้ พากันเดือดร้อนไปหมด ปัญหาเรื่องเขาพระวิหารควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ไม่ใช่หน้าที่ของคนกลุ่มนี้ ที่เข้ามาสร้างปัญหาให้กับพวกตน

ล่าสุด กลุ่มพันธมิตร ได้พากันใช้รถยนต์มาจอดเรียงรายเป็นหน้ากระดาน 4 แถว หน้าด่านสุดท้าย ซึ่งเป็นด่านของทหาร โดยชั้นแรกเป็นกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปราบจลาจล จาก จ.ศีรสะเกษ จ.สุรินทร์ และ จ.อุบลราชธานี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.อำนวย มหาผล รอง ผบช.ภ.3 ชั้นที่สองเป็นขดลวดหนามที่วางกั้นไว้อย่างหนาแน่น และชั้นที่สาม เป็นกำลังของทหาร จากกรมทหารราบที่ 16 ทางทางฝ่ายทหารได้ประกาศห้าม มิให้กลุ่มพันธมิตรฝ่าด่านนี้ขึ้นไปบนผามออีแดงโดยเด็ดขาด และกลุ่มพันธมิตรได้ส่ง พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ นายทหารนอกราชการ เข้าไปเจรจากับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อ ภายในที่ทำการของอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร และ ที่หน้าด่านสุดท้ายนี้ ได้มี นายตายแน่ มุ่งมาจน กองกำลังฝ่ายข่าว FMTV ของกองทัพธรรม ซึ่งถูกยิงด้วยหนังสติ๊ก จนหน้าผากแตกเลือดอาบหน้า มารอฟังผลการเจรจาอยู่ด้วย โดยไม่ยอมไปทำแผลตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ซึ่งการเจรจาครั้งนี้ยังหาข้อยุติไม่ได้ แต่ทางฝ่ายทหารก็ยืนยันว่าไม่ยอมให้กลุ่มพันธมิตรเคลื่อนตัวขึ้นไปชุมนุมบนผามออีแดงอย่างเด็ดขาด

บรรทัดฐานใหม่


ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ เหล็กใน
ไม่น่าเชื่อว่าเวลาไม่ถึงปีที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ ซึ่งมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ จะสร้างบรรทัดฐานใหม่ๆ ให้การเมืองไทย และบริหารราชการแผ่นดินชนิด สุดกึ๋นข้อแรกสุดที่ต้องจดจารึกเอาไว้ และเชื่อว่าในอนาคตจะกลายเป็นบ่วงมามัดคอพรรคประชาธิปัตย์เมื่อต้องกลายเป็นฝ่ายค้าน

รวมไปถึงบรรดากลุ่มการเมืองข้างถนนคือการออกพ.ร.บ.ป้องกันการชุมนุมของประชาชน ก่อนที่จะเกิดการชุมนุมขึ้นจริงจะหาข้ออ้างที่สวยหรูอย่างไรก็ตาม แต่นี่คือครั้งแรกที่รัฐบาลจากการเลือกตั้งกระทำการแบบนี้ทั้งที่น่าจะสุ่มเสี่ยงว่าจะเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ

เรื่องสิทธิ์ในการชุมนุมของประชาชนเชื่อว่าต่อไปรัฐบาลอื่นๆ คงใช้บรรทัดฐานเดียวกันพรรคประชาธิปัตย์ และม็อบพันธมิตรฯ ที่อาจจะออกมาอาละวาดอีกในอนาคต หากไม่ได้ดังใจก็อย่าโอดครวญบรรทัดฐานต่อมาคือการบริหารข้าราชการแบบ "เด็กดื้อ" หรือ "เด็กเอาแต่ใจ"ชัดเจนกรณีศึก "ผบ.ตร." ที่ไม่เคยเป็นเรื่องใหญ่เลยในอดีต

ก็สามารถทำให้กลายเป็นเรื่องขึ้นมาได้ในสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ว่ากันว่ามีอำนาจเหลือเฟือ ยังไม่กล้าดันคนที่ตนสนับสนุนเพราะติดขัดเรื่องอาวุโส และความเหมาะสมบางประการไม่เช่นนั้นวงการตำรวจคงมีผบ.ตร.ที่ชื่อ "พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์" แทน "พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ" แล้วแต่บรรทัดฐานที่น่ากลัวที่สุด

ซึ่งรัฐบาลนี้จารึกเอาไว้ คือการใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งความต้องการของตนพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุรรณ ผบ.ตร. ถูกเตะโด่งไปจีน ลงใต้ จนถูกย้ายมาช่วยราชการใน 2 ครั้งแรกตั้งพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รองผบ.ตร. ขึ้นมารักษาการ ก่อนพยายามเข้าไปรื้อโผการแต่งตั้ง แต่ไม่สำเร็จหนสุดท้ายเลือกพล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ ขึ้นมารักษาการ

เจตนาเพื่อให้ช่วยออกเสียงในก.ต.ช.เลือกผบ.ตร.ใหม่ความพยายามเล่นงานก.ต.ช.ที่ไม่เอาด้วยกับนายกฯ ทั้งการขุดเรื่องเก่าขึ้นมา หรือถือโอกาสส่งไปทำงานต่างประเทศ แล้วตั้งคนที่คิดว่าคุมได้ขึ้นมาทำหน้าที่แทนทั้งหมดนี้เพื่อหวังชัยชนะในการเลือกผบ.ตร.แต่ท้ายที่สุดก็หงายท้องเป็นครั้งที่ 2 เพราะเจอ "ข้อมูลสำคัญ"

ทำให้คนที่ตั้งขึ้นมาแทนคนเก่าเพื่อหวังคะแนนเสียงตีกรรเชียงหนีไปดื้อๆที่น่ากังวลอีกประการคือบรรทัดฐานขององค์กรอิสระ นักวิชาการ รวมไปถึงนักคิดทางการเมืองทั้งหลายที่ไม่เคยมีปากมีเสียง หรือเคลื่อนไหวอะไรกับพฤติกรรมของรัฐบาลนี้ในอนาคตหากมีรัฐบาลอื่น ใช้อำนาจลักษณะเดียวกับรัฐบาลนี้ ซึ่งเชื่อว่ามีแน่ๆพวกท่านทั้งหลายจะกล้าออกมาเคลื่อนไหว ให้คนเขาถอนหงอกเล่นหรือ!?

วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552

ป้องกันไว้ ...ไม่เสียหลาย


ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่...ทั้งกลุ่มผู้ชุมนุม “คนเสื้อแดง” รวมถึงเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจที่คอยเฝ้าระวังรักษาความปลอดภัยไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง ในวัน นปช. ชุมนุมใหญ่ 19 ก.ย. 52“เทคโนโลยีใหม่” ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้เตรียมนำมาเพื่อทำการ “สลายชุมนุม”หากเกิดเหตุรุนแรง หรือที่เรารู้จักกันในชื่อว่า “เครื่องทำหูดับ”เป็น

เครื่องมือสำหรับสร้างคลื่นเสียงที่มีความถี่สูง...ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อร่างกาย โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับ “ระบบประสาท”หากผู้ใช้ไม่มีความชำนาญเพียงพอ หรือ ผู้ได้รับคลื่นเสียงในความถี่ที่สูงมากเกินไปอาจส่งผลให้เกิด “อันตราย” ต่อร่างกายดังนั้น...จึงควรหาวิธีป้องกันหากรู้ว่า ร่างกายรับไม่ไหว หรือ เกินขีดจำกัด

อันเป็นผลเสียต่อร่างกายและสุขภาพในอนาคตเครื่อง LRAD มีชื่อเต็มว่า Long Range Acoustic Device หลักการทำงานคือการใช้จานส่งคลื่นเสียงความถี่ 2.5 กิโลเฮิร์ตซ์ ด้วยเชิงมุม 30 องศาสามารถทำให้เกิดเสียงดังระดับ 146 เดซิเบล ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ที่อยู่ในระยะ1 เมตรสามารถสูญเสียการได้ยิน “อย่างถาวร”เนื่องจากแก้วหูถูกทำลาย!สำหรับระยะ 300 เมตร ระดับเสียงจะดังประมาณ 90 เดซิเบลลักษณะของเสียงจะคล้ายกับเสียงของเครื่องตรวจจับควันไฟ

แต่หวีดแหลมและดังกว่ามากๆโดยอุปกรณ์หลักในการสร้างคลื่นชนิดนี้คือ Piezoceramic Transducersซึ่งทำหน้าที่เปลี่ยนความถี่ของกระแสไฟฟ้าให้กลายเป็นคลื่นเสียงสำหรับ “วิธีป้องกัน” สามารถปฏิบัติได้โดย1. ใช้ Ear-plugs หรือที่อุดหู ควรเลือกชนิดที่ป้องกันเสียงได้สูงสุด เช่น Ear-Plugs สำหรับงานช่าง หรือ สำหรับซ้อมยิงปืน2. ถ้าไม่มี Ear-Plugs ควรประยุกต์สร้างอุปกรณ์อุดหูด้วยวัสดุที่ช่วยลดระดับเสียง เช่น กระดาษทิชชู หรือ ก้นบุหรี่ชุบน้ำให้หมาดหรือ เหลาจุกคอร์กให้มีขนาดที่เหมาะสม แล้วใช้แทน Ear-Plugs3. ตัดเล็บนิ้วมือให้สั้น โดยเฉพาะนิ้วก้อย เพราะถ้าไม่มี Ear-Plugs หรืออุปกรณ์ใดๆ ก็ให้ใช้นิ้วก้อยอุดช่องหูให้แน่นที่สุด ผิวหนังของมนุษย์สามารถดูดซับให้คลื่นเสียงอ่อนกำลังลง4. ควรเตรียมหน้ากากสำหรับ “สะท้อนแนวคลื่น” ด้วยการใช้แผ่นอลูมิเนียมฟอยล์ตัดให้มีขนาดความยาวพอที่จะพันรอบศีรษะได้เจาะรูรูปสามเหลี่ยม...

สำหรับให้จมูกโผล่ออกมาเพื่อหายใจ เจาะรูตำแหน่งดวงตาเพื่อให้สามารถมองเห็น
เวลาที่ต้องการนำมาใช้ ให้แนบจมูกและดวงตาตรงกับตำแหน่งที่เจาะรูไว้ กดและขยำปลายแผ่นฟอยล์ให้แนบกับด้านหลัง-ด้านบน-ด้านข้าง ของศีรษะ โดยด้านที่มันเงาของแผ่นฟอยล์จะต้องอยู่ภายนอก เพื่อให้เกิดการสะท้อนและหักเหของคลื่นนี่เป็นวิธีป้องกันตนเองแบบง่ายๆ ซึ่งสามารถช่วยลด “ความเสี่ยง” ต่ออันตรายในร่างกายที่อาจเกิดขึ้นเพราะไม่ว่ากลุ่มผู้ชุมนุม หรือ เจ้าหน้าที่ ต่างต้องทำหน้าที่ของตนให้เกิด“ประสิทธิภาพสูงสุด”ผู้ชุมนุม...มีสิทธิ์แสดงออกซึ่งการเคลื่อนไหวทางการเมืองภายใต้กรอบและ

กฎเกณฑ์ของกฎหมายเจ้าหน้าที่...มีสิทธิ์เข้าทำการ “สลายการชุมนุม” หากเกิดเหตุรุนแรงซึ่งต้องใช้วิธีปฏิบัติในการ “ไม่ละเมิดสิทธิ” ของผู้ชุมนุมอย่างเคร่งครัด3 ปีแห่งการ “รัฐประหาร” เป็นความสุขของ “ผู้มีอำนาจ” ที่ได้สร้างความเจ็บปวดภายในจิตใจของประชาชนคนไทยทั่วทั้งแผ่นดินสิ่งที่รองนายกรัฐมนตรี “สุเทพ เทือกสุบรรณ” พูดขึ้นเมื่อวานก่อนที่จะมีการชุมนุม “หากมีความเป็นไปได้ ตนอยากจุดธูปเทียนกราบไหว้กลุ่มคนเสื้อแดงว่าอย่ามาชุมนุม”“คุณสุเทพ” เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่รู้ทุกเรื่องราว...รู้ความเป็นไปในบ้านเมืองและรู้อยู่แก่ใจว่า...ประเทศชาติมัน “ขัดแย้ง” เดินมาไกลจนกว่าจะถอยหลังย้อนกลับ การชุมนุมของ “มหาประชาชน” ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใด หรือพรรคพวกใดจะยังคงดำเนินต่อไป...

ท่ามกลางสภาวะสังคมและการเมืองในประเทศที่ ไม่มีการปกครองด้วยความเป็นธรรมประชาชนเหล่านี้มิใช่หรือที่ถูก “ผู้มีอำนาจ” กดขี่กดหัวจนมิอาจ“ลืมตาอ้าปาก” และเห็น “แสงสว่าง” แห่งความปกติสุขพวกเขาต้องการที่จะ “เปลี่ยนแปลง” ประเทศนี้ให้กลายเป็นดินแดนที่มีความ“ถูกต้อง” และ “เป็นธรรม” ไม่ใช่เป็นเช่น “รอยยิ้ม” อันไม่จริงใจของผู้มีอำนาจประเทศนี้ไม่ได้ถูกปกครองด้วย “กลุ่มอำนาจใดอำนาจหนึ่ง” แต่ต้องเป็นการปกครองโดย “มหาประชาชน” ซึ่งบรรพบุรุษได้สร้างสิ่งมีค่าให้พวกเขา “ดำรงชีพ” สืบอยู่“คุณสุเทพ”

ไม่จำเป็นต้องมา จุดธูปเทียนกราบไหว้ คนเสื้อแดงให้เสียเวลา...เพียงแค่เอ่ยปากไหว้วานบอกไปถึง “ผู้มีอำนาจ” ...เมื่อใดจะหยุดทำร้ายประเทศชาติเสียที!โดยเฉพาะ “ผู้มีอำนาจ” เหล่านั้น...ต้องมา “ก้มกราบขอโทษ”ต่อมหาประชาชน ซึ่งได้ทำความชั่วความเลวไว้มากเขาทำผิดต่อแผ่นดินที่ยืนอยู่...และทำผิดต่อประชาชนซึ่งเป็น“ผู้ใต้ปกครอง” อย่างมิน่าให้อภัยแต่ในฐานะ “คนไทย” คนทำผิดต้องให้โอกาส...กราบขอโทษงามๆแล้วประชาชนทั้งหลายจะให้อภัย!! ■

เสื้อแดงตั้งเวทีลานพระรูปฯยันชุด จรยุทธก่อเหตุที่ ป.ป.ช.ฉะ"สุเทพ"เพ้อ แม้ว ชี้ไม่มานกระจ่าง ใครโหดร้าย

เสื้อแดงตั้งเวที-ประเดิมฉะ"สุเทพ"เพ้อเจ้อเป็นปรปักษ์และให้ร้ายประชาชน "แม้ว" ชี้ไม่นานกระจ่างใครโหดร้าย "แดง"ฟ้องระงับพ.ร.บ.-ศาลปค.ไม่รับพิจารณา

ตั้งเวที-ประเดิมฉะสุเทพเพ้อเจ้อ

สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่ม แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เวลา 13.00 น. วันที่ 18 กันยายน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษก นปช.-แดงทั้งแผ่นดิน พร้อมด้วยนายจรัล ดิษฐาภิชัย แกนนำ นปช.-แดงทั้งแผ่นดิน นำทีมงานฝ่ายเทคนิคตั้งเวทีปราศรัยใหญ่ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า โดยนายณัฐวุฒิกล่าวว่า เตรียมตั้งเวทีบริเวณหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมแล้วหันหน้าเวทีไปทางถนนราชดำเนินนอก และได้เตรียมรถยนต์ที่ได้ปรับเป็นเวทีเคลื่อนที่ไว้อีก 6 คัน สำหรับการชุมนุม "3 ปีต้านอำมาตยา สถาปนารัฐไทยใหม่" แกนนำคนเสื้อแดงทุกคนพร้อมที่จะรับผิดชอบการชุมนุมตามกฎหมายและรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบในการอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัย

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุมีข้อมูลเชิงลึกพบคนเสื้อแดงกำลังเตรียมสร้างสถานการณ์ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า นายสุเทพกำลังเพ้อเจ้อ เพราะคนเสื้อแดงไม่มีการเตรียมการสร้างสถานการณ์ใดๆ ไม่มีชุดจรยุทธที่จะไปก่อเหตุที่สำนักงาน ป.ป.ช. บ้านสี่เสาเทเวศร์ สนามบินทุกแห่งทั่วประเทศ หรือแม้แต่ในทำเนียบรัฐบาล การเป็นรองนายกรัฐมนตรี ไม่ควรพูดจาเป็นปรปักษ์และให้ร้ายประชาชนอย่างนี้

"แม้ว" ชี้ไม่นานกระจ่างใครโหดร้าย
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทวิตข้อความถึงการชุมนุมของคนเสื้อแดงว่า "แน่นอนครับ ผมพูดเสมอและก็เห็นพ้องกันว่าเราจะสู้ด้วยความจริงอย่างสันติครับ อีกไม่นานคงจะกระจ่างว่าใครโหดร้ายใครสั่งใช้ความรุนแรง"

พ.ต.ท.ทักษิณยังทวิตข้อความถึงการทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในการชี้มูลความผิดเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 รวมถึงภาวะผู้นำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า "เป็นการฟาดฟันกันทางการเมืองโดยไม่ยึดหลักแห่งนิติรัฐ นิติธรรม และหลักการบริหารราชการที่ดีก็จะเป็นอย่างภาพที่เห็นทุกวันนี้ละครับ"

"แดง" ฟ้องระงับพ.ร.บ.-ศาลปค.ไม่รับ
นายบุบผา ศรีสุนันท์ และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) มอบอำนาจนายคารม พลทะกลาง ทนายความ ยื่นฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.) และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 ต่อศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อเวลา 10.00 น.

ว่าออกประกาศ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 เขตดุสิต กทม. ระหว่างวันที่ 18 -22 กันยายน ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพในการเดินทาง และสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ อีกทั้งไม่ปรากฏว่ามีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นในพื้นที่เขตดุสิตเป็นแต่เพียงการคาดหมายเอง

ขอให้ศาลเพิกถอนข้อกำหนดที่ออกตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงฯ และขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินเพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ให้ระงับการบังคับใช้ข้อกำหนด ตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงฯด้วย ศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ ฟ.54/2552 เพื่อพิจารณาว่าคดีอยู่ในเขตอำนาจศาล และจะมีคำสั่งไต่สวนฉุกเฉินหรือไม่ต่อไป

ต่อมาศาลปกครอง สั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เนื่องจากบทบัญญัติตาม มาตรา 22 วรรค 2 พ.ร.บ.จัดตั้งศาล ระบุว่า การดำเนินคดีใดๆ อันเนื่องมาจากข้อกำหนด ประกาศ คำสั่ง ให้อยู่ในอำนาจศาลยุติธรรม
นายคารมยังยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ กับพวกที่เป็นคณะรัฐมนตรี (ครม.) รวม 36 คนต่อศาลอาญา เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณี ครม.มีมติให้ประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงฯทั้งที่การชุมนุมเพื่อแสดงการคัดค้านต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตย เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ

ศรีสะเกษตรึงเข้ม-รับมือม็อบเหลืองคลั่งชาติ เดินเกมทวงเขาพระวิหารปลุกกระแสพรรคพันธมิตร

ไทยรัฐ : หลายฝ่ายเป็นห่วงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 18-19 ก.ย.อาจกระทบต่อการแก้ไขปัญหาปราสาทเขาพระวิหาร เร่งวางแผนรับมือป้องกันเหตุวุ่นวาย…

วันที่ 17 ก.ย.52 ที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่าง นายระพี ผ่องบุพกิจ ผวจ.ศรีสะเกษ ฝ่ายทหารจากกองทัพภาคที่ 2 นำโดย พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพน้อยที่ 2 และ พล.ต.ต.สมพงษ์ ทองวีระประเสริฐ ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ เพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่จะมีขึ้นในวันที่ 18-19 ก.ย.ที่จะถึงนี้

เพื่อวางแผนการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ป้องกันเหตุร้าย ซึ่งการประชุมไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้ารับฟังแต่อย่างใด

พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพน้อยที่ 2 กล่าวภายหลังการเดินทางตรวจเตรียมความพร้อมเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯว่า มีความเป็นห่วง เพราะอาจกระทบต่อการดำเนินการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย – กัมพูชา

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแก้ไขปัญหากรณีปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน อาจเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี จึงขอให้ระมัดระวัง การชุมนุมควรดำเนินการตามกรอบขอบเขต หากดำเนินการนอกขอบเขตจะดำเนินการตามกฎหมาย

แม่ทัพน้อยที่ 2 กล่าวว่า การชุมนุมเรียกร้อง อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินการแก้ไขปัญหาในส่วนของทหาร ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งอาจจะกลับไปอยู่ที่เดิม สำหรับแนวทางที่ดีที่สุด คือการเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกันทั้งสองฝ่าย ที่กำลังดำเนินการเป็นไปด้วยดี อย่างไรก็ตาม ในส่วนรายละเอียด อาจจะมีบางส่วนที่ยังไม่เข้าใจ ขอให้สื่อมวลชนได้ช่วยดำเนินการชี้แจงต่อผู้ที่จะเดินทางมาร่วมชุมนุมว่า ไม่ควรกระทำอะไรที่จะเกิดความเสียหาย และ ทุกฝ่ายอยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขปัญหา สำหรับปัญหาเขตแดนนั้น เป็นเพราะแต่ละฝ่าย ถือแผ่นที่คนละฉบับ และต่างอ้างสิทธิ ซึ่งตนยืนยันว่า ประเทศไทยไม่ได้เสียดินแดนอะไรทั้งสิ้น เรายังรักษาดินแดนของเราได้

ด้าน พล.ต.ต.สมพงษ์ ทองวีระประเสริฐ ผบก. ภ.จว.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า สำหรับแผนรับมือกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ในครั้งนี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีคำสั่งลงมาให้ปฏิบัติการตามแผน กรกฏ 52 ซึ่งได้มีการปรับปรุงแก้ไขจากการปฏิบัติการที่ผ่านมาเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และพื้นที่ โดยทางตำรวจได้เตรียมกำลังตำรวจในพื้นที่ที่มีอยู่และมีตำรวจชุดกองร้อย ควบคุมฝูงชนจาก ตชด. 1 กองร้อย

ตำรวจในพื้นที่ศรีสะเกษ 1 กองร้อย ตำรวจจาก จ.อุบลราชธานี อีก 1 กองร้อย รวมทั้งได้มีการเตรียมการในขอรับการสนับสนุนจากตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียงที่ สามารถเดินทางมาถึงได้ภายในไม่เกิน 4 ชั่วโมง ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่เกินขีดความสามารถในการรับมือของตำรวจชุด ควบคุมฝูงชนชุดที่ปฏิบัติการอยู่เป็นหลักทั้ง 3 กองร้อยดังกล่าว

ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุม ในตอนเย็นวันนี้ ได้มีการตั้งเวทีปราศรัยกันที่บริเวณหน้าศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ ด้านถนนกันทรลักษ์-เขาพระวิหาร บนเวทีมีป้ายค่ำว่า กองทัพประชาชนเครือข่ายสี่ภาค (สอส.) มีการปราศรัยเชิญชวนร่วมชุมนุมทวงคืนเขาพระวิหาร มีผู้เข้ารับฟังบางตา โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กันทรลักษ์ เข้าไปสังเกตการณ์ เพื่อดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยด้วย

สื่อเหลืองดิ้นเหมือนโดนน้ำร้อนลวก โต้มติชน-ไทยรัฐ รายงานข่าวแกนนำพันธมิตรเจ้ามือหวยใต้ดิน

เอเอสทีวี-ผู้ัจัดการ : “สื่อหัวเขียว-หัวแดง” รีบเอาใจ “นายแม้ว” แพร่ข่าวหมิ่นแกนนำพันธมิตรฯ ชัดเจน ระบุ เป็นเจ้ามือหวยใต้ดิน “สุริยะใส” โต้ เป็นวิธีสามานย์ และเป็นคำกล่าวหาที่หาสาระอะไรไม่ได้ของนักโทษหนีคดี ย้ำ พธม.ทุกคนรักชาติ-บ้านเมือง ต่อสู้อย่างเสียสละ ท้าเอาหลักฐานมาโชว์

วันนี้ (17 ก.ย.) ภายหลังจากที่มีรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนักโทษหลบหนีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี ได้เขียนข้อความตอบโต้กับแฟนคลับคนเสื้อแดงในเว็บไซต์ทวิตเตอร์ โดยระบุว่า หวยบนดินคนจนได้ประโยชน์ปีหนึ่งประมาณหมื่นล้านบาท นำมาเป็นทุนการศึกษา บัดนี้ลงใต้ดินหมื่นล้านเข้าเจ้ามือหวย ซึ่งบางคนเป็นแกนนำพันธมิตรฯ”

หลังจากนั้น เว็บไซต์ไทยรัฐ และ มติชน ได้รีบหยิบยกประเด็นดังกล่าวไปเป็นข่าวและพาดหัวในเว็บไซต์ของตนเอง โดยอ้างอิงคำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังกล่าว

ทั้งนี้ เว็บไซต์ไทยรัฐ ระบุว่า “ทักษิณทวิตเตอร์ แฉแกนนำ พธม.เจ้ามือหวยใต้ดิน” ขณะที่ในเนื้อข่าวระบุข้อความที่เป็นการหมิ่นประมาทค่อนข้างชัดเจน คือ “ ‘ทักษิณ’ แฉแกนนำ พธม.เป็นเจ้ามือหวยใต้ดิน ซัดยุคมืดตำรวจถูกแทรกแซงจนขวัญกระเจิง เปรียบบุญบาปเหมือนสึนามิ มาเร็วไปเร็ว”

ในส่วนของเว็บไซต์มติชน ก็นำเสนอข่าวดังกล่าวเช่นเดียวกัน โดยพาดหัวข่าวว่า “ ‘แม้ว’ ซัดแต่งตั้ง ผบ.ตร.ถูกแทรกแซงสุดๆ ทำ จนท.เสียขวัญ ลั่นใช้วิบากกรรมหมดแล้ว แฉแกนนำ พธม.เจ้ามือหวย”

อนึ่ง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น มีด้วยกัน 2 รุ่น จำนวน 10 คน ประกอบไปด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสำราญ รอดเพชร นางมาลีรัตน์ แก้วก่า นายสาวิทย์ แก้วหวาน นายศิริชัย ไม้งาม และ นายศรัณยู วงษ์กระจ่าง โดยแกนนำทั้ง 10 คนต่างเป็นบุคคลที่มีหน้าที่การงานดี มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักของคนในสังคม อีกทั้งในการกล่าวหาดังกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณ และหนังสือพิมพ์ทั้ง 2 ฉบับ ก็ไม่ได้อ้างอิงถึงหลักฐานแต่อย่างใด

ด้าน นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นดังกล่าวโดยระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้พยายามหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาใช้โจมตีกลุ่มพันธมิตรฯ มาตั้งแต่ปี 2548 แต่ก็ไม่เคยระบุถึงหลักฐานว่าเป็นใครและกลุ่มพันธมิตรฯ ถือว่าคำพูดดังกล่าวเป็นเรื่องไร้สาระของนักโทษหนีคดี

คำพูดของคุณทักษิณคล้ายกับเป็นแผ่นเสียงตกร่อง แน่จริงเปิดเผยออกมาเลยดีกว่า ว่า แกนนำพันธมิตรฯ คนไหนที่ค้าหวยใต้ดิน หวยเถื่อน อย่ามาใช้วิธีสามานย์เช่นนี้ เพราะมวลชนที่ร่วมต่อสู้ รักชาติบ้านเมือง รักสถาบัน และพร้อมเสียสละตัวเอง ไม่เหมือนคนบางคนที่หนีไปต่างประเทศ จริงๆ พันธมิตรฯ ก็ไม่สนใจ กับคำพูดของนักโทษหนีคดี ซึ่งหาสาระอะไรไม่ได้” นายสุริยะใส กล่าว

นอกจากนี้ นายสุริยะใส ยังกล่าวด้วยว่า ในวันพรุ่งนี้ (ศุกร์ 18 ก.ย.) แกนนำพันธมิตรฯ จะนัดประชุมกันที่บ้านพระอาทิตย์ เพื่อหารือกันถึงสถานการณ์ทางการเมืองในวันที่ 19 ก.ย.และ ปัญหาเกี่ยวกับปราสาทเขาพระวิหาร และจะแถลงจุดยืนต่อสื่อมวลชนในเวลา 12.00 น.ณ ห้องประชุม บ้านพระอาทิตย์

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552

มิคสัญญี กลียุค..บนความดื้อ ของเด็กบ้า

ฮือฮากันไปทั้งสนาม เมื่อจู่ๆกรรมการข้างเวที อย่างกล้านรก จัณฑาล แอนด์เดอะแก๊งค์ ก็คว้าไม้หน้าสาม ขึ้นเวทีไปแพ่นกบาลบิ๊กป๊อด ลูกสันติราษฎร์เอาดื้อๆส่งผลให้นักมวยฝ่ายน้ำเงิน ออกอาการก้นเตี้ย

เปิดโอกาสให้เด็กดื้อ ลูกป๋าดัน นักมวยฝ่ายเหลือง กระโจนเข้ากัดใบหูได้ อย่างเต็มปากเต็มคำเล่นเอาแฟนมวยทั้งสนามตกตะลึงตาค้าง ส่งเสียงครางเป็นนกถึดทือว่า แม่มันเล่นเหม็นกันอีกแล้วว้อย..ทั้งปีจะว่าไปแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของสนามมวยสารขัณฑ์ ที่กรรมการข้างเวทีมักจะเกิดอารมณ์ร่วม ไม่เพียงแค่ออกหน้ามาเชียร์มวยอย่างน่าเกลียด

แต่ถึงขนาดโดดขึ้นเวทีไปช่วยยำนักมวยฝ่ายตรงข้าม ก็ทำกันออกบ่อยถึงว่า..กลิ่นมิคสัญญี กลียุค ลอยเข้ามาเตะจมูกอยู่ผางๆ ยิ่งนับวันยิ่งฉุนขึ้นจมูกไปทุกที ตั้งแต่ตาเฒ่ากาลี มีบัญชาให้ท.ทหารถือธง แบกเด็กดื้อขึ้นวอ ล่อเก้าอี้นายกฯไปอย่างหน้าด้านๆ เด็กห่ามมันเลยย่ามใจ ควักไม้ขีดไฟออกมาเล่น เผาบ้านเผาเมืองอย่างสนุกสนานลืมไปสนิทเลย กับที่เคยผายลมทางปากว่า "ประชาชนต้องมาก่อน" พอประชาชนไม่ยอมมาก่อน มันเลยซัดไม่เลี้ยง ทั้งเอ็ม-16 รถถัง ฮัมวี่ย์ เอ๊กเซอร์ไซส์กันให้วุ่น

อะไรมันจะขนาดนั้นถึงขนาดเป่านกหวีดปรี๊ดๆ เรียกสีเขียวออกมาเต็มพรึ่ด เพียงเพื่อจะแสดงภาวะผู้นำของเด็กป๋า ก็ยังทำแขกไปไทยมา เผลอๆจะนึกว่าบ้านนี้เมืองนี้ อยู่ภายใต้อิทธิพลอำนาจปืน ของรัฐบาลทหาร ท่านนายพล"เหงียนมาร์ค"ไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ที่ป๋าทำไม่ได้นอกจากทำลูก จึงเป็นเหตุให้เด็กดื้อมั่นใจเต็มพิกัด ว่าจะออกฤทธิ์ออกเดชยังไงก็ได้ เดี๋ยวป๋าวิ่งเคลียร์ให้ สบายบรื๋อสะดือปลิ้น หายห่วงหมดกังวล

แม้แต่วันมามากมีองค์กรอิสระเป็นของตัวเองซะอย่าง ป๋าเลยสบายไปแปดอย่าง ต่อให้ขึ้นช้างลงม้า ป๋าก็บ่ยั่น เด็กป๋าทั้งนั้น ตบได้สั่งได้ จะตัดสินยังไง ที่ไหน เวลาใด ขอให้บอก จะเอาตามกฎหมายหรือพจนานุกรม ว่ากันเป็นแพ็คเกจ ก็จัดให้ได้ทั้งนั้นต้องยอมรับว่า กล้าณรงค์ มันชักจะกล้าท้านรกขึ้นทุกที ตัดสินอะไรมันจะบังเอิญให้ถูกที่ถูกเวลาซะขนาดนั้น

อุตส่าห์ลากยาวมาได้ตั้งเป็นนานสองนาน จำเพาะเจาะจงจะมาเกิดสปัสซั่ม เอาตอนที่เขากำลังเข้าด้ายเข้าเข็มจะฉากหลบชิดซ้ายออกไปอีกแค่ไม่กี่วัน ไม่รู้มันจะอกแตกตายกันหรือยังไงเอาเหอะ..ไว้ถึงวันที่ฟ้าสีทองผ่องอำไพ คงได้เห็นหัวล้านติดหนวดสวมแว่นตาดำ ถูกเสียบประจานไว้ที่ทางสามแพร่ง แล้วใครต่อใคร คงได้หัวเราะให้ฟันหักส่วนเหงียนมาร์คคงต้องถูกจารึกชื่อไว้บนบัญชีหนังหมา ในฐานะหัวเชื้อชั้นดีของสงครามกลางเมือง" ตูมมม..."

พูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงระเบิดกึกก้อง ก็ดังขึ้นที่บ้านของนายอวิชา มาหาคุณ เป็นเสียงเตือนนิ่มๆมาจากใครก็ไม่รู้ เพราะโจทย์มันเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด ส่งผลให้ 9 ปปช.ถึงกับฉี่เล็ด เรียกหาบริการจากผู้พิทักษ์สันติราษฎร์กัน ให้เสียงหลงนี่แหละที่เขาว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้เอ็ม-69 อย่าไปคิดอะไรมาก รับใช้ป๋าให้สุดลิ่มทิ่มประตู ไม่นานเกินรอ ต้องมีใครถูกหวยสำหรับเสื้อแดงแล้ว

งานนี้มันก็แค่แย้กัดกัน ใครจะเป็นใครจะตาย ไม่ต้องไปสนใจให้เมื่อยตุ้ม เป้าหมายอยู่ที่อำมาตย์ตัวเดียวอันเดียว ใครไม่เกี่ยวถอยไปดีแล้วที่อำมาตย์ดันทะลึ่งมาเสี้ยมให้แดงแตกเป็น หลายก๊ก บางก๊กไปสุดทางที่เชียงราย บางก๊กขอบายลงที่นครสวรรค์ แต่สุดท้ายแล้ว ทุกก๊กคงต้องตีตั๋วต่อ ไปสมทบกันที่ปลายทางอยู่ดี เมื่อพบว่าปัญหามันไม่จบ เพราะโจทย์จริงอยู่ที่เชียงรายระหว่างนี้ คงต้องเตรียมตัวไว้ให้พร้อม ข่าวเขาว่า อีกไม่ช้าปู่โสมจะไปยาว

คราวนี้คงต้องตีตั๋วนอน มีพระนำ ถึงเวลานั้นสีเขียวคงแย่งกันทำรัฐประหาร ส่วนสีแดงก็เข้าผสมโรง..ปฏิวัติประชาชนอำมาตย์จะตายร้อนหรือว่าตาย เย็น ก็ต้องเลือกวิธีตายเอาไว้แต่เนิ่นๆ ถึงเวลานั้น ประชาชนจะได้จัดให้ถูก ต้องตามความประสงค์ของผู้ตาย เพราะดูแนวโน้มแล้ว...ศพอำมาตย์จะเละแค่ไหน ก็อยู่ที่มันทำอะไรไว้กับประชาชน

วโรทาห์: 16 ก.ย. 52

"แม้ว"ซ้ดยุคฝ่ายบริหารแทรกตั้ง ผบ.ตร.ทำ จนท.เสียขวัญ ลั่นใช้วิบากกรรมหมดแล้ว แฉแกนนำ พธม.เจ้ามือหวย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทวิตข้อความผ่านเว็บไซต์ twitter.com ถึงกรณีที่มีการเลื่อนการเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ ออกไปอย่างไม่มีกำหนด ว่า “เป็นยุคที่ตำรวจเราถูกแทรกแซงอย่างสุดๆ ถ้าคนไม่เข้าใจกฎหมายระเบียบภายในตำรวจ ไปยุ่งกับการบริหารลึกเกินไปก็จะเสียขวัญอย่างนี้ครับ”

นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวขอบคุณแฟนคลับที่ให้กำลังใจกรณีที่ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นเบิกความเป็นพยานในฐานะผู้ร้องคัดค้านคดีที่อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาล ขอให้ทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว จำนวนกว่า 7.6 หมื่นล้านบาท ที่ได้มาจากการการร่ำรวยผิดปกติ ตกเป็นของแผ่นดิน ว่า “ขอบคุณครับ คอรัปชั่นแปลว่า เอาเงินรัฐมาใส่กระเป๋าตัว แต่นี่เป็นเงินครอบครัวที่แสดงบัญชีว่า มีมาก่อนป็นนายก ฯแล้วรัฐฟ้องเพื่อเอาเข้ารัฐ? ” และ “บุญบาป เหมือนสึนามิครับ มาเร็วไปเร็ว ผมได้ใช้วิบากกรรมชาติที่แล้วหมดแล้วครับ สึนามิกำลังจะกลับทะเล เพื่อทะเลจะกลับมาสวยงามกว่าเดิม”


นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังทวิตเตอร์ มีข้อความระบุว่า "หวยบนดินคนจนได้ประโยชน์ ปีหนึ่งประมาณหมื่นล้านบาท นำมาเป็นทุนการศึกษา บัดนี้ ลงใต้ดินหมื่นล้านเข้าเจ้ามือหวย ซึ่งบางคนเป็นแกนนำพันธมิตร"